Email



Email ย่อมาจาก Electronic Mail คือการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีประวัติการเริ่มต้นใช้งานตั้งแต่ประมาณปี 1973 ในโครงการ ARPANET (Advanced Research Projects Agency Network) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นโครงการก่อตั้งศูนย์บัญชาการ สื่อสารข้อมูลในกิจการทหารยามสงคราม

ปัจจุบันนี้ Email ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารอย่างแพร่หลายทั่วโลก การใช้ Email ดังกล่าว มีทั้งผู้ใช้จากองค์กรต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัย, บริษัท และฟรีอีเมล์ เช่น Yahoo, Hotmail เป็นต้น รูปแบบการให้บริการ Email ทั้งในส่วนองค์กรและฟรีอีเมล์ส่วนใหญ่จะทำงานในลักษณะ Web based คือการรับส่ง Email ผ่านทาง Web browser เช่น Internet Explorer หรือ Netscape Navigator แต่ทั้งนี้บริการ Email บางแห่งอาจสามารถใช้งานผ่าน POP3 หรือ IMAP ได้ซึ่งจะอธิบายหลักการต่อไป

การให้บริการ Email โดยสามารถใช้บริการ Email จาก 3 รูปแบบ ดังนี้

1. โปรแกรม Pine เป็นรูปแบบบริการแรกสุดที่สถาบันฯให้บริการและยังคงมีผู้ใช้งานอย่าง ต่อเนื่อง มีผู้นิยมใช้แพร่หลายทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 1995 จนถึง 31 มีนาคม 2003 มีผู้เปิด Pine เป็นครั้งแรกกว่า 26 ล้านครั้ง (เมื่อเริ่มใช้งาน Pine ครั้งแรก โปรแกรม Pine จะมีการส่งข้อมูลไปให้ เจ้าของโปรแกรมเพื่อรวบรวมสถิติ การใช้ครั้งต่อไปจะไม่มีการเก็บสถิติ) ข้อมูลสถิติจาก

การใช้งาน PINE ให้ผู้ใช้งานต้องใช้คำสั่ง telnet ติดต่อไปยัง Mail server คือ mail.cad.go.th แล้วใช้คำสั่ง pine เพื่อเปิดขึ้นมาใช้งาน โดยการทำงานของ PINE จะแสดงผลเฉพาะข้อมูลที่เป็นอักษรเท่านั้น ไม่สามารถดูรูปภาพ เสียงหรือวีดีโอได้

2. โปรแกรม Email Client เป็นโปรแกรมที่ติดต่อเข้าใช้งาน Email ผ่านโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเอง เช่น Outlook Express, Netscape Messenger ซึ่งค่าที่จำเป็นที่สุดที่จะต้อง set เมื่อติดตั้งคือ

Incoming Mail (IMAP)/(POP3): mail.cad.go.th

Outgoing Mail (SMTP): mail.cad.go.th

3. เป็น Address เข้าใช้งาน Email ผ่านทาง Web browser ลักษณะ การใช้งานโดยทั่วไปจะใกล้เคียงกับ ฟรีอีเมล์ที่ให้บริการตาม Web site ต่าง ๆ

ความรู้โดยทั่วไปเกี่ยวกับ Email

การทำงานของระบบ Email องค์ประกอบใหญ่อย่างเห็นได้ชัด จะประกอบด้วย 2 ส่วนดังนี้

1. Mail Server เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมทำหน้าที่ให้บริการรับ/ส่ง Email เปรียบได้กับที่ทำการไปรษณีย์ โปรแกรมที่นิยมทำหน้าที่เป็น Mail Server ในปัจจุบันได้แก่ Sendmail, Qmail,

2. Mail Client เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมทำหน้าเขียน/อ่าน Email เปรียบได้กับกระดาษและปากกา ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นถึงรูปแบบ Email ที่บริการมี 3 รูปแบบคือ โปรแกรม PINE, โปรแกรม Email Client และ ทั้ง 3 อย่างนี้ล้วนทำหน้าที่เป็น Mail Client ทั้งสิ้น มีผู้ใช้งานจำนวนหนึ่งยังคงเข้าใจผิดคิดว่า หลังจากการพิมพ์ข้อมูล Email แล้ว เมื่อกดปุ่ม Send โปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่จะเป็นผู้ส่งไปยังผู้รับเองโดยตรง ซึ่งความเป็นจริง เมื่อกดปุ่ม Send แล้ว Mail Client จะส่งต่อให้ Mail Server เพื่อทำหน้าที่ส่งต่อไปยังMail Server ของผู้รับ ปลายทาง

เพื่อให้สามารถเข้าใจการทำงานอย่างง่าย Email มีรูปแบบการทำงานใกล้เคียงกับการรับส่งไปรษณีย์ธรรมดาที่เราคุ้นเคย สามารถแยกส่วนและเปรียบเทียบกับระบบไปรษณีย์ให้ดูได้ดังนี้

|รายการ |จดหมายธรรมดา |ระบบ Email |

|เขียนจดหมาย |เขียนใส่กระดาษ |พิมพ์ลงบน Mail client program เช่น Pine, MS Outlooks หรือ |

| | | |

|จ่าหน้าซอง |เขียนชื่อ-สกุล ที่อยู่ รหัสไปรษณีย์ |พิมพ์ Email address เช่น |

| | |billgates@ |

|ค่าใช้จ่ายการส่ง |ปิดแสตมป์ |ค่าบริการอินเตอร์เน็ต |

|ส่ง |นำไปหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ |PINE = พิมพ์ Ctrl-X |

| | |MS Outlooks = click Send |

| | |Webmail = click Send |

|ส่ง |บุรุษไปรษณีย์นำกลับไปยังที่ทำการไปรษณีย์ |Mail Client ใช้โปรโตคอล SMTP ติดต่อกับ Mail Server แล้วทำการส่งข้อมูล Email |

| | |ดังกล่าวให้กับ Mail Server |

|ส่ง |ที่ทำการไปรษณีย์คัดแยกจดหมายแล้วส่งต่อไปจนถึงที่|Mail Server ติดต่อกับ Mail Server ปลายทางด้วยโปรโตคอล SMTP แล้วส่ง Email |

| |ทำการไปรษณีย์หลายทาง |ดังกล่าวให้กับ Mail Server ปลายทาง |

|รับ |บุรุษไปรษณีย์นำจดหมายจากที่ทำการไปรษณีย์ |ผู้รับ Email เข้านั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกใช้โปรแกรม Mail Client, ป้อน |

| |จ่ายแก่ผู้รับตามที่อยู่ |user name, password โปรแกรม Mail Client ทำการติดต่อกับ Mail Server เพื่อขอ|

| | |Email ด้วยโปรโตคอลดังนี้ |

| | |MSOutlooks=POP3หรือ IMAP |

| | |Webmail = POP3หรือ IMAP |

| | |Pine=POP3หรือ IMAP แต่หาก |

| | |Pine ทำงานบนเครื่องด้วยกัน Mail server โปรแกรม pine จะอ่าน Email จาก file |

| | |ที่เป็น Inbox โดยตรง |

|อ่าน |อ่านจากจดหมาย |อ่านจากคอมพิวเตอร์ผ่านโปรแกรม Mail Client |

ตารางที่ 1

องค์ประกอบภายใน Email

Mail client ทุกชนิดจะมีรายการภายใน Email ตามแบบมาตรฐาน RFC 822 ที่ถูกเสนอโดย David H. Crocker เมื่อปี 1982 โดยกำหนดชื่อหัวข้อว่า STANDARD FOR THE FORMAT OF ARPA INTERNET TEXT MESSAGES โดยรายการหลัก ๆ มีดังนี้

To: ใส่ Email address ของผู้รับ เช่น sysadmin@cad.go.th

From: ใส่ Email address ของผู้ส่ง เช่น knorasa@cad.go.th ซึ่งมักจะถูกใส่อัตโนมัติ โดยโปรแกรมที่ใช้ หรืออาจจะเป็นชื่อก็ได้ เช่น “Orasa Nuwan”

Subject: ชื่อเรื่องจดหมาย ไม่จำเป็นต้องใส่ แต่แนะนำว่าควรใส่เพื่อให้สื่อให้รู้ว่าเนื้อหาจดหมายจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เช่น “How are you?” เป็นต้น

CC: ย่อมาจาก Carbon copy ใช้ในกรณีที่ต้องการสำเนาจดหมายให้บุคคลอื่น ๆ ทราบเรื่อง

BCc: ย่อมาจาก Blind carbon copy เป็นการสำเนาจดหมายเหมือน CC แต่ผู้รับในช่อง To จะไม่เห็นว่าเราส่งสำเนาจดหมายให้ใครบ้าง

Attachments: ใส่ชื่อ File ที่ต้องการส่งแนบไปพร้อมข้อความ

Body: พิมพ์ข้อความจดหมาย

Signature: ข้อความสั้น ๆ จำนวน 3-4 บรรทัด เพื่อระบุข้อมูลส่วนตัวของผู้ส่ง เช่น ชื่อ-สกุล ที่อยู่ ที่ทำงาน เบอร์โทร เป็นข้อความที่ผู้ส่งกำหนดขึ้นโดยพิมพ์ครั้งเดียว แล้วสามารถใช้ได้ตลอดไม่ต้องพิมพ์ซ้ำ มีความเข้าใจผิดจากผู้ใช้งานบางคนคิดว่า Signature คือลายเซ็นทำให้งงว่าแล้วจะเซ็นลงไปใน Email ได้อย่างไร

Email address

Email address เปรียบได้กับ ชื่อที่อยู่ ของแต่ละคน แต่ละ Email จะเป็นหนึ่งเดียวไม่มีการซ้ำเลยทั่วโลก Email address ประกอบด้วยสองส่วนแยกด้วยสัญลักษณ์ @ (“at”) และต้องไม่มีช่องว่าง เช่น

username@cad.go.th

ชื่อผู้ใช้งาน@ชื่อโดเมนหรือชื่อเครื่อง

user Account@Domain name or Computer Name

ที่มาของ Domain name

จาก Email Address หลังเครื่องหมาย @ (At) คือ Domain name มีที่มาจากการใช้ชื่อย่อประเทศ และประเภทองค์กร ชื่อองค์กร มาเป็นชื่อ Domain

เช่น username@cad.go.th

cad หมายถึง ชื่อองค์กร

go หมายถึง ประเภทองค์กร

th หมายถึง ประเทศ

|ตัวอย่างชื่อย่อองค์กรในประเทศไทย |

|ac |สถาบันการศึกษา |

|mi |หน่วยงานทางทหาร |

|co |การพาณิชย์และธุรกิจ |

|net |ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต |

|go |หน่วยงานภาครัฐ |

|in |องค์กรและบุคคลทั่วไป |

|or |องค์กรไม่หวังผลกำไร |

ตารางที่ 2

|ตัวอย่างชื่อย่อองค์กรในสหรัฐอเมริกา |

|com |ธุรกิจ |

|edu |การศึกษา |

|gov |รัฐบาล |

|net |เครือข่าย |

|org |องค์กร |

ตารางที่ 3

|ตัวอย่างชื่อย่อประเทศ |

|au |Australia |

|ca |Canada |

|jp |Japan |

|uk |United Kingdom |

|th |Thailand |

ตารางที่ 4

มีข้อสังเกตเพิ่มเติม คนจำนวนมากใช้ ฟรีอีเมล์ เช่น somchai@, somchai@ จะไม่เห็นชื่อย่อประเทศต่อท้าย เหตุผลมาจาก ระบบ Email ถูกคิดค้นโดยประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเริ่มใช้งานจึงกำหนดเพียงแค่ ชื่อองค์กร และ ประเภทองค์กร เมื่ออินเตอร์เน็ตขยายตัวกระจายวงกว้างไปประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก การจดทะเบียนชื่อเพื่อไม่ให้ซ้ำกันในแต่ละประเทศจึงมีการกำหนดรหัสประเทศต่อท้าย

คำย่อที่ควรทราบ

SMTP

SMTP(Simple Mail Transport Protocol) เป็นกลุ่มของกฎเกณฑ์ (Protocol) ที่ใช้ในการส่ง Email จาก Mail Client ไปยัง Mail sever และระหว่าง Mail Server ด้วยกัน

POP

POP(Post Office Protocol) ปัจจุบันพัฒนามาจนถึงเวอร์ชัน 3 POP เป็น Protocol ที่ใช้ในการโหลด Email จาก Mail Server ไปยัง Client ซึ่งจะทำงานในแบบ Client-Server เมื่อ Mail sever ได้รับ Email จากผู้ส่งจะเก็บ Mail ไว้ใน Mailbox ของผู้รับ เมื่อผู้รับใช้เรียกโปรแกรม Mail Client เปิดอ่าน ตัวโปรแกรมจะเชื่อมต่อไปหา Mail Server ด้วยวิธี POP

IMAP

IMAP(Internet Message Access Protocol) ปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน 4 เป็นอีกวิธีในการรับ Email ซึ่งได้รับการแก้ไขและปรับปรุงจาก POP จึงทำให้มีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้หลากหลาย มากกว่า IMAP ถูกออกแบบมาใช้งานในลักษณะ Remote กล่าวคือ Email เก็บอยู่ที่ Server ตลอดเวลา โปรแกรมจะทำเพียงแค่ไป Download เฉพาะ Headers หรือเนื้อหาของจดหมาย ฉบับที่ต้องการจาก Mailbox ของผู้ใช้บน Mail server นำมาแสดงบนจอภาพแต่ไม่ได้ลบ Email ออกจาก Mail server โปรแกรมที่ใช้ IMAP ก็จะมีความสามารถในการจัดการ Email ที่อยู่บน Mail Server โดยตรง เช่น ลบและเคลื่อนย้าย Email บน Server ได้เมื่อต้องการ

MIME

MIME(Multipurpose Internet Mail Extensions) เป็นเทคนิคในการเข้ารหัสและถอดรหัสในการรับส่ง Email ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของ Email หรือไฟล์ประเภทต่างๆที่แนบไปกับ Email เช่นไฟล์รูปภาพ เสียง วีดีโอ ในยุคแรกที่มีการใช้ Email ถ้าต้องการแนบไฟล์ ที่ไม่ใช่เป็นไฟล์เท็กซ์(มีเฉพาะตัวอักษร ในรหัส ASCII) จะต้องทำการแปลงข้อมูลก่อนด้วยคำสั่ง UUENCODE และด้านผู้รับก็จะต้องแปลงข้อมูลกลับมาให้อยู่ในรูปแบบเดิมโดยใช้คำสั่ง UUDECODE แต่ในปัจจุบันโปรแกรมต่างๆ ได้ทำหน้าที่นี้ให้โดยอัตโนมัติ การเข้ารหัสและถอดรหัสมีอยู่ด้วยกัน 6 วิธีคือ Quoted-Printable, Base64, Binary, Seven-Bit, Eight-Bit และ X-Token

S/MIME

S/MIME(Secure/Multipurpose Internet Mail Extensions) เป็นการแปลงรหัสตามเทคนิค MIME ที่ได้เพิ่มเติมระบบรักษาความปลอดภัย คือได้เพิ่มส่วนการเข้ารหัสข้อมูลและการส่งลายเซ็นดิจิตอล (Digital Signature) เข้าไปในข้อมูล Email

ที่มา : สำนักวิจัยและบริการคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

-----------------------

ความเป็นมาของ E-mail

................
................

In order to avoid copyright disputes, this page is only a partial summary.

Google Online Preview   Download