แผนการจัดการเรียนรู้สาระการเรียนรู้พื้นฐานภาษาอังกฤษ



Unit 1

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Lifestyle ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 Appearances Can Be Deceiving

แผนการเรียนรู้เรื่อง Don’t Judge a Book by its Cover เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

ในการอ่านเพื่อจับใจความหลัก นักเรียนต้องมีวัตถุประสงค์ในการอ่าน และต้องรู้วิธีการเดาความหมาย

ของคำศัพท์จากบริบทและโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน จึงจะทำให้จับใจความได้ดี

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 อ่านและเข้าใจข้อความที่ผู้เขียนบรรยายถึงอาชีพรองที่ต้องซ้อนเร้น (ต 1.1.4 ; ต 4.2.1 )

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน (ต 2.2.1)

2.1.2 เดาความหมายของคำศัพท์จากบริบท (ต 1.2.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อในเรื่องที่อ่าน (ต 1.2.3 ; ต 1.3.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 สร้างประโยคที่ใช้ Tense ต่างๆ ได้ถูกต้อง (ต 2.2.1)

2.2.2 พูดเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียได้ (ต 1.2.3)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทความเรื่อง ‘Don’t Judge a Book by its Cover’ ในหนังสือเรียน หน้า 2-3

3.2 หน้าที่ภาษา

- Talking about daily life

3.3 คำศัพท์และสำนวน

have a big ego - think that you are very clever or important

etymology n. - the study of the origin, history, and changing the meanings of words

serial killer n. - killing or murders that are done in the same way one after the other

to be very big - (informal) successful or popular, especially in businees or entertainment.

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Present simple, Present perfect และ Past simple

- Adverbs/expressions of frequency

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 สุภาษิต ‘Don’t judge a book by its cover’

อย่าตัดสินอะไรจากสิ่งที่เห็นภายนอกเพียงอย่างเดียว

3.5.2 When people have two jobs, we describe the second job as “moonlighting”,

because they are generally done at night. Common jobs that people moonlight as include waiter,

cabdriver and security guard.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

Warm Up

(1) ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของแต่ละคนในแต่ละสัปดาห์ โดยครูเล่า

กิจกรรมของตัวเองเป็นตัวอย่าง เช่น

I usually arrive at school half an hour before it starts so that I can get everything

prepared; I always try and do some exercise in the evening; I go to the cinema once

a month with my friends. I have different lifestyle on weekends.

ครูให้นักเรียนถามคำถามเกี่ยวกับกิจกรรมในวันหยุดของครูและให้เดาว่าเป็นกิจกรรมอะไรบ้างเช่น

- Do you do it at home or outside?

- Do you do it alone or with others?

(2) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ซักถามหรือเล่ากิจกรรมที่ทำเป็นประจำในวันธรรมดาและวันหยุด

สุดสัปดาห์ซึ่งกันและกัน

(3) นักเรียนทำงานเป็นคู่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับ the most interesting/exciting thing you’ve done

โดยครูสุ่มให้นักเรียนบางคนนำเสนอ หรือให้นักเรียนอาสาสมัครออกมาเล่าหน้าชั้น

(4) ครูซักถามความหมายของชื่อเรื่อง ‘Don’t Judge a Book by its Cover’ ซึ่งมีความหมายว่า

You should not judge a person or thing merely by appearances because the reality

often lines deeper ครูอาจให้นักเรียนเปรียบเทียบกับสุภาษิตไทย

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูให้นักเรียนศึกษาคำศัพท์ใหม่ ซึ่งครูเขียนคำจำกัดความไว้บนกระดาน

(2) ครูให้นักเรียนศึกษาประโยคที่นักเรียนจะต้องเติมในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ในหนังสือเรียน

หน้า 3เพื่อให้เป็นแนวทางในการอ่านอย่างมีจุดประสงค์ และในขณะที่อ่านให้

ขีดเส้นใต้ประโยคอ้างอิงคำตอบด้วย

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านบทอ่าน และเติมคำในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ในหนังสือเรียน หน้า 3

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน แล้วตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2

1. Hazel (“When...I wanted... study writing, my parents told me that I couldn’t”)

2. Helena (“My grandfather was an etymologist and he used to tell me stories... interest”)

3. Hazel (“my agent told me..’my name sounded...like a romance novelist..., okay”)

4. Neil (“But can you imagine how difficult it would be,...They’d tease you mercilessly”)

5. Helena (“But I’m also doing some of my own research so that I can get a Ph.D.”)

6. Neil (“I didn’t want people to think I had a big ego”)

7. Helena (‘In this business, many people think that being intelligent means you’re

threatening...in the class.)

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-5 คน อภิปรายในหัวข้อที่ 1 และหัวข้อที่ 2 ของแบบฝึกหัด

ที่ 3 Discussion ในหนังสือเรียน หน้า 3

(2) ให้นักเรียนทบทวน Grammar เรื่องการใช้ Tense ต่างๆ ในแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ในหนังสือเรียน

หน้า 4 โดยการศึกษาด้วยตนเองจากหนังสือเรียน แล้วทำแบบฝึกหัดข้อ A - ข้อ C หน้า 5

(หมายเหตุ ถึงแม้ว่านักเรียนจะเรียนไวยากรณ์ดังกล่าวมาแล้ว แต่ควรจะได้มีการทบทวนอยู่

เสมอ เพื่อให้นักเรียนนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ)

(3) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน แล้วตรวจคำตอบกับครูพร้อมกันทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4

A 1. f (John’s been collecting...) 5. c (shouldn’t)

2. e (If...try...) 6. b (...he had never been...)

3. h (to retire) 7. d (I’m playing...later.)

4. g (Sian worked...) 8. a (writing)

B (แบบฝึกหัดนี้มีคำตอบได้หลายอย่าง เมื่อนักเรียนเลือกข้อไหนครูอาจจะให้นักเรียนอธิบาย

ถึงเหตุผลในการเลือกแต่ละข้อ เพื่อเป็นการประเมินว่านักเรียนเข้าใจอย่างแท้จริง)

1. is paying/paid/pays

2. has studied/has been studying

3. is taking/is going to take (will is not possible because there is clearly a plan)

4. is having/is going to have

5. will/would get married; gets/got (depends on how likely they see it as happening)

6. has...wanted

7. know...worked

8. had/is having

C ครูให้นักเรียนใช้บทอ่านเรื่อง ‘Don’t Judge a Book by its Cover’ เป็นแนวทางใน

การเขียน โดยให้นักเรียนจินตนาการจากภาพยนตร์ ละคร หรือจากตัวอย่างใกล้ตัว เช่น

เพื่อนของบิดามารดา ญาติ พี่น้อง เป็นต้น

ตัวอย่างของงานเขียน

Pamela is a writer. She travels a lot to collect information for her work. She has

loved playing with clay since she was a little girl. She’s made many things from

clay especially dolls. Now she has more than 500 ceramics of dolls.

(4) เมื่อนักเรียนสามารถแต่งประโยคและเข้าใจไวยากรณ์ที่ทบทวนแล้ว ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ใน

แบบฝึกหัดที่ 3 Discussion โดยให้เขียนก่อน แล้วครูสุ่มให้นักเรียน 3-4 คนเป็นตัวแทนนำเสนอพูด

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 2-5

5.2 Workbook 6 หน้า 2-4

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากคำตอบในแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 3 (ต 1.1.4 ; ต 4.2.1)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากกิจกรรมการเขียนและการพูดแสดงความคิดเห็นใน

แบบฝึกหัดที่ 3 A หน้า 3 (ต 1.2.3 ; ต 1.3.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 เพื่อฝึกหัดการตั้งคำถามและตอบคำถาม Yes-No questions ในรูปแบบการสัมภาษณ์ให้นักเรียน

ทำแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ข้อ B ในลักษณะของเกม 20 คำถาม โดยครูทำเป็นตัวอย่าง โดยให้นักเรียน

คิดอาชีพ และครูเป็นผู้ถาม เช่น - Do you do it at night or during the day?

- Do both men and women do it?

7.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ C - ข้อ I ใน Workbook หน้า 2-4 เพื่อฝึกการใช้ Tense ดูเฉลย

หน้า 215-216

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การเขียนแสดงความคิดเห็น

8.3 การพูดแสดงความคิดเห็น

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Lifestyle ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 Appearances Can Be Deceiving

แผนการเรียนรู้เรื่อง How the past saw the future เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังบทสนทนาหรือข้อความที่ยาวนั้น ผู้ฟังจะต้องมีจุดประสงค์ในการฟัง เพื่อที่จะได้ข้อมูลตามที่

ต้องการ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 ฟังบทสนทนา แล้วบอกข้อมูลเฉพาะได้ (ต 1.1.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์และสำนวนในบทสนทนาได้ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทสนทนา : การสัมภาษณ์นักเขียน Dr. Susan Cooper ในหนังสือเรียน หน้า 6

3.2 คำศัพท์และสำนวน

naive adj. - not having much experience of how complicated life is so that you trust

people too much and believe that good things will always happen

amid prep. - among or surrounded by

portray v. - to describe or represent something or someone

portrayal n. - the action of portraying someone or something

vision n. - a picture in your mind of a possible situation or scene

escapism n. - something that helps you to forget about your normal life and think

of more pleasant things

emission n. - an amount of gas or other substance that a machine or factory produces

and sends into the air

rerun n. - a film or old television programme that is being shown again

3.3 การออกเสียงสระ /ea/

3.4 Vocabulary Activator : False friends (A word in a foreign language that seems similar to one

in your own so that you wrongly think they both mean the same thing.)

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับภาพยนตร์ในรูปโปสเตอร์ (Posters) ในหนังสือเรียน หน้า 6 และให้

นักเรียนตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ A

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 A

ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องเป็นสิ่งที่เราพบเห็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากจำนวนมนุษย์เพิ่มมาก

ขึ้นจึงหาที่อยู่เพิ่มขึ้นในแนวตั้ง คือ อาศัยอยู่บนตึกสูงๆ นอกจากนี้มนุษย์กำลังสำรวจเพื่อหา

ทางไปอาศัยอยู่บนดาวอังคารและดาวเคราะห์ดวงอื่นๆซึ่งตรงกับคำทำนายในภาพยนตร์

ในกรณีที่นักเรียนไม่เคยชมภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องนี้ ครูให้ความรู้แก่นักเรียนดังนี้

Blade Runner presents a very dark image of the future where people live in enormous

cities of skyscrapers (with virtually non-stop rain), the Earth has various colonies in outer space, and

there are robots who behave like humans; however, there are also such things as flying cars.

Minority Report presents a slightly less somber view of the future, although the state has almost

total control over the lives of the people, and technology is used to help control them.

ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องนี้สร้างจากผลงานของ Philip K. Dick นักเขียนนวนิยายเชิงวิทยาศาสตร์

ชาวอเมริกัน

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) นักเรียนศึกษาคำศัพท์ใหม่ที่ครูเขียนบนกระดาน ได้แก่ คำว่า naive, amid, portray, portrayal,

vision, escapism, emission, rerun

(2) นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 6

(3) ให้นักเรียนฟังเทป 1-2 ครั้ง แล้วทำงานเป็นคู่ พิจารณาเลือกคำตอบที่ถูกต้อง

(4) นักเรียนฟังเทปอีก 1 ครั้ง เพื่อตรวจคำตอบ

(5) ครูตรวจคำตอบที่ถูกต้องพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 B

1. b 2. a 3. a 4. c

LISTENING SCRIPT

Presenter : Have you ever looked at magazine photos from the fifties and sixties and seen

how they believed the future was going to be? Today, as survivors of the old

millennium, we may be tempted to laugh at some of the naive beliefs on display.

Where, for example, are the cell phones or pollution problems amid the pictures

of robots and cities that reached the sky? Today’s guest, Dr. Susan Cooper, author

of the book Future Perfect, believes that we should be more respectful, because

one day, and not too far off in the future, we’ll be in the same position.

Dr. Cooper, thank you for coming into the studio today.

Dr. Cooper : My pleasure.

Presenter : So, Dr. Cooper, what first made you interested in the subject of

how the past saw the future?

Dr. Cooper : Well, it was a chance comment my mother made. She was very tired after a day’s

work and then, cooking a meal, she laughed and said that when she was a child

people said that robots would be doing everything, not people, and I began to ask

myself how accurately we’re predicting the future. I mean, you go and see films

like Minority Report or even Blade Runner and you have to ask yourself how accurate

that portrayal will prove to be. I mean, it looks very good in the movies, but does

anyone really believe that in fifty years’ time we’ll be able to see the future and that

cars will be driving up the sides of buildings?

Presenter : But aren’t you running the risk of taking things a little too seriously? I mean, maybe

even in the fifties they knew that the idea of having robots in the home was a little

crazy, but we do have some fantastic inventions nevertheless, like the Internet,

cell phones and digital recording equipment, to name just a few.

Dr. Cooper : Of course, I agree, but there are two things we need to look at very carefully:

one is what’s harmless fun, and the other is what’s actually harmful.

Presenter : What do you mean?

Dr. Cooper : Well, I think it’s pretty clear that every generation’s vision of the future involves some

kind of harmless escapism from their troubles. For example, 1950s America was

threatened by technology in the shape of the nuclear bomb, so their visions of the future were all about technology being used to make life better.

Presenter : I see.

Dr. Cooper : However, even though it’s harmless escapism, we need to think carefully about the

consequences of our actions in the present. For example, right up until the late

seventies, people never seemed to think about the effects of car emissions on the

environment, and then suddenly the energy crisis hit and people became aware of the enormous environmental problem we still face today. Urban planners designed entire

cities based on car use, and never imagined the problems it would cause. So, when

we look at the future and try and imagine what it will be like, we need to think about

more than just what new inventions will exist. We also need to consider the effects our

own time and inventions will have on our children’s world.

Presenter : Dr. Cooper, I’m afraid that that’s all we’ve got time for today, but

thank you for coming on the show.

กิจกรรมหลังฟัง

(1) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 6 เป็นคู่

(2) ให้นักเรียนตรวจคำตอบจากการฟังเทป

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 6 A

| air |cheer |turn |

|bear |clear |earth |

|tear1 |dear |learn |

|wear |fear | |

| |gear | |

| |hear | |

| |near | |

| |tear2 | |

|art |cheese |bed |

|heart |bead |head |

| |cheat |read4 |

| |freak |sweat |

| |meat | |

| |neat | |

| |read3 | |

| |seat | |

1 = rip 2 = water released when crying 3 = infinitive 4 = past tense

4.2 การใช้คำศัพท์อย่างถูกความหมาย

(1) ครูให้นักเรียนบอกคำในภาษาไทยที่มาจากคำภาษาอังกฤษ และบอกด้วยว่ามีความหมาย

เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ตัวอย่างคำตอบ

- fashion มีความหมายเหมือนกัน

- fit ในภาษาไทยมีความหมายว่า ‘คับ’ เช่น เสื้อตัวนี้ฟิต แต่ในภาษาอังกฤษจะมี ความหมายว่า ‘พอดี’ เช่น This shirt fits me perfectly.

- fan ในภาษาไทยมีความหมายว่า ผู้ที่ชอบหรือคลั่งไคล้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งมีความหมาย เช่นเดียวกับภาษาอังกฤษ คือ Someone who likes a particular sport or performing art very much, or who admires a famous person.

(2) ครูอธิบายคำว่า ‘false friend’ ซึ่งเป็นการแนะให้นักเรียนต้องรู้จักความหมายของคำศัพท์ อย่างถูกต้อง

(3) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ ทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ A - ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 7 (นักเรียนควรใช้dictionary ในการหาความหมายของคำศัพท์)

(4) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับหัวข้ออื่นๆ

(5) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

A 1. file 6. factory

2. sympathetic 7. intends

3. attendance 8. an arrangement

4. hits 9. pregnant

5. introduce 10. desert

B ในการทำแบบฝึกหัดข้อนี้ นักเรียนจะได้รู้ความหมายของคำศัพท์ที่ไม่ได้ใช้ในข้อ A

1. assistance 6. exits

2. pretends 7. present

3. fabric 8. embarrassed

4. compromise 9. carpet

5. dessert 10. comprehensive

C บางประโยคในแบบฝึกหัดนี้จะให้ความหมายที่ขบขัน ครูควรให้นักเรียนหาว่าเป็นประโยคใด

(ประโยคที่ให้ความหมายขบขันคือ ประโยคที่ 6)

1. Don’t miss the Eiffel Tower when you’re in Paris!

2. I’m thirsty-do you want to have a beer?

3. Italian cuisine/food is popular all over the world.

4. Real Madrid is the most famous/well-known soccer club in the world.

5. There are lots of great paintings in the Guggenheim Museum.

6. On Sundays I like going to the park, sitting on a bench, and watching the people

go by.

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 6-7

5.2 เทปบันทึกเสียงบทสนทนา

5.3 เครื่องเล่นเทป

5.4 Workbook หน้า 4-5

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจคำตอบแบบฝึกหัดที่ 5 B หน้า 6 (ต 1.1.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-5 คน อภิปรายในหัวข้อต่อไปนี้

1. Do you agree or disagree with Dr. Cooper’s theories?

2. Do visions of the future always reveal the things that worry us in the present?

7.2 นักเรียนเลือกทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ H - ข้อ J ใน Workbook หน้า 4-5 ดูเฉลยหน้า 215-216

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการฟัง

8.2 การออกเสียงคำในภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Lifestyle ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 Appearances Can Be Deceiving

แผนการเรียนรู้เรื่อง Locking Time Away เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านบทความเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ ผู้อ่านควรอ่านข้อความทั้งหมดเพื่อหาใจความหลักซึ่งจะนำไปสู่

การหาข้อมูลเฉพาะได้

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 อ่านบทอ่านเข้าใจและจับใจความได้ (ต 1.1.4 ; ต 2.2.1)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์และสำนวนในบทอ่าน (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดเพื่อให้ข้อมูลและอธิบายเหตุการณ์ปัจจุบันได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 สร้างประโยคโดยใช้ความหมายของคำศัพท์ได้อย่างถูกต้อง (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 พูดและจดบันทึกการสัมภาษณ์และนำมาเขียน profile ของผู้ให้สัมภาษณ์ได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 สร้างประโยคคำถาม Wh-questions เพื่อหาข้อมูลส่วนตัวของบุคคลได้ (ต 2.2.1)

2.3.2 เขียนประโยคเพื่อบรรยาย lifestyle ของบุคคลได้ (ต 1.2.3)

2.3.3 ใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง (ต 4.2.3)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทความเรื่อง ‘Locking Time Away’ ในหนังสือเรียน หน้า 8

3.2 คำศัพท์และสำนวน

archeologist n. - people who study the ancient societies by examining what remains

of their buildings, graves, tools, etc.

นักโบราณคดี

essence n. - the most basic and important quality of something

สาระสำคัญ

crypt n. - a room under a church, used in former time for burying people

posterity n. - people who will live after you are dead

คนรุ่นหลัง

digital adj. - using a system in which information is represented in the form of

changing electrical signals

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

นักเรียนอ่านบทความเรื่อง ‘Locking Time Away’ ในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ในหนังสือเรียน หน้า 8

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ช่วยกันตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 ข้อ A โดยครูและนักเรียนช่วยกัน

ทำคำถามที่ 1 เป็นตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนทุกคนเข้าใจความหมายของคำว่า “a time capsule”

(2) ครูสุ่มให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นในคำตอบข้อที่เหลือ ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน

(3) นักเรียนศึกษาคำศัพท์ที่ครูเขียนคำจำกัดความไว้บนกระดาน

(4) นักเรียนอ่านบทอ่านครั้งที่ 1 เพื่อจับใจความโดยรวม

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนศึกษาวลี ข้อ a-h ในหนังสือเรียน หน้า 9 แล้วนำไปเติมในบทอ่านหน้า 8 ครูอาจจะทำข้อ 1

เป็นตัวอย่าง โดยแนะให้นักเรียนเห็นว่าข้อความในข้อ d นั้นมีคำว่า animals, plants และ artifacts

อยู่ ซึ่งข้อความใน clause ถัดมานั้นก็มีคำว่า ‘these things’ ซึ่งเป็นคำแทนคำที่กล่าวมาแล้ว

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน และอภิปรายในกรณีที่คำตอบไม่ตรงกัน

(3) นักเรียนตรวจคำตอบจากการฟังเทป

(4) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น และสุ่มให้นักเรียนบางคนอธิบายเหตุผลในการเลือกคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 8 B

1. d 2. c 3. e 4. h 5. b 6. g 7. a

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การเขียนและการพูด

นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ในหนังสือเรียน หน้า 9

(1) ครูให้นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 9 ข้อ A แล้วครูให้นักเรียนบางคนนำเสนอความคิด

ครูเขียนคำตอบบนกระดานเพื่อเป็นตัวอย่าง แล้วให้นักเรียนแต่ละคนเขียนสิ่งที่ต้องการเก็บไว้ใน

‘time capsule’ คนละ 10 รายชื่อ

(2) นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน ทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 9 ข้อ B อภิปรายและลงความเห็นเลือก

สิ่งของที่กลุ่มมีความเห็นร่วมกัน 10 อย่างที่จะบรรจุลงใน ‘time capsule’ โดยมีเลขากลุ่มเป็นผู้จดบันทึก

(3) แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอผลงานของกลุ่ม พร้อมทั้งเหตุผลในการเลือกสิ่งของนั้นๆ ที่เกี่ยวข้อง

กับการดำรงชีวิตของมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ที่เห็นได้อย่างเด่นชัด เช่น computer, mobile telephone, etc.

4.3 การเขียน

ในการทำแบบฝึกหัดที่ 10 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 9 นี้ นักเรียนจะได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาในบทนี้

(1) นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 10 ข้อ A แล้วใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีในการสร้าง

คำถามเพื่อที่จะสัมภาษณ์เพื่อนตามหัวข้อที่โจทย์กำหนด แล้วนำไปสัมภาษณ์เพื่อนในลักษณะ

แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แล้วจดบันทึกไว้

(2) ให้นักเรียนนำข้อมูลที่ได้มาเขียน profile ของเพื่อนที่ถูกสัมภาษณ์ครูแนะให้นักเรียนเขียนให้

เป็นปัจจุบันเพื่อให้น่าสนใจสำหรับเป็นข้อมูลที่จะบรรจุลงใน ‘time capsule’ ซึ่งอาจจะได้ค้นพบ

ในอีก 50-60 ปี ในอนาคต

(3) เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จแล้ว ให้แลกเปลี่ยนกันอ่านพร้อมทั้งตรวจแก่ โดยตรวจดูความถูกต้อง

ทั้งไวยากรณ์ คำศัพท์และเครื่องหมายวรรคตอน ซึ่งนักเรียนอาจจะไม่ต้องแก้ให้ถูกต้องแต่ใช้

อักษรย่อกำกับคำที่ผิด ดังนี้

Gr-grammar P-punctuation

T-tense WO-word order

Sp-spelling WW-wrong word

แล้วส่งคืนให้เจ้าของแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งนักเรียนอาจจะถามเพื่อนผู้แก่ หรือถามครู หรือเปิด

dictionary

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 8-9

5.2 Workbook 6 หน้า 5-6

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 โดยตรวจสอบความถูกต้องของการเติมข้อความในบทอ่าน

ในแบบฝึกหัดที่ 8 B หน้า 8 (ต 1.1.4 ; ต 2.2.1)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 โดยการตรวจการทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 9 ข้อ A - ข้อ C

(ต 1.2.3)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 โดยการตรวจการสัมภาษณ์และการเขียน profile (ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 Journal writing หัวข้อที่เสนอแนะ

- What I’d like to achieve in this English course

- My biggest worry about/hope for the future

- A time when I’ve judged a book by its cover

7.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ J และข้อ K ใน Workbook หน้า 5-6 ดูเฉลยหน้า 216

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเติมข้อความในบทอ่านเรื่อง ‘Locking Time Away.

8.2 คำถามที่ใช้ในการสัมภาษณ์และบันทึกข้อมูลจากการสัมภาษณ์

8.3 Profile ของบุคคลที่นักเรียนสัมภาษณ์

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 2

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Entertainment ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 The Big Picture

แผนการเรียนรู้เรื่อง Movies today เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านและพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์และดาราภาพยนตร์เป็นการฝึกใช้ภาษาได้อย่าง

กว้างขวางและน่าสนใจ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจ ตีความ วิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทอ่านที่เป็นความคิดเห็นของบุคคลต่างๆ

(ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ในบทอ่าน (ต 2.2.1)

2.1.2 บอกความหมายของคำศัพท์ที่มีความหมายตามโจทย์กำหนดได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้ภาษาเพื่อแสดงความคิดเห็นได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 วิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันได้ (ต 1.1.4)

2.2.3 เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์ได้ (ต 1.3.3 ; ต 2.1.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 ข้อเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์ ในหนังสือเรียน หน้า 10-11

3.2 หน้าที่ภาษา

- Expressing likes and dislikes

- Preferences and giving justification for choices

3.3 คำศัพท์และสำนวน

dumb adj. - stupid

dub v. - to change the original spoken language of a film or television programme

into another language

sequel n. - a book, film, play, etc that continues the story of an earlier one, usually

written or made by the same person

สิ่งที่ตามมาทีหลัง เช่น หนังสือเล่มต่อไป

obsess v. - (usually passive) if something or someone obsesses you, you think about

them all the time and you cannot think of anything else

skip v. - (informal) to not do something that you usually do or that you should do

celebrity n. - a famous person, especially someone in the entertainment business

fantasy n. - an idea belief that is based only on imagination, not on real facts

3.4 ภาษาและวัฒนธรรม

3.4.1 ความรู้เกี่ยวกับภาพยนตร์

In the early days of Hollywood, cinema was often referred to as “the silver screen” because

of the color of the screen. Film stars were therefore known as “stars of the silver screen”

3.4.2 ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม

Hollywood’s sign on the hills is famous throughout the world, but it was never designed

to advertise the movie industry. Erected in the 1920s, it was actually intended to advertise

a housing development in the Hollywood Hills, but it became so popular with both tourists

and the industry that it was decided to leave it up long after all the houses were sold.

However, even though Hollywood is by far the richest sector of the world’s movie industry,

it is not the most productive. More films are produced in India per year than in the USA,

earning its studios in Bombay the nickname of Bollywood.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ ตอบคำถามข้อ 1-3 ในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ในหนังสือเรียน

หน้า 10 โดยเน้นที่ข้อ 1 และข้อ 2 เป็นความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาพยนตร์และดาราภาพยนตร์ของ

Hollywood ซึ่งนักเรียนอาจจะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ ครูอาจจะเป็นผู้ค้นคว้ามาให้นักเรียนหรืออาจจะถาม

เกี่ยวกับภาพยนตร์และดาราภาพยนตร์ในประเทศไทย ส่วนคำถามข้อ 3 นั้นเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียน

ได้ฝึกพูดอย่างเสรี เพราะเป็นคำถามเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ครูสุ่มให้นักเรียนบางคนนำเสนอคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 A

ข้อ 1

1. Penelope Cruz, Antonio Banderas, Brad Pitt, Jennifer Aniston, Lucy Liu, Will Smith.

2. Possible movies to name if students are unable to do so are: Vanilla Sky, Woman on Top

(Penelope Cruz); Zorro (Antonio Banderas); The Good Girl(Jennifer Aniston); The Fight

Club, Ocean’s Eleven (Brad Pitt); Charlie’s Angels(Lucy Liu) ; Men in Black, Ali (Will Smith)

ข้อ 2

Answers will vary depending on when you use the book. (ครูอาจหาข้อมูลหรือมอบหมาย

ให้นักเรียนค้นหาจาก Internet หรือใช้คำถามเกี่ยวกับรางวัลตุ๊กตาทองในประเทศไทยแทน)

(2) ให้นักเรียนอ่านข้อเขียนแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่างๆ ทั่วโลกเกี่ยวกับภาพยนตร์ แล้ว

ทำงานเป็นคู่ พิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับข้อเขียนเหล่านั้นตามคำถามต่อไปนี้

- Do you agree or disagree with the statements?

(3) ครูเขียนความหมายของคำศัพท์บางคำที่คาดว่านักเรียนอาจจะไม่รู้บนกระดาน

(4) ให้นักเรียนแต่ละคู่ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคู่อื่นๆ

Possible idea : We agree with Jimmy, Antonia, Nick and Cliff but disagree with the rest.

(5) ครูอาจจะแนะนำการใช้สำนวนในการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เช่น

- I strongly agree/disagree.

- I don’t have an opinion.

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) ให้นักเรียนอ่านข้อความอีกครั้งหนึ่งเพื่อทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ข้อ A และ

ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 11

(2) ในการทำแบบฝึกหัดที่ 2 ข้อ A นั้นให้นักเรียนหาข้อความที่สนับสนุนคำตอบของนักเรียนจาก

บทอ่านด้วย

(3) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2

A 1. Judy (...products are there just so that they can be sold to little kids later.)

2. Oliver (They always star the same actors and the same stories.)

3. Nick (...too many sequels and not enough original movies.)

4. Cliff (...there’s too much fuss made about Hollywood stars.)

5. Marshall (I never go to the movies because it’s expensive.)

B 1. sequel (Nick) 2. subtitle (Jimmy)

3. scene (Marshall) 4. adaptation (Ofelia)

5. star (Cliff) 6. merchandising (Judy)

4.2 กิจกรรมหลังอ่าน

ให้นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ในหนังสือเรียน หน้า 11

(1) นักเรียนศึกษาคำถามทั้ง 3 ข้อ โดยครูเขียนความหมายของคำศัพท์บางคำในคำถามบนกระดาน

- fantasy - violence - influence

(2) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ช่วยกันพิจารณาแสดงความคิดเห็นของคำถามทั้ง 3 ข้อ

คำถามข้อที่ 1 เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ซึ่งอาจจะมีทั้งเห็นด้วย

และไม่เห็นด้วย ครูควรคัดเลือกความคิดเห็นที่น่าสนใจของนักเรียนและให้นักเรียน

นำเสนอหน้าชั้นเป็นตัวอย่าง

คำถามข้อที่ 2 ครูอาจจะยกตัวอย่างภาพยนตร์ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้ สงคราม การแก้แค้น

เป็นต้น หรือครูอาจจะยกตัวอย่างสื่ออื่นๆนอกเหนือจากภาพยนตร์ เช่น video games หรือ ละครโทรทัศน์

คำถามข้อที่ 3 ครูควรแนะหัวข้อที่พบเห็นรอบๆ ตัว เช่น fashion, family relationship, love, aspirations

(ความทะเยอทะยาน ความปรารถนาอยากเป็นอยากได้) ซึ่งเป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์ เป็นต้น

(3) ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคู่อื่นๆ ก่อนนำเสนอ ถ้าหากเป็นห้องเรียนขนาดเล็ก

ควรให้นักเรียนมีโอกาสนำเสนอทุกคู่ แต่ถ้ามีนักเรียนจำนวนมากอาจจะให้นักเรียนคัดเลือก

กันเองว่า ข้อคิดเห็นของใครน่าสนใจเพื่อนำเสนอ

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 10-11

5.2 Workbook 6 หน้า 11

5.3 รูปภาพของดาราภาพยนตร์ไทย

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากคำตอบแบบฝึกหัดที่ 2 ข้อ A และข้อ B หน้า 11 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการอภิปรายแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 3 หน้า 11

(ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ I และข้อ J ใน Workbook หน้า 11 ดูเฉลยหน้า 216

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์และผลกระทบ

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์และผลกระทบ

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

ศิลปะ ; สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Entertainment ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 The Big Picture

แผนการเรียนรู้เรื่อง Behind the Scenes เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังการสัมภาษณ์เป็นการฟังเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ (specific items) เป็นทักษะที่ผู้เรียนจำเป็นต้อง

ฝึกฝน เพื่อนำไปใช้ในการเรียนและในชีวิตประจำวัน

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 ฟังบทสนทนาเข้าใจ โดยบอกข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังได้ (ต 1.1.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์และสำนวนจากบทสนทนาได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 บอกความหมายของโครงสร้างประโยคที่ใช้Present tenses ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 ออกเสียงคำที่เขียนเหมือนกันแต่ออกเสียงต่างกัน (Homographs) ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 บอก Part of speech ของคำศัพท์ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนประโยคที่ใช้คำศัพท์ที่ซับซ้อนได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 บอกความหมายของคำศัพท์ได้ (ต 2.2.1)

2.3.2 ผสมคำเพื่อให้ได้คำศัพท์ใหม่ (Compound words) (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทสนทนา การสัมภาษณ์ผู้ที่ทำเสียงประกอบภาพยนตร์ ในหนังสือเรียน หน้า 14

3.2 คำศัพท์และสำนวน

obscure v. - to prevent something from being seen or heard clearly

reckon v. - to guess a number or amount, without calculating it exactly

nomination n. - the act of officially suggesting someone for a position, honour or prize,

or the fact of being suggested for it

การเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Present simple, progressive และ perfect

3.4 Homographs

- คำที่เขียนเหมือนกันแต่ออกเสียงต่างกัน

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 Onomatopoeic words such as those issuing from the door in the illustration are

commonly used in comic books to convey the noise of fights between the heroes and villains,

as well as such noises as guns being fired. In a movie adaptation of the Batman story in

the seventies, they even put these words on screen in an attempt to give it a comic book feel!

Onomatopoeic words are also common in poetry, as they help to give an added

dimension to the words.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ ทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ A ในหนังสือเรียน

หน้า 14 แล้วนำเสนอ โดยครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน (ครูควรกำหนดเวลาใน

การทำกิจกรรมนี้ เช่น 2-5 นาที)

คำตอบที่เป็นไปได้

- camera man, - director of photography

- producer, - set designer

- caterer - assistant director

- hairstylist - sound engineer

- special effects specialist, etc.

(2) ให้นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 14 โดยครูอธิบาย

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Onomatopoeic ซึ่งอาจจะใช้ตัวอย่างในหนังสือการ์ตูนไทยประกอบคำอธิบาย

คำตอบที่เป็นไปได้

- bang = เสียงปืน, เสียงเคาะประตู

- crack = เสียงของแตก, ของแข็งกระทบกัน

- snap = เสียงแหลมของของแตก

- thud = เสียงของหนักตกกระทบพื้น

- crackle = เสียงประทุของกิ่งไม้ไหม้ไฟ, เสียงสั้นๆ ซ้ำๆ กัน เช่น แผ่นเสียงตกร่อง

นอกจากนี้ยังมีคำอื่นๆ อีกที่พบเห็นบ่อยๆ เช่น

- squelch = เสียงเดินย่ำในโคลน

- plop = เสียงของของแข็งหล่นลงไปในของเหลว

- hiss = เสียง ssss เช่น งูเลื้อยช้าๆ หรือเสียงบอกให้เงียบ

- bark = เสียงเห่า

(3) นักเรียนทบทวนการใช้ Present tenses จากการศึกษาแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ในหนังสือเรียนหน้า 12

โดยครู ควรแนะนักเรียนให้เปรียบเทียบการใช้ Present tenses ทุกขั้นเพื่อให้เห็นความแตกต่าง

ของแต่ละขั้นเพื่อที่จะได้นำไปใช้อย่างถูกต้องและเข้าใจในบทสนทนาที่กำลังจะได้ฟัง

(4) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ข้อ A - ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 13

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4

A. 1. Do you want 2. It’s showing

3. are you working 4. have known

5. has seen 6. works/she’s studying

7. I’ve been

B. has… starred; is; ’s shooting/is shooting; ’s been acting/has been acting; ’s...

wanted/has... wanted; ’s been living/has been living; lives; admits; ’s looking/is

looking; love; comes; need; ’s/is; ’m dating/am dating; is; ’m not dating/am not

dating; want; looks; ’s...negotiating/is...negotiating; ’s... signed/has..’signed

C. 1. takes 2. has had

3. ’s...liked/has...liked 4. ’ve wanted/have wanted

5. need 6. ’m having/am having

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) ให้นักเรียนตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B และข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 14

โดยให้นักเรียนศึกษาคำถามก่อน หลังจากนั้.นฟังบทสนทนา 2 ครั้ง ครั้งแรกนักเรียนฟัง

บทสนทนาโดยไม่มีการหยุด และในการฟังครั้งที่ 2 ครูควรหยุดในช่วงที่เป็นคำตอบของแต่ละข้อ

เพื่อให้นักเรียนได้ปรึกษาหารือกับเพื่อน (ครูควรสอนคำศัพท์ใหม่ ได้แก่คำว่า obscure, reckon

และ nomination ก่อนการฟัง)

(2) ครูเฉลยคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 C

1. False. Rob has worked in Hollywood for the last fifteen years.

2. True.

3. False. They’re hard to record because of background noise.

4. False. They use their imagination, and they also have recordings of certain things.

5. True.

6. False. He doesn’t earn anywhere near as much as the movie stars.

7. True.

LISTENING SCRIPT

Presenter : Hello, and welcome back to this week’s edition of Behind the Scenes, where we’re

about to interview Rob Nicholl, who’s worked in Hollywood

for the last fifteen years. Hey, Rob.

Rob : Hey.

Presenter : So, tell us, Rob, what exactly do you do here in Hollywood?

Rob : I’m a foley artist.

Presenter : And what exactly does a foley artist do?

Rob : Well, after the film’s been finished, my colleagues and I are responsible for adding

some of the sounds that people hear when they go to the movies.

Presenter : What do you mean?

Rob : Well, for example, if you see somebody closing a car door, you always hear the sound

of the door closing, or if they open a window, you hear the sound of the window

opening. These kinds of sounds are actually really hard to record when filming because

the sound gets obscured by background noise, so we record it in the foley studio and add it to the movie later.

Presenter : Wow, and do you always have to repeat the action on screen to achieve

the same sound?

Rob : No, of course not. The key thing in this job is imagination, you know, using something

that sounds similar instead of trying to record the actual thing, although we also have

some records of things like gunshots, so we can use them to help us.

Presenter : And do you enjoy your job?

Rob : Yeah, I really do. Obviously I don’t earn anywhere near as much as the movie stars,

but I have a pretty comfortable life, you know, with a nice house, and I just bought

a jeep. My job keeps me thinking and I have to be very creative all the time.

Presenter : And what movie are you working on at the moment?

Rob : At the moment I’m working on a new adaptation of The Three Musketeers, which

is really quite fun because there are lots of sword fights and action.

Of course, we have to reproduce all the sounds of the fight scenes and battles.

Presenter : Hmm, and how many movies have you worked on altogether?

Rob : Well, I don’t know exactly, but I reckon at least fifty or so.

Presenter : And what was your favorite movie to work on?

Rob : Well, that’s a bit of a difficult question, but perhaps it was Pearl Harbor. The project

was very demanding, and we had to work especially hard to recreate the sounds of

the airplanes and explosions. But all of the members of the sound team were very

happy with our work and I’m proud to say that we even received

an Oscar nomination for it.

Presenter : Great! Well, Rob, that looks like all we’ve got time for, but thanks a lot for coming

in and telling us about the life of a foley artist, and we’ll look forward to hearing your

work in The Three Musketeers. Right now, let’s go back to the studio with Dale.

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การออกเสียง

(1) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 14

- ครูเปิดเทปให้นักเรียนฟังตามตัวอย่าง โดยให้นักเรียนสังเกตความแตกต่างของคำศัพท์‘record’

- ตรวจสอบความเข้าใจในการฟัง โดยให้นักเรียนบอกความแตกต่างแล้วเปรียบเทียบกับคำ

จำกัดความในหนังสือเรียน

(2) นักเรียนฝึกออกเสียงประโยคในแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 14

โดยให้นักเรียนฝึกออกเสียงกับคู่ก่อน แล้วสุ่มให้นักเรียนบางคนออกเสียงประโยคทีละคู่ และ

ให้นักเรียนที่เหลือบอกว่าออกเสียงถูกหรือผิด

กิจกรรมเสนอแนะ

ครูให้นักเรียนอัดเสียงการอ่านของตัวเองแล้วนำมาเปิดฟังเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง

4.3 การเขียน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ ทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ A - ข้อ D ใน

หนังสือเรียน หน้า 15 นักเรียนอาจจะใช้ dictionary เพื่อหาความหมายของคำศัพท์

(2) ให้นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่อื่นๆ ก่อนที่ครูจะเฉลยคำตอบ ในการเฉลยคำตอบครูให้

นักเรียนยกตัวอย่างภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ในแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator

ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 15 ทั้งภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

A. 1. i 6. h

2. d 7. c

3. g 8. b

4. f 9. a

5. j 10. e

B. 1. blockbuster 2. trailer 3. cast/box office

4. review 5. stunt

C. 1. action packed (The Lord of the Rings, Mission Impossible)

2. high speed car chase (XXX, James Bond)

3. special effects (Star Wars, The Lord of the Rings)

4. onscreen romance (any relationship between a man and a woman onscreen)

5. big/low budget (big budget = The Lord of the Rings; low budget = Blair Witch Project)

6. Hollywood remake (Vanilla Sky was a Hollywood remake of the Spanish film Abre

los ojos)

D. 1. Possession, starring the gorgeous Gwyneth Paltrow, deals with two passionate

romances,... and is based on A’s. Byatt’s fascinating novel.

2. ..., Ocean’s Eleven is a generally dull picture : the action is never gripping and the

jokes are hardly ever hilarious... will be instantly forgotten.

3. ...one of the most daring movies... with glittering costumes and great performances...

(3) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ แต่งประโยคด้วยคำศัพท์ในแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ Cใน

หน้า 15 (นักเรียนอาจจะทำเป็นการบ้าน เป็นงานเดี่ยว ซึ่งทำให้นักเรียนมีเวลามากในการสร้างประโยค)

(4) ให้นักเรียนนำเสนอประโยคบนกระดาน โดยครูและนักเรียนช่วยกันตรวจความถูกต้องทั้งหมด

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 12-15

5.2 เทปบันทึกเสียงบทสัมภาษณ์

5.3 เครื่องเล่นเทป

5.4 Workbook 6 หน้า 10-12

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 5 B หน้า 14 (ต 1.1.3)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการออกเสียงประโยคแบบฝึกหัดที่ 6 B หน้า 14 (ต 2.2.1)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการสร้างประโยคในแบบฝึกหัดที่ 7 C หน้า 15 (ต 2.2.1)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ G - ข้อ K ใน Workbook หน้า 10-12 ดูเฉลยหน้า 216

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ฟัง

8.2 การฝึกออกเสียงคำ Homographs ระหว่างคู่

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

ศิลปะ ; สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Entertainment ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 The Big Picture

แผนการเรียนรู้เรื่อง Movie Reviews เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านบทวิจารณ์ภาพยนตร์เป็นการอ่านเพื่อวิเคราะห์และหารายละเอียดในภาพยนตร์ ซึ่งเป็นแนวทาง

ในการตัดสินใจเลือกชมภาพยนตร์ตามที่ต้องการได้

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจและวิเคราะห์บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่อ่าน (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน (ต 2.2.1)

2.1.2 เข้าใจ Tense ต่างๆ ที่ปรากฏในบทอ่าน (ต 2.2.1)

2.1.3 จำแนกประเภทของภาพยนตร์จากบทวิเคราะห์ได้ (ต 1.1.3)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดเพื่อขอและให้ข้อมูล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์และดาราภาพยนตร์ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำถาม Wh-questions ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนวิจารณ์ (Reviews) ภาพยนตร์ (ต 1.2.3 ; ต 1.3.2)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 เลือกใช้คำศัพท์และโครงสร้างที่เหมาะสมกับข้อเขียนได้ (ต 2.2.1)

2.3.2 บอกหัวข้อที่ใช้ในการวิเคราะห์ภาพยนตร์ได้ (ต 3.1.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทวิเคราะห์ภาพยนตร์ (Movie Reviews) ในหนังสือเรียน หน้า 16-17

3.2 คำศัพท์และสำนวน

genre n. - a particular type of art, writing, music, etc, which has certain

characteristics that all examples of this type share

เรื่องที่ 1

trailer n. - an advertisement for a new film or television show, usually consisting of

small scenes taken from it

dumb adj. - stupid

dump v. - to get rid of someone or something that you do not want e.g. I hear Lucy

has dumped her boyfriend.

obsession n. - an unreasonably strong and continuous interest in something, or worry

about something, which stops you from thinking about anything else

ความหลงใหลใฝ่ฝัน

uptight adj. - behaving in an angry way because you are feeling nervous and worried

dedication n. - hard work or effort that someone puts into a particular activity because

they care about it a lot

เรื่องที่ 2

nerd n. - someone who is boring and unfashionable

hilarious adj. - extremely funny

awesome adj. - very good

chick n. - a word meaning a young woman, that some people think is offensive

chill v. - to frighten someone, especially by seeming very cruel or violent

rumored adj. - if something is rumored to be true, people are saying secretly or unofficially

that it may be true

ที่เล่าลือ, ที่โจษจัน

เรื่องที่ 3

gangland adj. - a killing etc connected with the world of organized and violent crime

masterpiece n. - a work of art, piece of writing or music etc that is of very high quality or

that is the best that a particular artist, writer etc has produced

adopt v. - to legally make another person’s child part of your family so that he or

she becomes one of your own children

finale n. - the last part of a piece of music or a show

เรื่องที่ 4

frame v. - to deliberately make someone seem guilty of a crime, by providing things

that seem like proof

ใส่ความ

intricate adj. - containing many small parts or details that all work or fit together

sequel n. - a book, film, play, etc that continues the story of an earlier one, usually

written or made by the same person

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

นักเรียนอ่านบทอ่าน ‘Movie Reviews’ ในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ในหนังสือเรียน หน้า 16-17

(1) ครูให้นักเรียนอ่านแบบกวาดสายตา ดูชื่อและภาพประกอบในบทอ่าน ‘Movie Reviews’ แล้ว

ตอบคำถามใน Before reading ข้อ 1 ครูให้นักเรียนบอกเหตุผลในความชอบและไม่ชอบ

ประกอบคำตอบ

(2) ครูให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม ตอบคำถามใน Before reading ข้อ 2 (วัตถุประสงค์ของ

กิจกรรมข้อนี้เป็นการสำรวจความสนใจของนักเรียนในการอ่าน review ต่างๆ เช่น book reviews

หรือ movie reviews เป็นต้น)

(3) ครูถามลักษณะของภาพยนตร์ประเภทต่างๆ ในโจทย์ Before reading ข้อ 3 เช่น animated

film (a film made by photographing a series of pictures, clay models, etc.) นักเรียน

เพิ่มเติมประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากโจทย์ใน Before reading ข้อ 3

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) ให้นักเรียนอ่าน ‘Movie Reviews. ในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ในหนังสือเรียน หน้า 16-17

แล้วจับคู่ประเภทของภาพยนตร์ในโจทย์ Before reading ข้อ 3 กับ reviews ในบทอ่าน ใน

การอ่านครั้งแรกนี้เป็นการอ่านแบบจับใจความสำคัญ เพื่อจำแนกประเภทของภาพยนตร์

ดังนั้นเมื่อนักเรียนไม่รู้ความหมายของคำศัพท์บางคำ ก็อาจจะเดาจากบริบทหรือพิจารณาจาก

key words/phrases เช่น ในเรื่องที่ 1 พิจารณาจากวลี funniest, sharpest comedies เป็นต้น

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อนและตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัด Before reading

ข้อ 3

1. Legally Blonde - romantic comedy

2. Spiderman - superhero

3. Moulin Rouge - musical

4. Minority Report - science fiction

(3) นักเรียนอ่านบทอ่านครั้งที่ 2-3 แล้วตอบคำถามในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

ข้อ 1-6 ในหนังสือเรียน หน้า 17 ในขณะที่อ่านให้ขีดเส้นใต้ประโยคหรือวลีที่เป็นตัวบ่งชี้คำตอบ

(4) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อนแล้วตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

1. Minority Report (“Based on a short story by Philip K. Dick”)

2. Legally Blonde (“until her boyfriend dumps her”)

3. Spiderman (“the slightly disappointing soundtrack”)

4. Moulin Rouge (“there were more than a few raised eyebrows when... Moulin Rouge.”)

5. Minority Report (“Minority Report will be a classic of the sci-fi genre for years to come.”)

6. Spiderman (“Rumored to be the first of three movies”)

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ในหนังสือเรียน หน้า 17

(1) นักเรียนเขียนคำตอบของคำถามในข้อ 1 ทั้ง 4 ข้อลงในกระดาษ

(2) ให้นักเรียนเดินไปรอบๆ แล้วแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เกี่ยวกับหัวข้อในคำถาม-คำตอบ โดย

แลกเปลี่ยนกันอ่านคำตอบก่อน เช่น

- Was The Lord of the Rings a good movie?

Why? / Why not?

- Why do you like Julia Roberts?

(นักเรียนอาจจะเลือกภาพยนตร์ไทย ดาราไทย หรือภาพยนตร์ประเทศอื่นที่นักเรียนรู้จักกันดี

เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น เป็นต้น)

(3) ครูควรเดินฟังการสนทนาของนักเรียนเพื่อให้คำแนะนำและประเมินผล

4.3 การเขียน

นักเรียนเขียน review ของภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่ชมหรือเรื่องที่เคยชม (แบบฝึกหัดที่ 10 Writing

ในหนังสือเรียน หน้า 17)

(1) นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน ช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าในการเขียน Movie Reviews

นั้นจะมีหัวข้ออะไรบ้าง เช่น

- The title of the movie

- Who play the leading role?

- What is the movie about?

- How do you think is the good feature of the movie?

(2) ให้นักเรียนส่งตัวแทนของกลุ่มนำเสนอหน้าชั้น และครูเขียนหัวข้อเหล่านั้นบนกระดาน

(3) นักเรียนช่วยกันเลือกหัวข้อที่เหมาะสม

(4) ให้นักเรียนเขียน reviews ของภาพยนตร์ที่เคยชม

(5) เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จแล้ว ให้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนเพื่ออ่านและตรวจข้อผิดและใส่อักษรย่อตาม

ที่เคยทำ แล้วส่งคืนเจ้าของเพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุง แล้วนำ display บนบอร์ดเพื่อให้นักเรียน

ทุกคนได้อ่านงานของเพื่อนๆ

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 16-17

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 โดยตรวจสอบความถูกต้องในการจำแนกภาพยนตร์จากบท

วิจารณ์ในแบบฝึกหัดที่ 8 และการตอบคำถามท้ายบทอ่าน (After reading) หน้า 16-17 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 โดยการตรวจการใช้ประโยคคำถามและคำตอบขณะที่

นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์และดารา หน้า 17 (ต 1.2.3)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 โดยตรวจสอบการเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์ หน้า 17

(ต 1.2.3 ; ต 1.3.2)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 การทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ในหนังสือเรียน หน้า 17 เป็นการส่งเสริม

การพูดอย่างคล้องแคล.ว ซึ่งครูผู้สอนอาจจะเปลี่ยนหัวข้อได้อย่างหลากหลาย เช่น หนังสือ ดนตรี

เครื่องแต่งกาย งานอดิเรก เป็นต้น

7.2 การเขียน Journal writing : หัวข้อที่เสนอแนะ

- Who I think deserves to win this year’s Oscars

- A film that has inspired me

- The film star I’d most like to meet and why

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การจำแนกประเภทของภาพยนตร์จากบทวิจารณ์และการตอบคำถามท้ายบทอ่าน (After reading)

8.2 คำถาม-คำตอบที่ใช้ในการพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์และดาราภาพยนตร์

8.3 บทเขียน ‘Movie Review’

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

ศิลปะ

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 3

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง News ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 In The News

แผนการเรียนรู้เรื่อง Headlines เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านหนังสือพิมพ์เป็นทักษะที่ต้องได้รับการฝึกฝนเนื่องจากภาษาของหนังสือพิมพ์แตกต่างจากภาษา

ของข้อเขียนอื่นๆ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจพาดหัวข่าวที่อ่าน (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจภาษาที่ใช้ในการพาดหัวข่าว (ต 2.2.1)

2.1.2 เข้าใจ Tense ต่างๆ ที่ใช้ในการพาดหัวข่าว (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 บอกรายละเอียดของข่าวได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 เดาความหมายของคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 หา Key words ที่ปรากฏทั้งใน headlines และ details ได้ (ต 1.1.4)

2.2.3 บอกใจความสำคัญของรายละเอียดของข่าวได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนและพูดเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวในหนังสือพิมพ์ (ต 1.2.3 ; ต 1.2.4 ; ต 1.3.1)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 เลือกใช้คำศัพท์และโครงสร้างที่เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็น (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่าน Headlines และย่อหน้าแรกของรายละเอียดของข่าว ในหนังสือเรียน หน้า 18-19

3.2 กลยุทธ์ในการอ่านพาดหัวข่าว (headlines)

3.3 คำศัพท์และสำนวน

rock v. - to make the people in a place or organization feel very shocked or surprised

edit v. - to prepare a book, piece of film, etc for printing or broadcasting

by deciding what to include, and making sure there are no mistakes

trail of destruction n. - damage left by a moving storm or army

rip through v. - to move through a place quickly and with violent force

criterion n. - (plural : criteria) a standard which is established so that a

judgement or decision, especially a scientific one, can be made

employ v. - to use a particular method or skill in order to do something

unveil v. - to show or tell people something that was previously kept secret

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- In English, headline writers are allowed to ignore many grammatical rules: very few

articles are used, the present simple is used almost exclusively, etc. Certain words are used to give a dramatic sense to the story, with the idea that the reader will be interested enough to read

the whole story. Headlines can also be a source of humor for readers. For example, “Supermodel’s Diary Reveals All” makes a reference to the verb phrase

“to reveal all,” which means to take all your clothes off.

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 People in the English speaking world often divide their press up into two sections:

the tabloid press, which is viewed as being as interested in scandals and celebrities

as “real” news, and the more serious and reliable press. The word ‘tabloid’ comes from

the smaller size of the newspaper when compared to the larger formats favored by the

more serious press. Examples of the former include the New York Post and National

Review, while examples of the latter include the New York Times and Wall Street Journal.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

นักเรียนอ่านพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์และรายละเอียด ในหนังสือเรียน หน้า 18-19

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ พิจารณาตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ข้อ 1- ข้อ 3 ใน

หนังสือเรียน หน้า 18 แล้วครูสุ่มให้นักเรียน 4-6 คนนำเสนอคำตอบ

- ครูอาจจะเพิ่มเติมคำถามเกี่ยวกับข่าวต่างประเทศ เช่น Are you interested in international

news? Why? or Why not?

- ครูสุ่มให้นักเรียนนำเสนอคำตอบ

(2) นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 18

- ครูทบทวนภาษาของพาดหัวข่าว (ใช้ข้อมูลจาก 3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค)

- นักเรียนทำงานเป็นคู่ เดารายละเอียดของแต่ละพาดหัวข่าว

- ครูให้นักเรียนบางคนนำเสนอ โดยครูรับฟังทุกเรื่องโดยไม่วิจารณ์หรือแก้ข้อผิด แต่ให้

นักเรียนให้เหตุผลในการเดา (นักเรียนพิจารณาจาก subject และ verb ในพาดหัวข่าว)

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 18-19 ดังนี้

- นักเรียนอ่านรายละเอียดของข่าวแล้วจับคู่กับพาดหัวข่าว

- ครูให้นักเรียนหาคำหรือวลีที่ซ้ำกันในรายละเอียดของข่าวและพาดหัวข่าว เพื่อใช้พิจารณา

เลือกคำตอบที่ถูก

(2) ครูและนักเรียนตรวจคำตอบพร้อมกันทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2 A

a. (7) Widow Wins Jackpot

b. (2) Supermodel’s Diary Reveals All

c. (9) Dawn Leaves Thousands Homeless

d. (3) Men With Intelligent Wives Live Longer

e. (8) Tough Crime Plans Revealed

f. (1) Jagr Shoots Penguins To Top

g. (5) War Edges Closer

h. (10) House Prices Rocket Again

i. (6) Strokes Win Top Music Prize

j. (4) Banking Crisis Deepens

(3) นักเรียนอ่านรายละเอียดของข่าวอีกหนึ่งครั้งเพื่อเดาความหมายของคำศัพท์ในแบบฝึกหัดที่ 2

Comprehension ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 19

- นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน แล้วตรวจคำตอบจากพจนานุกรม

- ครูและนักเรียนตรวจคำตอบพร้อมกันทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2 B

1. reveals 2. deepens

3. rocket 4. unedited

5. ripped (through) 6. have hit the big time

- นักเรียนขีดเส้นใต้คำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมายนอกเหนือจากคำศัพท์ในโจทย์ แล้วหาความหมาย

จากพจนานุกรมและแลกเปลี่ยนกันกับคู่ เพื่อเป็นการฝึกใช้พจนานุกรมและเพื่อพัฒนาการ

เรียนรู้คำศัพท์

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูดและการเขียน

นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ในหนังสือเรียน หน้า 19

(1) ครูให้ความรู้นักเรียนเกี่ยวกับประเภทของหนังสือพิมพ์ (ใช้ข้อมูลจาก 3.5 ภาษาและวัฒนธรรม)

(2) นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน ศึกษาส่วนต่างๆ ของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษซึ่งครู

กำหนดให้นักเรียนนำมาจากบ้าน แล้วทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ข้อ 1 ใน

หนังสือเรียน หน้า 19 โดยพิจารณาว่าข่าวแต่ละเรื่องจะอยู่ในส่วนไหนของหนังสือพิมพ์ โดย

ครูและนักเรียนช่วยกันทำเป็นตัวอย่าง 1 ข้อ ซึ่งพาดหัวข่าวจะเรียงตามเฉลยคำตอบใน

แบบฝึกหัดที่ 2 A (คำตอบของพาดหัวข่าวข้อที่ 1 = local/national news)

(3) ครูและนักเรียนตรวจคำตอบพร้อมๆ กัน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 3

ข้อ 1

1. Widow Wins Jackpot-local/national news

2. Supermodel’s Diary Reveals All-showbiz/celebrity gossip

3. Dawn Leaves Thousands Homeless-international news

4. Men With Intelligent Wives Live Longer-society/health

5. Tough Crime Plans Revealed-national news

6. Jagr Shoots Penguins To Top-sport

7. War Edges Closer-international news

8. House Prices Rocket Again-financial news

9. Strokes Win Top Music Prize-entertainment/music news

10. Banking Crisis Deepens-financial news

(4) ให้นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 19 แล้ว

นำมาแลกเปลี่ยนกันอ่านในกลุ่ม

(5) นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ข้อ 3 ในหนังสือเรียน หน้า 19 โดยครูให้

นักเรียนเขียนพาดหัวข่าวของเหตุการณ์ปัจจุบัน คนละ 3 เรื่อง หรือครูนำหนังสือพิมพ์ประจำวัน

ภาษาไทย แล้วให้นักเรียนเขียนพาดหัวข่าวเป็นภาษาอังกฤษ แล้วนำมาอ่านหรือเขียนบนกระดาน

(6) ครูตรวจแก่และให้นักเรียนคัดเลือกพาดหัวข่าวที่ถูกต้องและน่าสนใจ

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 บทอ่านในหนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 18-19

5.2 หนังสือพิมพ์ประจำวันภาษาอังกฤษ

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 โดยการตรวจคำตอบของนักเรียนในแบบฝึกหัดที่ 1B

หน้า 18 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 โดยการตรวจคำตอบของนักเรียนในแบบฝึกหัดที่ 2 A และ

2 B หน้า 18-19 (ต 1.1.4)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 โดยตรวจจากการแสดงความคิดเห็นของนักเรียนในแบบฝึกหัด

ที่ 3 หน้า 19 (ต 1.2.3 ; ต 1.2.4 ; ต 1.3.1)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนสำรวจการอ่านข่าว การฟังข่าวจากวิทยุ หรือการชมจากโทรทัศน์ของนักเรียนในชั้น แล้ว

นำเสนอเป็นเปอร์เซ็นต์

7.2 ให้นักเรียนแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ แต่ละกลุ่มหาข้อมูลในแต่ละหัวข้อ คือ การอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์

การฟังจากวิทยุ และการชมจากโทรทัศน์

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเขียนรายละเอียดของพาดหัวข่าว การจับคู่พาดหัวข่าวกับรายละเอียดของข่าว และการหาคำศัพท์

จากบทอ่านที่มีความหมายตามโจทย์กำหนด

8.2 การเขียนจำแนกส่วนต่างๆ ของหนังสือพิมพ์ตามลักษณะของข่าว

8.3 การเขียนพาดหัวข่าว

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง News ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 In The News

แผนการเรียนรู้เรื่อง Radio news broadcast เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังข่าวเป็นการสื่อสารที่นักเรียนจะได้ยินอยู่เสมอในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นการฝึกทักษะด้านภาษา

นอกห้องเรียนได้เป็นอย่างดี นักเรียนควรมีการฝึกฝนในการจับใจความสำคัญของข่าว

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจ ตีความ และวิเคราะห์หัวข้อข่าวและรายละเอียดของข่าวที่ฟัง (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในข่าวที่ฟังได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 บอกรายละเอียดของข่าวที่ฟังได้ (ต 1.1.4)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 การอ่านข่าว ในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ในหนังสือเรียน หน้า 22

3.2 คำศัพท์และสำนวน

score n. - a written or printed copy of a piece of music, especially for a large group

of performers

clinch v. - to succeed in getting or winning something after trying very hard

title n. - the position of being the winner of an important sports competition

devastate v. - to cause so much damage to a place or area that most of it is destroyed

slick n. - an area of oil on the surface of water or on a road

proposal n. - a plan or suggestion which is made formally to an official person or

group or the act of making it

ข้อเสนอ

abandon v. - to stop doing something because there are too many problems and it

is impossible to continue

bid v. - to offer to pay a particular price for goods, especially in an auction

veteran n. - someone who has had a lot of experience of a particular activity

3.3 ภาษาและวัฒนธรรม

3.3.1 There are so many supplements with the Sunday edition of the New York Times

(culture, travel, money, etc.) that some New Yorkers claim it takes them all week to read it!

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ครูถามนักเรียนว่า ในการฟังข่าวหรือดูข่าว ข่าวประเภทใดจะปรากฏก่อน-หลัง

ตัวอย่างคำตอบ : ข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นประจำวันที่สำคัญๆ เช่น ข่าวอุบัติเหตุ

อุบัติภัยต่างๆ ข่าวฆาตกรรม ข่าวการเมือง เป็นต้น จะปรากฏก่อนและตามด้วยข่าวด้าน

ศิลปวัฒนธรรม ดนตรี และข่าวกีฬา

(2) ครูให้นักเรียนบอกประเภทของข่าวจากรูปภาพในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ในหนังสือเรียน

หน้า 22 ดังนี้

รูปที่ 1 กีฬา

รูปที่ 2 อุบัติเหตุ

รูปที่ 3 นักดนตรี ดนตรี

รูปที่ 4 สงคราม การเมือง

(3) นักเรียนเดาว่าข่าวในรูปภาพใดปรากฏก่อน-หลัง

(4) ครูอธิบายคำศัพท์ใหม่ๆ ได้แก่คำ score, clinch, title, devastating, slick, proposal, abandon,

bid และ veteran

(5) นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 22 ก่อนฟัง

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 1 เพื่อตรวจการเดาว่าข่าวในภาพใดมาก่อน-หลัง

(2) นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 2 เพื่อตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ C ในหนังสือเรียนหน้า 22

(3) ให้นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน

(4) นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 3 เพื่อตรวจคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 C

1. It hit a smaller boat in the dark. (“...it struck a smaller boat in the darkness...”)

2. Over one million barrels (“A supertanker carrying over one million barrels of crude oil...”)

3. Because the rebels might abandon them over prisoners (“There had been fears that the

rebels would abandon the peace process over disagreements about political prisoners...”)

4. London (“Meanwhile, in London, an original Beethoven score was sold...”)

5. In a private collection (“The handwritten score...had been in a private collection for over

fifty years”)

6. Since the opening day (“Woods had led the competition from the opening day...”)

LISTENING SCRIPT

Announcer : The time is now 12 o.clock and here with the midday news is Jeremy Warner.

Jeremy : Hello, and in today’s headlines: a supertanker has crashed off the coast

of Miami, the UN declares peace talks in Somalia a success, a Beethoven

score is sold for seven million dollars, and Tiger Woods clinches yet another title.

A supertanker carrying over one million barrels of crude oil crashed last night off the coast of

Miami. According to witnesses, the tanker was approaching shore when it struck a smaller boat in the

darkness, causing a large hole to appear in its side. The crew on both ships managed to escape unharmed,

but environmentalists say that the effects could be devastating, with an oil slick half a mile long already

approaching shore.

Elsewhere, the Secretary General of the United Nations declared the peace talks in Somalia a

success after rebel leaders agreed to accept government proposals for new elections later in the year.

There had been fears that the rebels would abandon the peace process over disagreements about political

prisoners, but the government finally agreed to release all rebel prisoners except those who had killed

civilians, and the two sides are now planning on signing a formal agreement next Tuesday.

Meanwhile, in London, an original Beethoven score was sold at auction for just over seven

million dollars. The handwritten score for Beethoven’s Ninth Symphony had been in a private collection

for over fifty years, but the owner decided to sell it to raise money for charity. After some fierce bidding,

the score was bought by a Japanese businessman, who promised to donate it to a new museum in Tokyo.

And finally, Tiger woods added yet another golf title to his collection by winning the Sushimi

Masters in Osaka. Woods had led the competition from the opening day, and was leading by seven shots

at the beginning of the last day, but he had to deal with a late comeback from veteran Colin Montgomery.

Montgomery shot a course record 62 to level with Woods, but an astonishing sixty-yard putt by Woods

on the last hole gave him the title and five hundred thousand dollars in prize money.

So, that’s all the news for now, but join us at two-thirty for a full roundup of today’s news.

And now, it’s back over to Mario in the studio.

กิจกรรมหลังฟัง

4.2 การออกเสียง

การลงเสียงใน compound nouns (compound nouns คือคำนามที่มาจากการผสมคำนาม 2 คำ

เช่น headline, oil slick)

(1) ครูเปิดเทปการออกเสียงคำ compound nouns แล้วให้นักเรียนบอกว่า ลงเสียงหนักพยางค์ไหน

(คำตอบ : ลงเสียงหนักที่พยางค์แรกถึงแม้ว่า compound nouns นั้นอาจจะมีหลายพยางค์

และจะลงเสียง (stress) ได้หลายแบบ แต่ main stress ก็คงอยู่ที่พยางค์แรก)

(2) นักเรียนฝึกออกเสียง compound nouns กับคู่และตรวจสอบความถูกต้องกับเทป (ศึกษาจาก

แบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 22)

4.3 การฝึกผสมคำ Compound nouns

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ศึกษารูปแบบของคำ Compound nouns จากแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary

Activator ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 23 พร้อมทั้งทำแบบฝึกหัดข้อ A และข้อ B

(2) นักเรียนอาจจะใช้ dictionary ช่วยในการหาคำศัพท์

(3) ครูและนักเรียนตรวจคำตอบที่ถูกต้องพร้อมกันทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

A 1. sunglasses, suntan, sunrise

peace talks, peacekeeper, peace conference

newspaper, writing paper, wallpaper

firearm, firefighter, fire engine

postcard, post office, postman

hairspray, hairbrush, hairstylist

credit card, identity card, business card

skateboard, noticeboard chalkboard,

space age, space shuttle, space walk

headphones, headline, headhunter

bank account, bank robber, bank statement

movie star, movie premiere, movie ticket

2. คำตอบข้อนี้มีหลากหลาย แต่ครูควรกำชับนักเรียนให้เขียนประโยคให้ถูกทั้งความหมายและไวยากรณ์

B 1. 1. c 5. e

2. g 6. d

3. h 7. b

4. f 8. a

2. 1. classifieds 5. edition

2. paparazzi 6. caption

3. editorial 7. supplement

4. exclusive 8. media mogul

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 22-23

5.2 เทปบันทึกเสียงบทสนทนา

5.3 เครื่องเล่นเทป

5.4 Workbook 6 หน้า 14

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการทำแบบฝึกหัดที่ 5 C หน้า 22 (ต 1.1.4)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน เขียนข่าวสั้นที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน หรือข่าวในโรงเรียน

หรือข่าวที่คิดขึ้นเอง

7.2 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ C และข้อ D ใน Workbook หน้า 14 ดูเฉลยหน้า 217

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเรียงลำดับการเสนอข่าว

8.2 การตอบคำถามหลังการฟัง

8.3 การผสมคำ Compound nouns และการนำไปใช้

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

ศิลปะ; สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง News ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 In The News

แผนการเรียนรู้เรื่อง Two Sides Of The Same Story เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านบทความที่ยาวเพื่อหารายละเอียด ผู้อ่านต้องมีจุดประสงค์ว่าต้องการรายละเอียดในเรื่องใด และ

บันทึกข้อความที่ต้องการไว้ทันที

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจ วิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในบทความที่อ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 บอกรายละเอียดของบทความที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้ภาษาเพื่อแสดงความคิดเห็นตามและความคิดเห็นขัดแย.งได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนบทความสั้นเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวและเรื่องราวปัจจุบันได้ (ต 1.2.3 ; ต 1.3.1)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 เขียนประโยคที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Two Sides Of The Same Story’ ในหนังสือเรียน หน้า 24

3.2 คำศัพท์และสำนวน

investigative adj. - work or activities that involve trying to find out the truth about

something such as a crime, accident, or scientific problem

journalism n. - the job or activity of writing news reports for newspapers,

magazines television or radio

legislation n. - a law or set of laws

fraud n. - a method of illegally getting money from someone, often by using

clever and complicated methods

bankrupt adj. - unable to pay your debts ล้มละลาย

scandal n. - behaviour or events, often involving famous people, that are

considered to be immoral or shocking

เรื่องอื้อฉาว

lousy adj. - very bad, unpleasant

figure n. - someone who has a particular type of character or appearance or

who is important in a particular way

tip-off n. - (informal) a warning that something is going to happen, especially

to the police about illegal activities

แจ้งเบาะแส

deserve v. - to have earned something by good or bad actions or behaviour

สมควรได้รับ

freelance adj., adv. - working independently for several different companies or organizations

rather than being directly employed by one

เกี่ยวกับการทำงานอิสระ

coverage n. - the way in which a subject or event is reported on television or radio,

or in newspapers

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Past simple, Past continuous, Past perfect

3.4 ภาษาและวัฒนธรรม

3.4.1 The only US president ever to have resigned, Richard Nixon, did so as a result of

investigative journalism. Two reporters from the Washington Post, Bob Woodward and Carl

Bernstein, gained access to tapes that revealed the president talking about how the

Republican party had broke into the Watergate offices of the Democrats during an election

campaign. The scandal became known as Watergate, and Nixon eventually resigned in 1973.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูสอบถามความรู้ของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องหนังสือพิมพ์และการอ่านหนังสือพิมพ์ของนักเรียน

จากคำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 24

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 8

ข้อ 1 It is a style of journalism that involves investigation, usually of something that

people do not want made public, and the later expose้ of such facts. Investigative

journalists are usually quite serious journalists, and their job is not related to finding

out gossip about celebrities.

ในกรณีที่นักเรียนไม่มีความรู้ ครูอาจจะยกตัวอย่างหนังสือพิมพ์ภาษาไทยที่มีบทความประเภทนี้

เช่น มติชน สยามรัฐรายสัปดาห์ เป็นต้น

(2) ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างของความลับที่ถูกเปิดเผยโดยนักหนังสือพิมพ์ (ตัวอย่างเช่น เรื่อง

เจ้าหญิง Diana หรือเรื่องของประธานาธิบดี Bill Clinton)

(3) ให้นักเรียนตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 24 โดยแสดง

ความคิดเห็นในหัวข้อต่อไปนี้

- Do you think that newspapers should be allowed to publish things about people’s

personal lives without asking their permission first? Why/Why not?

ตัวอย่างคำตอบ

- I agree because people won’t dare to commit fraud or other bad things.

(4) นักเรียนทบทวนเรื่อง Past tense ในหนังสือเรียน หน้า 20 แล้วทำแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar

ข้อ A - ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 21 เพื่อจะทำให้เข้าใจบทอ่านได้ดียิ่งขึ้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4

A 1. caught

2. took over/was losing

3. fell

4. had...finished/entered/arrested/had been investigating

5. had given away or gave away/became/scored

6. was making/proposed/was watching/proposed

7. believed/were/changed

8. said/had been trying/offered

B 1. a 2. b 3. b 4. a 5. b

C 1. was going to be 2. were going to visit

3. were going to move 4. wasn’t going to tell

5. weren’t going to give

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านบทอ่านอย่างรวดเร็ว เพื่อหาดูว่ามีคำศัพท์คำใดบ้างที่นักเรียนไม่รู้ ครูรวบรวม

มาเขียนบนกระดาน แบ่งกลุ่มนักเรียนให้ค้นหาความหมายของคำศัพท์เหล่านั้นจากพจนานุกรม

แล้วนำมาเขียนบนกระดาน (ครูตรวจสอบความหมายที่ใช้ในบทอ่านนี้ แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง)

(2) นักเรียนศึกษาคำถามท้ายบทอ่าน (After reading) ในหนังสือเรียน หน้า 25 เพื่อให้มีจุด

มุ่งหมายในการหารายละเอียด

(3) นักเรียนอ่านบทอ่านและตอบคำถาม ครูควรกำหนดเวลา เช่น 5-10 นาที เพื่อเป็นการ

ฝึกอ่านอย่างรวดเร็วและหาข้อมูลตามต้องการมากกว่าที่จะอ่านให้รู้ทุกคำ

(4) ให้นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่ แล้วปรึกษาหารือเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุด

(5) ครูตรวจคำตอบโดยการสุ่มถามนักเรียน 2-3 คนในแต่ละข้อเพื่อประเมินผลในการอ่านก่อนเฉลย

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

(ตอบได้หลายอย่าง ตัวอย่างคำตอบมีดังนี้)

1. He was about to introduce new legislation to protect the rights of immigrant workers.

2. He was employing child labor and paying his workers too little.

3. He was different from the photographs.

4. He didn’t break any.

5. He became successful and got a job with the Washington Post.

6. A friend told him about it.

7. That it was horrible, the worst thing he.d seen in his life, etc.

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-6 คน อภิปรายเพื่อตอบคำถามของแบบฝึกหัดที่ 9 Pair Work

ข้อ 1 และข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 25

- ครูให้แต่ละกลุ่มได้เสนอความคิดเห็น

(2) ให้นักเรียนแต่ละคนตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 10 Language Activator ข้อ A ในหนังสือเรียน

หน้า 25 แล้วเข้ากลุ่มๆ ละ 4 คน อภิปรายและแสดงความคิดเห็นในแต่ละข้อ

(ครูควรให้ความหมายของคำศัพท์บางคำที่นักเรียนไม่คุ้นเคยเช่น coverage)

- ครูควรยอมรับทุกคำตอบเพราะจะทำให้นักเรียนกล้าแสดงความคิดเห็น

4.3 การเขียน

(1) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 11 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 25 โดยเลือกเรื่องที่กำลังเป็น

ข่าวในขณะนี้ แล้วเขียนในลักษณะการเสนอข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ คือ มี headline และ details

(2) ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนกันอ่านกับคู่พร้อมทั้งแก้ไขข้อบกพร่องซึ่งกันและกัน

(3) ครูตรวจแก้ก่อนให้นักเรียนเสนอผลงานบนบอร์ดเพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มีโอกาสอ่าน

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 20-21 และ 24-25

5.2 หนังสือพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

5.3 Workbook 6 หน้า 17-18

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามท้ายบทอ่าน (After reading) หน้า 25

(ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการอภิปรายของนักเรียนในแบบฝึกหัดที่ 9 และ 10

หน้า 25 (ต 1.2.3)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการเขียนข่าวหนังสือพิมพ์ในแบบฝึกหัดที่ 11 หน้า 25

(ต 1.2.3 ; ต 1.3.1)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

นักเรียนเลือกทำกิจกรรมต่อไปนี้

7.1 ให้นักเรียนสัมภาษณ์เพื่อนในห้องในหัวข้อ ‘Your reaction towards the coverage of a recent major

news event.’ โดยให้ถามในรายละเอียดดังต่อไปนี้

- The news can be anything from a murder trail to the marriage of a celebrity.

- How did they think the media handled it?

- Did they think it was genuinely newsworthy?

7.2 นักเรียนเลือกเขียน Journal writing ตามหัวข้อต่อไปนี้

- A time when someone I knew was in the news

- A story that has interested me recently

- How much time I spend following current affairs

7.3 นักเรียนฝึกอ่านเพิ่มเติมจากแบบฝึกหัดข้อ H และข้อ I ใน Workbook หน้า 17-18 ดูเฉลยหน้า 218

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การอภิปรายในกลุ่มย่อยและการนำเสนอผลงาน

8.3 การเขียนข่าวหนังสือพิมพ์

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Expansion 1

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Current Affairs ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

Expansion 1

แผนการเรียนรู้เรื่อง Cell Phone Snatcher Caught เวลา 4 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การนำความรู้ที่เรียนมาไปใช้ เป็นการประเมินผลการเรียนด้วยตนเอง และยังเป็นการสร้างความ

แม่นยำในการใช้ภาษาได้เป็นอย่างดี

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจและวิเคราะห์บทความที่อ่าน (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เดาความหมายคำศัพท์จากบริบทได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 บอกรายละเอียดของเรื่องที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

2.1.3 บอกใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้าได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารจากสื่อหนังสือพิมพ์ (ต 1.2.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้โครงสร้างภาษาได้ถูกต้องและเหมาะสม (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนบรรยายประสบการณ์ของตัวเอง (ต 1.2.3 ; ต 3.1.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้ภาษาเพื่อให้ข้อมูลส่วนตัวได้ (ต 1.2.3)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Cell Phone Snatcher Caught’ ในหนังสือเรียน หน้า 26-27

3.2 คำศัพท์และสำนวน

possession n. - something that someone owns and keeps or uses themselves

tackle v. - to fight against another person, organization, etc.

laptop n. - a small computer that you can carry with you

sentimental value - the value that an object acquires for possessor by strength of emotional

connections, as opposed to monetary value. Thus, someone may value

an essentially worthless ornament because it belonged to their

grandmother, not because of how much they would receive if they sold it.

คุณค่าทางใจ

snatcher n. - someone who commits crime opportunistically (ie. without much planning,

usually when the occasion arises) and will therefore usually only steal single

items such as cell phones, purses, and unlocked cycles.

พวกฉกชิงวิ่งราว

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆละ 3-4 คน พิจารณาคำถาม 2 ข้อแรกในแบบฝึกหัดที่ 1

Reading ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 26 โดยครูให้นักเรียนทำความเข้าใจกับความหมายของ

possession และ sentimental value เพื่อนำมาประกอบการตอบคำถาม

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 A

ข้อ 1 My favorite possession is ‘a bracelet’ because it used to belong to my grandmother.

ข้อ 2 I would keep it at home all the time because I think it is a safe place. I would be

very sad if it was stolen.

(2) ครูให้นักเรียนตอบคำถามข้อที่ 3 ในแบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 26

นักเรียนต้องเดาความหมายของคำว่า ‘snatcher’ หรืออาจจะหาความหมายจากพจนานุกรม

และต้องเข้าใจภาษาที่ใช้ในการพาดหัวข่าว ครูอาจจะให้นักเรียนเขียนพาดหัวข่าวเป็นประโยค

ที่สมบูรณ์ถูกต้องตามความหมายและไวยากรณ์

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 A

ข้อ 3 The thief (snatcher) has been caught after trying to steal a cell phone.

(3) นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 26 เพื่อให้มีจุด

มุ่งหมายในการอ่าน

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านบทอ่านและย่อหน้า A-E ในหนังสือเรียน หน้า 26 - 27 แล้วเติมคำลงในช่องว่าง

ให้ได้ใจความที่สมบูรณ์

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อนเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง

(3) นักเรียนตรวจคำตอบที่ถูกต้องกับเทปที่ครูเปิดให้ฟังและครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 B

1. D 2. C 3. A 4. E

(4) นักเรียนศึกษาคำศัพท์ที่เด่นในบทอ่าน แล้วจับคู่คำจำกัดความในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After

reading) ในหนังสือเรียน หน้า 27 โดยพิจารณาจากบริบท แล้วตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

1. d 2. c 3. a 4. f 5. e 6. b 7. g

(5) ครูอาจจะประเมินผลการอ่านจากการให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ปากเปล่า โดยไม่เปิดหนังสือดู

1. What kind of meal had Luke and his friend gone for and what were they celebrating?

(An Indian meal to celebrate their end of year exams)

2. What sport does Luke play? (Soccer)

3. What have businessmen been warned about? (Their laptop computers)

4. What should you do if you receive an unsolicited e-mail offering a fantastic deal and why?

(Delete it immediately because it may be a criminal attempting to discover your details)

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ตอบคำถามทั้ง 3 ข้อในแบบฝึกหัดที่ 2 Talk About It. ในหนังสือเรียนหน้า 27

โดยครูแนะแนวทางในการตอบคำถาม โดยให้นักเรียนพิจารณาตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

1. Do you feel that your town/city is a safer place to live than it was five years ago,

or do you feel that crime is on the increase?

2. What measures (มาตรการ) can you take to protect yourself from crime?

3. Do you think that criminals are influenced by violence and crime in films?

4. Do you think that your country’s justice system is fair and effective?

(2) นักเรียนแลกเปลี่ยนกันอ่านคำตอบเพื่อช่วยกันแก้ไขข้อผิดในระดับหนึ่ง

(3) ครูสุ่มให้นักเรียนบางคนนำเสนอข้อคิดเห็น

4.3 การเขียน

นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 3 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 27

(1) ครูเตรียมนักเรียนในการเขียนโดยการใช้คำถามนำดังนี้

- Has anybody ever done the nicest thing for you?

- What was it?

- When did it happen?

- What were you doing?/How were you feeling?

- Why was it so important for you?

- What have been the consequences? (ผลที่เกิดขึ้นตามมา)

- Why do you think the person did it?

- Are you still in touch with him/her?

(2) ครูควรเขียนคำตอบสั้นๆ ของนักเรียนบนกระดานเพื่อเป็นแนวในการเขียนของนักเรียน แต่ถ้านักเรียน

ไม่มีประสบการณ์โดยตรง ครูแนะให้นักเรียนใช้ข่าวทำนองนี้ในหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์เป็นแนว

3) เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จแล้วให้แลกเปลี่ยนกันอ่าน เสนอแนะ แก้ไข และนำไปปรับปรุง

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 26-29

5.2 Workbook 6 หน้า 19-20

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการทำแบบฝึกหัดที่ 1 B หน้า 26-27 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการนำเสนอความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 27(ต 1.2.4)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการเขียนข้อความเกี่ยวกับประสบการณ์ในแบบฝึกหัดที่ 3

หน้า 27 (ต 1.2.3 ; ต 3.1.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 4 Activities ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 28 ซึ่งเป็นการฝึกการใช้ภาษา

ให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ นักเรียนอาจจะทำแบบฝึกหัดนี้เป็นการบ้าน แล้วนำมาตรวจพร้อมกัน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4 A

1. D 5. A 9. C 13. C

2. B 6. B 10. B 14. B

3. D 7. B 11. C 15. A

4. C 8. A 12. C

7.2 นักเรียนเล่นเกมในแบบฝึกหัดที่ 4 Activities ข้อ B โดยศึกษาวิธีเล่นจากหนังสือเรียน หน้า 29 และ

ปฏิบัติตามวิธีการเล่น เป็นการฝึกการใช้ภาษาในการให้ข้อมูล กิจกรรมนี้นักเรียนอาจจะเล่นได้

ในเวลาว่าง

7.3 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ A - ข้อ E ใน Workbook หน้า 19-20 เพื่อทบทวนสิ่งที่เรียนมาใน

Units 1-3 ดูเฉลยหน้า 218

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวหนังสือพิมพ์

8.3 การเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 4

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Fantasies ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 Written In The Stars

แผนการเรียนรู้เรื่อง Horoscopes เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านดวงโหราศาสตร์ (Horoscopes) เป็นการอ่านที่ผู้อ่านมีแรงจูงใจในการอ่าน จึงเป็นการฝึกอ่าน

เพื่อหาข้อมูลได้เป็นอย่างดี

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 อ่านดวงโหราศาสตร์ แล้วบอกรายละเอียดได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 เดาความหมายของคำศัพท์จากบริบทได้ (ต 1.1.3)

2.1.3 บอกความหมายของโครงสร้างประโยค : Future tense ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อในดวงโหราศาสตร์ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้ภาษาแสดงความคิดเห็นได้ (ต 1.2.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Horoscopes’ ในหนังสือเรียน หน้า 30-31

3.2 คำศัพท์และสำนวน

inject v. - to improve something by adding excitement, interest, etc to it

spree n. - a short period of time doing something that you enjoy, especially

spending money or drinking

passionate adj. - having or involving very strong feelings of sexual love

gamble n. - an action or plan that involves a risk but that you hope will succeed

pay off v. - bring success

distinguish v. - to be able to recognize and understand the difference between two

similar things or people

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Will/to be going to

3.4 ภาษาและวัฒนธรรม

3.4.1 The Chinese horoscope has been in use in the East for thousands of years. The first cycle of

this zodiac was introduced in 2637 BC by Emperor Huang Ti, and it still consulted by millions on

a daily basis to determine marriage partners, business associations, health, financial success, etc.

Its twelve animal signs are similar to the twelve signs of the Western zodiac, but are determined by

birth year. Chinese astrology is based on a lunar cycle which takes twelve years to complete, and

includes five elements-Metal, Fire, Wood, Water, and Earth. These elements act as agents

of modifiers that have the power to alter nature.

3.4.2 Not all newspapers carry horoscopes every day. Although most of the tabloids do,

most of the reliable newspapers only carry them in their Sunday supplements (a forecast

for the week ahead) or on their websites.

3.4.3 When Great Britain launched its National Lottery in 1994, they hired the nation’s

most popular astrologer, Mystic Meg, author of a daily horoscope in a tabloid newspaper,

to make a prediction on television every week about who the money would go to. However,

her predictions were so vague that they eventually stopped the practice, claiming that there

was no way of ever finding out if they were true or not!

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูสำรวจความสนใจในการอ่านดวงโหราศาสตร์ โดยใช้คำถาม และให้นักเรียนตอบโดยการยกมือ

คำถามคือ - Do you read and believe your horoscope?

สุ่มถามนักเรียนที่สนใจเกี่ยวกับการพยากรณ์ ดังนี้

- Have the predictions come true? Tell it to your friends.

(2) ให้นักเรียนอ่านบทอ่านเรื่อง Horoscopes ในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ในหนังสือเรียนหน้า 30-31

แบบกวาดสายตา เพื่อหาว่า star sign ของตนเองคืออะไร และตอบคำถามต่อไปนี้

- What star sign are you?

- Do you think it affects your personality?

- Why/Why not?

(3) ครูทบทวน Future tense : will/to be going to โดยให้นักเรียนศึกษาในแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar

ในหนังสือเรียน หน้า 32

(4) ครูเขียนคำจำกัดความของคำศัพท์ต่อไปนี้บนกระดาน inject, spree, passionate, gamble,

pay off และ distinguish

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ข้อ A และข้อ B ในหนังสือเรียน

หน้า 31 เพื่อให้มีจุดประสงค์ในการอ่าน

(2) นักเรียนอ่านบทอ่านเรื่อง Horoscopes ในหนังสือเรียน หน้า 30-31 แล้วตอบคำถามใน

แบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ข้อ A และข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 31

(3) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน แล้วตรวจคำตอบกับครูพร้อมกันทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2

A 1. Cancer and Capricorn

2. Pisces

3. Virgo and Gemini

4. Sagittarius

5. Cancer

6. Scorpio

B 1. brief 5. smart

2. catch someone’s eye 6. blend

3. meaningful 7. despair

4. shopping spree 8. left out of

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ในหนังสือเรียน หน้า 31

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ ตอบคำถามดังนี้

- What kind of things do horoscopes normally forecast? (money, family, love, work)

- Do they forecast these things because it’s genuinely possible to do so or because

people want to read about these things?

(2) ครูสุ่มให้นักเรียน 3-4 คนตอบคำถาม

(3) ให้นักเรียนคู่เดิมตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ในหนังสือเรียน หน้า 31 ทั้ง 3 ข้อ

(ครูอาจจะให้ข้อมูลนักเรียนเกี่ยวกับ Horoscope และความเชื่อในเรื่องโชคลางของบุคคล

เจ้าของภาษาเพื่อเปรียบเทียบกับของคนไทย ดูจากหัวข้อ 3.4 ภาษาและวัฒนธรรม)

(4) ครูให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคู่อื่นๆ

(5) ครูสุ่มให้นักเรียนนำเสนอความคิดเห็น

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 30-32

5.2 Workbook 6 หน้า 21

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 31 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 3 หน้า 31

(ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ A และข้อ B ใน Workbook หน้า 21 เพื่อฝึกความแม่นยำใน

การใช้ will และ to be going to ดูเฉลยหน้า 218

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็น

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Fantasies ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 Written In The Stars

แผนการเรียนรู้เรื่อง A palm reader’s prediction เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การเดาเหตุการณ์จากภาพแล้วตรวจความถูกต้องจากการฟัง เป็นการฝึกทักษะฟังที่น่าสนใจ เพราะ

ผู้ฟังมีแรงจูงใจในการฟัง

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจ ตีความ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียง (ต 1.1.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เดาเนื้อหาจากภาพได้ (ต 1.1.3)

2.1.2 เขียนข้อความบรรยายภาพได้ (ต 1.2.3)

2.1.3 คิดอย่างมีเหตุผล (ต 1.1.3)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 ฟังบทสนทนาแล้วจับใจความและบอกรายละเอียดได้ (ต 1.1.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 บอกลักษณะโครงสร้างประโยคได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 เติมข้อความในช่องว่างให้ถูกต้องตามความหมายและไวยากรณ์ได้ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทสนทนาเรื่อง ‘A palm reader’s prediction’ ในหนังสือเรียน หน้า 34

3.2 คำศัพท์และสำนวน

identical twins n. - a pair of brothers or sisters born at the same time, who look almost exactly alike

ศัพท์เกี่ยวกับ personality profile

Aries

assertive adj. - behaving in a confident way so that people notice you

determined adj. - having a strong desire to do something, so that you will not let

anyone stop you

reckless adj. - not caring or worrying about the possible bad or dangerous results

of your actions

Taurus

exotic adj. - approving seeming unusual and exciting because of being connected

with a foreign country

persistent adj. - continuing to do something, although this is difficult, or other people

warn you not to do it

obstinate adj. - unreasonably refusing to change your ideas of behaviour, even

though people try to persuade you

sensual adj. - interested in or making you think of physical pleasure, especially sexual pleasure

Gemini

sociable adj. - someone who is sociable enjoys being with other people

Cancer

affectionate adj. - showing in a gentle way that you love someone

Leo

sly adj. - very clever in the way that you use tricks and dishonesty to get what you want

Virgo

perceptive adj. - approving good at noticing and understanding what is happening

or what someone is thinking or feeling

trustworthy adj. - someone who is trustworthy can be trusted and depended upon

obsess v. - to think about something or someone much more than is necessary or sensible

perfectionist n. - someone who is not satisfied with anything unless it is completely perfect

Libra

indecisive adj. - unable to make clear decisions or choices

intellectual adj. - an intellectual person is well-educated and interested in serious

ideas and subjects such as science, literature, etc.

selfless adj. - caring about other people more than about yourself

Scorpio

energetic adj. - very active because you have a lot of energy

manipulative adj. - clever at controlling or deceiving people to get what you want

self-indulgent adj. - allowing yourself to have or do things you enjoy but do not need,

especially if you do this too much

ตามใจตัวเอง

Sagittarius

optimistic adj. - believing that good things will happen in the future

มองโลกในแง่ดี

Capricorn

conscientious adj. - showing a lot of care and attention

witty adj. - using words in a clever and amusing way

Aquarius

unconventional adj. - very different from the way people usually behave, think, dress, etc.

ไม่มีระเบียบ

Pisces

pessimistic adj. - expecting that bad things will happen in the future or that a situation

will have a bad result

มองโลกในแง่ร้าย

secretive adj. - someone who is secretive likes to keep their thoughts, intentions or

actions hidden from others

เก็บความรู้สึก

sentimental adj. - someone who is sentimental is too easily affected by emotions such

as love, sympathy, sadness, etc.

อารมณ์อ่อนไหว

spiritual adj. - connected with your spirit rather than with your body or mind

sympathetic adj. - willing to try to understand someone else’s problems and give

them any help they need

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Will/to be going to

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ครูถามความสนใจในการดูหมอดูของนักเรียน โดยเฉพาะการดูลายมือ โดยใช้คำถามข้อ 1

ในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 34

ตัวอย่างคำตอบมีดังนี้

- Yes, I want to know what my future will be.

- No, I don’t want to know what will happen to my life, etc.

(2) นักเรียนศึกษารูปภาพ แล้วตอบคำถามว่าแต่ละรูปภาพให้ความหมายอะไรบ้างในเรื่องของการ

ทำนายการอ่านลายมือ (แบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ A ข้อ 2)

ตัวอย่างคำตอบมีดังนี้

รูปที่ 1 : Getting married

รูปที่ 2 : Having children, identical twins

รูปที่ 3 : Working hard

รูปที่ 4 : Having a long life

รูปที่ 5 : Being good luck in winning a horserace

(3) นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 1 เพื่อตรวจคำตอบการเดาของนักเรียน

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B ข้อ 2 และจดหมาย e-mail ในหน้า 34

(2) นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 2 และเติมคำลงในช.องว่าง โดยนักเรียนอาจจะเติมเพื่อให้ได้ความหมายที่

ตรงตามข้อมูลที่ฟัง ซึ่งจะมีกี่คำก็ได้

(3) นักเรียนอ่าน e-mail ที่เติมข้อความแล้ว และถ้าหากมีข้อความที่มากกว่า 4 คำ ให้แก้ไขแล้ว

เปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน

(4) นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 3 เพื่อตรวจความถูกต้อง แล้วตรวจคำตอบพร้อมกันกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 B

long life

happy grandmother

identical twins

with three men/for the third time

win money

holiday with the boys

fight

LISTENING SCRIPT

Palm reader : So, my dear, let’s have a look at your palm, shall we? Oooh, well

that’s interesting.

Ursula : Why? What is it? What do you see?

Palm reader : Well, I see that you’regoing to have a very long life.

Ursula : A long life. But am I going to be happy?

Palm reader : Oh yes, dear, you’ll be a perfectly happy grandmother, don’t worry

about that.

Ursula : A grandmother? Does that mean I’m going to get married and have

children?

Palm reader : Of course it does. You haven’t met the man you’ll marry yet, but you mustn’t be

impatient because I can see that you are very ambitious in love and want to meet

a real Prince Charming. Well, you will meet three men and fall in love with each

one of them, but it is the third man that you will marry.

Ursula : What does he look like? Is he handsome?

Palm reader : I’m afraid that that is information that I cannot see, but I can tell you that he’s English,

I think, but don’t worry, he’ll be happy to live here in the United States with you.

Ursula : Oh. And the children? How many children will I have?

Palm reader : You’re going to have two children, and they’ll be identical twins. Boys.

Ursula : Twins! I’ve always wanted twins! But what about work? Will I be able

to look after the children or will I have to work all day?

Palm reader : I’m afraid that you’ll need to work for many years, although I can see

that one day you’ll win some money, yes, by betting on a horserace,

and you’ll use the money to go on holiday with the boys.

Ursula : Well that doesn’t sound too bad. What about friends? What can you

see about friends?

Palm reader : I see a line here that says that you will have a fight with a close friend, maybe about

money, and you won’t speak to her for many years afterwards, but then when you are

both older there will be forgiveness and you’ll help each other a lot.

Ursula : But which friend will it be? I mean, if I know which friend it’s going

to be, then I’ll be able to avoid the argument.

Palm reader : Ah, unfortunately, that is something your hand cannot tell me. Now,this line...

กิจกรรมหลังฟัง

4.2 การออกเสียง

(1) การลงเสียงหนัก (Word stress) ในการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ นักเรียนควรจะใส่เครื่องหมาย “ ‘ “

นี้ไว้ที่พยางค์ที่เน้นหนัก เช่น infor’mation, im’patient

(2) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ ใส่เครื่องหมายเน้นหนัก (stress) ในคำที่มีหลายพยางค์ ในแบบฝึกหัดที่ 6

Pronunciation ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 34 (prefixes และ suffixes มักจะไม่ลงเสียงหนัก)

(3) นักเรียนตรวจความถูกต้องจากเทปและฝึกออกเสียงตาม

คำตอบแบบฝึกหัดที่ 6 B

ce’lebrity pronunci’ation

‘difficulty re’lationship

in’formative relax’ation

in’telligent ro’mantically

photo’graphic unex’pected

popu’larity unrecog.nizable

4.3 การพัฒนาคำศัพท์

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม 12 กลุ่ม แต่ละกลุ่มใช้พจนานุกรมหาความหมายของคำศัพท์ใน

แต่ละรูป (sign) ในแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 35

นักเรียนควรจะใช้พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษเพราะจะเป็นการฝึกการใช้พจนานุกรมที่มีความ

จำเป็นอย่างยิ่งในการเรียนในขั้นสูงต่อไป (อาจจะให้นักเรียนทำเป็นการบ้าน แล้วนำมา

แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันจนทุกคนมีคำศัพท์ครบ)

(2) ให้นักเรียนอ่าน signs แล้วทำงานเป็นคู่ ช่วยกันจำแนกลักษณะนิสัยที่ดีและไม่ดีของแต่ละ sign

ตัวอย่างคำตอบมีดังนี้

Aries

The best quality : honest

The worst quality : determined

(ในการตอบคำถามข้อนี้ ไม่มีคำตอบเพียงคำตอบเดียวที่ถูก ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นและเหตุผล

ของแต่ละคน)

(3) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ ตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ B ข้อ 1-3

ในหนังสือเรียน หน้า 35

- ครูซักถามความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับความหมายและการใช้ prefixes : im, in และ un

(ใช้เติมหน้าคำเพื่อให้ความหมายในทางตรงกันข้าม) นักเรียนอาจจะใช้พจนานุกรมช่วยใน

การเลือกคำตอบ

- นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่อื่น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 B

ข้อ 1

Aries : unadventurous

Taurus : unexotic, unsensual

Gemini : unloving, unsociable

Cancer : unambitious, insensitive, untraditional

Leo : uncreative

Virgo : unhelpful, unperceptive, (or imperceptive), untrustworthy

Libra : unfair, unfriendly, unintellectual

Scorpio : uncreative

Sagittarius : unenthusiastic, unromantic

Capricorn : unemotional, unpunctual

Aquarius : None

Pisces : unsentimental, unspiritual, unsympathetic

ข้อ 2

ให้นักเรียนเปรียบเทียบนิสัยของตนเองกับคำทำนาย หรือบอกนิสัยของตนเอง แล้วให้เพื่อนบอก star signs

ข้อ 3

ให้นักเรียนเลือกข้อดีของแต่ละ sign มากำหนดอาชีพ หรือดูจากความชอบของตนเองเป็นตัวกำหนด

ซึ่งในข้อนี้ก็จะไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด เป็นการฝึกให้นักเรียนเรียนรู้คำศัพท์และคิดอย่างมีเหตุมีผล เช่น

Aries : Guide โดยเลือกจาก adventurous และ love change

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 34-35

5.2 เทปบันทึกเสียงบทสนทนา

5.3 เครื่องเล่นเทป

5.4 พจนานุกรม

5.5 Workbook 6 หน้า 23

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการเดาคำทำนายจากภาพ และตรวจคำตอบจากการ

ฟังเทป หน้า 34 (ต 1.1.3)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการเติมข้อความในช่องว่างในจดหมาย e-mail หน้า 34

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนบอก Prefix อื่นๆ พร้อมทั้งความหมาย เช่น non, de, dis

7.2 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ E - ข้อ G ใน Workbook หน้า 23 ดูเฉลยหน้า 219

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเดาคำทำนายจากภาพ

8.2 การเติมข้อความลงในช.องว่าง

8.3 การออกเสียงคำที่มีหลายพยางค์

8.4 การหาคำจำกัดความของคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ personality ของบุคคลจากพจนานุกรม

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Fantasies ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 Written In The Stars

แผนการเรียนรู้เรื่อง A Fool’s Guide To Divination เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านบทความเพื่อนำความรู้ไปแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน ผู้อ่านจะต้องเข้าใจเนื้อหาเป็น

อย่างดี

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจ ตีความ และแสดงความคิดเห็นในบทความที่อ่าน (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ในบทอ่าน (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต (ต 1.2.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์ ถ้อยคำ สำนวนได้ถูกต้องเหมาะสม (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้โครงสร้างไวยากรณ์ของประโยคได้ถูกต้องและเหมาะสม (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนบรรยายลักษณะนิสัย ความชอบ และทำนายอนาคตของบุคคลอื่นได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้ภาษาอังกฤษค้นคว้าหาความรู้จาก Internet ได้ (ต 3.1.2)

2.3.2 ใช้คำศัพท์ สำนวนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม (ต 2.2.1)

2.3.3 ใช้โครงสร้างประโยคไวยากรณ์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘A Fool’s Guide To Divination’ ในหนังสือเรียน หน้า 36-37

3.2 คำศัพท์และสำนวน

occult adj. - magical and mysterious

far-fetched adj. - extremely unlikely to be true or to happen

fairground n. - an open space on which a fair takes place

aficionado n. - someone who is very interested in a particular activity or subject

and knows a lot about it

distraction n. - a pleasant and not very serious activity that you do for amusement

as opposed to - used to compare two things and show that they are different from

each other

misconception n. - an idea which is wrong or untrue, but which people believe because

they do not understand it property

grounds n. - (plural) the small piece of something such as coffee which sinks to

the bottom of a liquid

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Future tenses

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูเขียนชื่อบทอ่าน ‘A Fool’s Guide To Divination’ และ Subheadings ได้แก่คำว่า Numerology,

Crystal Balls, Palmistry และ Tea Leaf Reading บนกระดาน โดยครูอธิบายความหมายของ

‘Divination. (ways to predict the future) แล้วถามความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับคำเหล่านี้

โดยไม่ให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน เพื่อไม่ให้นักเรียนอ่านคำอธิบายโดยไม่ได้เดาหรือเล่า

ประสบการณ์ของตนเองก่อน คำถามมีดังนี้

- What do you know about these words?

ถ้านักเรียนไม่มีความรู้เดิม ครูแนะให้นักเรียนเดาจากภาพประกอบและความหมายของคำ

เหล่านั้น เช่น palm = ฝ่ามือ, crystal = ลูกแก้ว เป็นต้น

(2) นักเรียนศึกษาคำศัพท์ใหม่จากคำจำกัดความที่ครูเขียนบนกระดานหรือจากพจนานุกรม และ

ศึกษาคำสั่งจากแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ A และข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 37

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านบทอ่านเรื่อง ‘A Fool’s Guide To Divination’ แล้วตอบคำถามแบบฝึกหัดท้ายบท

อ่าน (After reading) ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 37

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่ และตรวจคำตอบกับครูพร้อมกันทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

A 1. False 2. True

3. False 4. False

5. False 6. True

(3) นักเรียนทำงานเป็นคู่ พิจารณาตอบคำถามในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ B ใน

หนังสือเรียน หน้า 37

ตัวอย่างคำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

B

ข้อ 1 It is quite popular in Thailand, especially among women.

People are interested in it because of many reasons such as

- some predictions come true.

- some people need encouragement. , etc.

ข้อ 2 Yes, there are other forms of divination in Thailand such as

- a person’s face can foretell a great deal about their future.

- reading the gypsy cards

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 37 โดยครู

ซักถามนักเรียนเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ เช่น

- Do you think that our world will be the same or different in the next 10 years?

ครูอาจจะให้นักเรียนยกตัวอย่างประกอบคำตอบ เช่น

- Thailand will export more food product.

- People will get married without having children because there are too many people

in the world. , etc.

(2) ให้นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นในแต่ละหัวข้อ แล้วนำมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นใน

กลุ่มๆ ละ 3 คน (แบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 37)

4.3 การเขียน

(1) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 10 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 37 เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลา

ค้นคว้าข้อมูลทาง Internet ครูอาจจะกำหนดให้นักเรียนทำเป็น Project work โดยค้นคว้า

เพิ่มเติมจากวารสาร หนังสือพิมพ์ และติดภาพประกอบ และให้มีข้อมูลที่เป็นจริงมากกว่า

imagination แล้วนำเสนอโดยติดไว้บนป้ายนิทรรศการของห้อง

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 36-37

5.2 พจนานุกรม

5.3 Workbook 6 หน้า 25

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่านข้อ A และ

ข้อ B หน้า 37 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 9 ข้อ A และ

ข้อ B หน้า 37 (ต 1.2.4)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการเขียนบรรยายลักษณะนิสัย ความชอบ และทำนาย

อนาคตของบุคคลที่มีชื่อเสียงในแบบฝึกหัดที่ 10 Writing หน้า 37 (ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ในกรณีที่ต้องการให้นักเรียนฝึกเดาคำศัพท์จากบริบท ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมดังนี้

Read the text and find words with the following meanings.

- disappear (die out)

- small/not significant (minimal)

- hidden (occult)

- hard to believe (far-fetched)

- fans (aficionado)

- not ordinary, unusual (exotic)

- misunderstandings (misconceptions)

- clearly different (distinct)

7.2 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติม ข้อ J ใน Workbook หน้า 25 ดูเฉลยหน้า 219

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามท้ายบทอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต

8.3 การเขียนบรรยายลักษณะนิสัยและทำนายอนาคตของบุคคลที่มีชื่อเสียง

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 5

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Consumption ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 Buy It!

แผนการเรียนรู้เรื่อง Advertisements เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านข้อความที่เป็นการแสดงความคิดเห็นของบุคคลอื่นๆสำหรับนำไปประกอบการแสดงความคิดเห็น

ของตนเองในเรื่องเดียวกันนั้น ผู้อ่านจำเป็นต้องเข้าใจในเรื่องที่อ่านอย่างถูกต้อง รวมทั้งต้องรู้ความหมายของ

คำศัพท์และโครงสร้างประโยคเป็นอย่างดี

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 อ่านข้อเขียนที่แสดงความคิดเห็นแล้วเข้าใจ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจคำศัพท์ที่ปรากฏในข้อความที่อ่านได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นในเรื่องราวปัจจุบันได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้โครงสร้างประโยคเพื่อแสดงความคิดเห็นได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้คำศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับการโฆษณาสินค้าได้ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโฆษณาสินค้า’ ในหนังสือเรียน หน้า 38-39

3.2 หน้าที่ภาษา - Stating one’s opinion

3.3 คำศัพท์และสำนวน

endorse v. - to say in an advertisement that you use a particular product and like it

glamorous adj. - a person, place, or activity that is glamorous seems very attractive

and exciting because it is beautiful or is connected with wealth and success

overshadow v. - to make someone or something else seem less important

oblige v. - to make it necessary for someone to do something

3.4 ภาษาและวัฒนธรรม

3.4.1 A little known fact about Hollywood actors is that many of them appear in television

advertisements for Japanese products. Hollywood stars are very popular amongst the Japanese,

but the stars are worried that promoting such products as beer and ham will harm their reputations

in the West, so advertisers are forced to sign contracts agreeing not to show the ads outside Japan.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูสนทนากับนักเรียนเพื่อเป็นการเตรียมนักเรียนเข้าสู้บทเรียน โดยใช้คำถามในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Upข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 38 จากข้อ 1 และข้อ 2 ให้นักเรียนเตรียมคำตอบประมาณ 5 นาทีแล้วให้

นักเรียนจับคู่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ครูอาจจะสุ่มให้นักเรียนบางคนนำเสนอ

(2) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ข้อ 3 ในหนังสือเรียน หน้า 38 โดยครูอธิบาย

คำศัพท์บางคำ เช่น endorse และแสดงรูปภาพของดาราภาพยนตร์ ในรูปคือ

- Britney Spears ดาราภาพยนตร์ผู้ซึ่งโฆษณาให้กับ ‘Pepsi Colaโ.

- Elvis Presley นักร้องผู้ซึ่งเพลงของเขาถูกนำมาใช้ในโฆษณา Nikeโ หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว

- Halle Berry ดาราภาพยนตร์ผู้ซึ่งโฆษณาให้กับเครื่องสำอาง Revlonโ, etc.

(3) ให้นักเรียนเดาความหมายและคำบางคำที่นักเรียนอาจจะรู้จากแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A

ข้อ 4 ในหนังสือเรียน หน้า 38 เช่น commercial break, slogan, sponsorship เป็นต้น ซึ่ง

ครูยังไม่เฉลยคำตอบ ให้นักเรียนอ่านข้อคิดเห็นของบุคคลต่างๆ แล้วเดาความหมายจากบริบท

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 A ข้อ 4

1. banner advertisement : an ad at the top of a web page that usually takes the user to

another site when clicked upon.

2. commercial break : a pause between programming on TV or the radio so that

advertisements can be played.

3. product placement : the practice of paying money to TV and film studios so that a

company’s product appears in the TV show or movie. For example, a certain type

of breakfast cereal will be eaten by everyone in the movie.

4. product tie-in : linking a product to a film or special event. For example, a special

‘World Cup. can of Pepsi’

5. slogan : the phrase a company uses to advertise its product. For example, Nike’s‘Just Do It.’

6. sponsorship : the practice of paying money to associate the name of a product with an event

or team. For example, soccer teams often carry the name of their sponsor on their shirts.

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) ให้นักเรียนอ่านบทอ่านในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 38 แล้วแสดงความ

คิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อความเหล่านั้น โดยให้นักเรียนอ่านแล้วพิจารณาอภิปรายเป็นคู่

(2) หลังจากนักเรียนพิจารณาครบทุกข้อความแล้ว ครูให้นักเรียนยกมือแสดงความเห็นด้วยหรือ

ไม่เห็นด้วยในแต่ละข้อความ พร้อมให้บางคนบอกเหตุผลสนับสนุนความคิดเห็นเหล่านั้น

(3) ให้นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ใน หน้า 39 แล้วอ่านอีก 1 ครั้งเพื่อตอบคำถาม

(4) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่ แล้วตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2

1. Olga 2. Gerry 3. Nwanko 4. Anders 5. Neil 6. Estelle

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 4-5 คน แต่ละกลุ่มพิจารณาตอบคำถามเพียงกลุ่มละ 1 ข้อในแบบฝึกหัดที่

3 Discussion ในหนังสือเรียน หน้า 39 โดยแต่ละกลุ่มจะมีเลขากลุ่มจดข้อคิดเห็นเพื่อนำเสนอ ในแต่ละคำถามจะมีหลายกลุ่มที่ตอบ (นักเรียนอาจจะใช้แนวความคิดจากข้อคิดเห็นของบุคคลต่างๆในบทอ่าน

ในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ B หรืออาจจะพิจารณากฎหมายของประเทศไทยที่เกี่ยวกับการโฆษณา

เช่น การห้ามโฆษณาบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือการลบภาพการสูบบุหรี่ในภาพยนตร์ เป็นต้น)

(2) นักเรียนส่งตัวแทนนำเสนอหน้าห้อง

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 38-39

5.2 Workbook 6 หน้า 31

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ใน

แบบฝึกหัดที่ 1 B และการตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 38-39 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 3 หน้า 39(ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ I และข้อ J ใน Workbook หน้า 31 ดูเฉลยหน้า 220

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การพูดแสดงความคิดเห็น

8.2 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.3 การพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโฆษณาสินค้า

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Consumption ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 Buy It!

แผนการเรียนรู้เรื่อง Radio advertisements เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังโฆษณาสินค้า เป็นการฝึกฟังภาษาอังกฤษที่มีใช้จริงในชีวิตประจำวัน (Authentic Listening) ซึ่ง

ต้องฝึกฝนให้ชินกับภาษาและการออกเสียงที่แตกต่างจากการฟังข้อความหรือบทสนทนาในหนังสือเรียน เป็น

การฟังเพื่อตอบคำถาม

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 ฟังโฆษณาเข้าใจและบอกใจความสำคัญได้ (ต 1.1.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์และสำนวนในโฆษณา (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโฆษณา (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้ภาษาในการให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นได้ (ต 1.2.2; ต 1.2.3)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 การโฆษณาสินค้าทางวิทยุ ในหนังสือเรียน หน้า 42

3.2 คำศัพท์และสำนวน

DIY n. - Do - it - yourself.

be bound to - to be very likely to do or feel a particular thing

taco n. - a type of Mexican food consisting of a flat circle made of corn flour

folded and filled with beef, beans, etc.

loco adj. - crazy

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับภาษาที่ใช้ในโฆษณาว่าแตกต่างกับภาษาพูดหรือภาษาเขียนโดย

ทั่วไปอย่างไรบ้าง

ตัวอย่างคำตอบ

โฆษณาจะใช้ภาษาเพื่อเชิญชวนให้ซื้อหรือใช้บริการ เช่น

- We’re discount crazy!

- You can eat cookies and chocolate and lose weight at the same time.

(2) ครูอธิบายคำศัพท์บางคำ คือ DIY, be bound to, taco, loco

(3) ครูให้นักเรียนศึกษากิจกรรมที่จะต้องทำในโจทย์แบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ A และข้อ B ในหน้า 42

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) นักเรียนฟังเทป 1 ครั้ง แล้วทำแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 42

(2) นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 2 เพื่อตรวจคำตอบ

(3) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 A

1. a holiday resort

2. a hardware store

3. a diet

4. a treatment for backache

5. a Mexican restaurant

(There is no advertisement for a jeep.)

(4) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ฟังเทปอีกหนึ่งครั้ง แล้วทำแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B ในหนังสือเรียนหน้า42

กิจกรรมนี้เน้นการพูดแสดงความคิดเห็นมากกว่าความถูกต้องตามข้อเท็จจริง

ตัวอย่างคำตอบ

When I hear the ad about Shedpounds diet, I want to try it because I want to lose

weight and still eat what I like.

LISTENING SCRIPT

Narrator : One.

Voice 1 : Discover relaxation. Discover yourself. Discover the Bahamas.

Narrator : Two.

Voice 2 : Sick and tired of the same old color walls? Wish you could decorate but you just

don’t have the money? Welcome to Happy Homes this weekend and take advantage

of the fantastic special offers: 25 percent off all painting equipment, 30 percent

off wallpaper, and buy two gallons of paint and get another one free! We’re discount

crazy! But remember, it’s for this weekend only!

Voice 3 : Offer does not apply to spray paints or DIY equipment. Home delivery is not included.

Narrator : Three.

Voice 4 : I’m so tired of being overweight. I can’t even get into my clothes any more.

Voice 5 : Well, why don’t you try the Shedpounds diet?

Voice 4 : Diet? Are you crazy? I never last more than a week on a diet. I can never

resist things like chocolate.

Voice 5 : But that’s the great thing about the Shedpounds diet. It’s not like other

diets because you can lose weight and still eat normal food.

Voice 4 : You mean I can eat cookies and chocolate and lose weight at the same time?

Voice 5 : Yeah. All you have to do is make sure you balance it out with other foods.

I mean, how do you think I stay so slim and happy at the same time?

Voice 6 : The Shedpounds diet. Because losing weight doesn’t mean you have to lose your life.

Narrator : Four.

Voice 7 : Thanks for coming in for the interview, Mr. Jones. Please take a seat.

Voice 8 : When your back hurts so bad that it’s torture just to sit down, you need

Orthiease. Guaranteed to relieve back pain within thirty minutes or your

money back! Orthiease backrub, bring your back back to life.

Narrator : Five.

Voice 9 : Hey son, how was your day at school?

Voice 10 : Molto bene.

Voice 11 : Worried that your kids are eating too much pizza and pasta? Come on down to El

Nopal, the hottest Mexican restaurant in town and add a little spice to their lives. With

delicious Mexican dishes from as little as two dollars, they’rebound to go taco-loco!

Voice 9 : Hey son, how was your day at school?

Voice 10 : Muuuyyyy bien!

กิจกรรมหลังฟัง

(1) ให้นักเรียนฝึกออกเสียงในแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 42

(2) ให้นักเรียนศึกษาคำอธิบายเกี่ยวกับ Intonation ในข้อ A เพื่อให้เข้าใจการใช้ภาษาอังกฤษในโฆษณา

(3) ครูอธิบายให้นักเรียนฟังเกี่ยวกับกิจกรรมในการฟังบทสนทนาซึ่งจะบอกถึงความรู้สึกของ Dad

โดยนักเรียนจะต้องสังเกตการใช้ภาษาของ Dad

(4) ครูเปิดเทปให้นักเรียนฟัง 1 ครั้ง ให้นักเรียนจับคู่ Dialogue กับ father’s mood แล้ว

เปรียบเทียบคำตอบกับคู่ แล้วตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 6 A

Dialogue 1 - angry

Dialogue 2 - uninterested

Dialogue 3 - surprised

Dialogue 4 - amused

LISTENING SCRIPT

Narrator : Dialogue 1.

Daughter : Dad, I know you’re going to be angry, but there’s something I need to

tell you about the car.

Dad : Really?

Narrator : Dialogue 2.

Daughter : Hey, Dad, did I tell you that Philippa and Jorge have broken up?

Dad : Really?

Narrator : Dialogue 3.

Daughter : Dad, guess what! I got straight As in my tests!

Dad : Really?

Narrator : Dialogue 4.

Daughter : You’II never guess what happened at school today. Mr. Dempsey was

leaning back in his chair, and he fell off it!

Dad : Really?

(5) นักเรียนทำงานเป็นคู่ฝึกออกเสียงในแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ B ในหนังสือเรียน

หน้า 42 โดยฝึกออกเสียงคำว่า ‘Really’ ในอารมณ.ต่างๆ ตาม script ที่ฟัง แล้วจึงฝึกออกเสียง

ประโยคที่กำหนดให้โดยเปลี่ยนบทบาทกับการออกเสียง ฟังพร้อมกับแก้ไขซึ่งกัน

4.2 การพัฒนาคำศัพท์

(1) ให้นักเรียนศึกษาคำอธิบายในแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ A ในหนังสือเรียน

หน้า 43 แล้วทำแบบฝึกหัด

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่

(3) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 A

bad = awful, disgusting, horrible, terrible

beautiful = gorgeous

big = enormous, gigantic, huge

clean = sparkling

cold = freezing

dirty = filthy

funny = hilarious

good = brilliant, fantastic, great, marvelous, perfect, wonderful

hungry = starving

interested = fascinated

small = minute, tiny

surprised = amazed, astonished, shocked

tasty = delicious

tired = exhausted

valuable = priceless

(4) นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 43 ครูอธิบาย

ให้นักเรียนเข้าใจถึงการเลือกใช้คำที่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน โดยต้องคำนึงถึง

1. ความแตกต่างกันเล็กน้อยของคำเหล่านั้น (nuance)

2. เนื้อเรื่อง (context)

(5) นักเรียนทำงานเป็นคู่ พิจารณาเลือกคำในแบบฝึกหัดที่ 7 ข้อ A มาแทนที่คำ adjective ใน

แบบฝึกหัดที่ 7 ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 43 แล้วตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 B (บางข้ออาจมีหลายคำตอบ)

1. smallest = tiniest

2. surprised = amazed/astonished

3. valuable = priceless

4. very hungry = absolutely starving

5. cleaner = more sparkling

6. big = huge/gigantic

(6) นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 43 นักเรียน

อาจจะเลือกคำ strong adjective จากแบบฝึกหัดที่ 7 ข้อ A หรือค้นหาจากพจนานุกรม

ตัวอย่างคำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 C (บางข้ออาจมีหลายคำตอบ)

laundry detergent เหมาะสมที่จะใช้กับคำว่า sparkling

an energy drink เหมาะสมที่จะใช้กับคำว่า fantastic, wonderful

a new television comedy เหมาะสมที่จะใช้กับคำว่า hilarious

a car เหมาะสมที่จะใช้กับคำว่า gorgeous

a heating system for homes เหมาะสมที่จะใช้กับคำว่า perfect

a cell phone เหมาะสมที่จะใช้กับคำว่า tiny

(7) สำหรับแบบฝึกหัดที่ 7 ข้อ D ในหนังสือเรียน หน้า 43 ครูอาจจะให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

เกี่ยวกับการเขียน slogan เช่น คำซ้ำๆ กัน คำคล้องจองกัน คำที่ให้ภาพพจน์ เช่น

- More than clean

- Try it, you’ll love it

- One Brand, One Style, One Concept, etc.

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 42-43

5.2 เทปบันทึกเสียงในการโฆษณา

5.3 เครื่องเล่นเทป

5.4 Workbook 6 หน้า 28

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 A หน้า 42 (ต 1.1.3)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 5 B หน้า 42

(ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ D ใน Workbook หน้า 28 ดูเฉลยหน้า 220

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการฟัง

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโฆษณาสินค้า

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม; ศิลปะ

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Consumption ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 Buy It!

แผนการเรียนรู้เรื่อง What’s in a Slogan? เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านเพื่อเดาความหมายของคำศัพท์จากข้อความข้างเคียง เป็นทักษะที่นักเรียนจำเป็นต้องฝึกฝน

เพราะสามารถนำไปใช้ได้ในการอ่านทั้งในชีวิตประจำวันและการอ่านเพื่อการศึกษา

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 จับใจความสำคัญ และเดาความหมายของคำศัพท์ในบทความที่อ่านได้ (ต 1.1.4; ต 2.2.1)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในบทอ่านได้ (ต 1.2.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นในเรื่องของการโฆษณา (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้ประโยคแสดงการเปรียบเทียบได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้ประโยคแสดงเหตุและผลได้ (ต 2.2.1)

2.2.3 ใช้ภาษาอังกฤษในการทำกิจกรรมกลุ่มได้ (ต 1.2.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนเปรียบเทียบการโฆษณาสินค้า (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้โครงสร้างประโยคแสดงการเปรียบเทียบ (comparing and contrasting) (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘What’s in a Slogan?’ ในหนังสือเรียน หน้า 44

3.2 คำศัพท์และสำนวน

integral adj. - forming a necessary part of something

come up with phr. v. - to think of an idea, plan, reply, etc.

tactic n. - a method that you use to achieve something

rival n. - a person, group or organization that you compete with in sport,

business, a fight, etc.

simultaneous adj. - happening or done at exactly the same time

aggression n. - angry or threatening behavior or feelings that often result in fighting

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Comparative and superlative structure

- Phrasal verb

- Comparing and contrasting sentence

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ให้นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 44 ทั้ง 3 ข้อโดยเฉพาะ

slogan ที่นักเรียนเขียนควรเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งนักเรียนอาจจะหาได้จากวารสารภาษาอังกฤษ โทรทัศน์

หนังสือพิมพ์ เพื่อเป็นการฝึกให้นักเรียนค้นคว้าหาความรู้จากสื่อที่เป็นภาษาอังกฤษ

ตัวอย่าง slogans

- Makes it Easy (DTAC)

- More than Magazine on TV (I-Zine จาก ITV)

- Above All a Warm Welcome (Gulf Air)

- Smooth As Silk (Thai Airways)

- Making Others Followers (Toyota Camry)

(2) ครูสุ่มให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ A ข้อ 3 และให้นักเรียนแสดงความ

คิดเห็นโดยไม่ต้องแก้ไขข้อผิด หรือบอกว่าผิดหรือถูกเพราะนักเรียนจะทราบคำตอบที่จะอ่านต่อไป

(3) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่อง Phrasal verbs ในหนังสือเรียน หน้า 40 และทำแบบฝึกหัดที่ 4

Grammar ข้อ C และข้อ D ในหนังสือเรียน หน้า 41

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4 C

1. pick up 2. think...over 3. get...acros 4. come up with 5. knocked...off 6. take on คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4 D

1. correct 6. correct

2. incorrect (..., more people will take it up as a hobby.) 7. incorrect (..someone to look after your cats...)

3. incorrect (We’re run out of new ideas...) 8. correct

4. correct 9. correct

5. incorrect (Turn it on, see...) 10. incorrect (...two owners fell out with each other.)

(4) ให้นักเรียนศึกษาคำถามพร้อมตัวเลือกในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ในหนังสือเรียน

หน้า 45 และคำศัพท์ที่ครูเขียนให้บนกระดาน

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านบทอ่านในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ในหนังสือเรียน หน้า 44 ครั้งที่ 1 เพื่อตอบ

คำถามในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 45 นักเรียน

ควรขีดเส้นใต้ข้อความที่เป็น clue ของคำตอบด้วย

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่ และตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

A 1. b 2. a 3. c 4. c

(3) นักเรียนอ่านบทอ่านครั้งที่ 2 แล้วทำงานเป็นคู่ เขียนคำจำกัดความของคำศัพท์ในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน

(After reading) ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 45 โดยพิจารณาความหมายจากบริบทแล้วตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

B 1. normal, unexceptional

2. do something risky without suffering negative consequences

3. fashion, tendency

4. really

5. being the most important in the world in a particular field

6. make somebody feel unenthusiastic about something

7. disappearing

8. funny or humorous in an intelligent way

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ข้อ A และข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 45

(1) นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 9 ข้อ A โดยครูถามชื่อของเครื่องดื่มชูกำลัง (energy drink)

ในประเทศไทยที่นักเรียนรู้จัก และรู้จักได้อย่างไร เพื่อเป็นแนวให้นักเรียนเลือกวิธีการโฆษณา

5 วิธีตามโจทย์ ซึ่งข้อคิดเห็นของนักเรียนอาจจะแตกต่างกัน

(2) ให้นักเรียนเข้ากลุ่มๆ ละ 4 คน อธิบายเหตุผลของตนเองในการเลือก แล้วพิจารณาเลือกใหม่และ

เรียงลำดับวิธีที่น่าจะได้ผลดี โดยสมมติสถานการณ์ให้นักเรียนทั้ง 4 คนเป็นคณะกรรมการแผนกโฆษณาของบริษัท ‘Powersnap’ และกำลังวางแผนโฆษณาสินค้า energy drink ตัวใหม่นักเรียนต้องเลือกประธานกลุ่ม

เลขาและตัวแทนเพื่อนำเสนอผลงานหน้าชั้น (แบบฝึกหัดที่ 9ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 45)

4.3 การเขียน

(1) นักเรียนศึกษาและทำความเข้าใจกับคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 10 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 45

(2) นักเรียนศึกษา Writing Skills 2 : Comparing and Contrasting ในหนังสือเรียน หน้า 115

ครูอาจจะอธิบายเพิ่มเติมหรือสรุปเพื่อให้นักเรียนเข้าใจดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการใช้คำเชื่อมใน

ประโยค compare and contrast เช่น on the other hand, although, whereas, etc.

(3) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด Writing Skills 2 ในหนังสือเรียน หน้า 115 (คำตอบมีหลากหลาย)

ดูเฉลยหน้า 197-198

(4) ครูซักถามความรู้ของนักเรียนเกี่ยวกับ tactic ในการโฆษณา เช่น ชนิดของสินค้า กลุ่มเป้าหมาย

เวลาที่โฆษณา (ทาง TV) สื่อที่ใช้presenter หรือ endorser

(5) นักเรียนทำงานเป็นคู่ เลือกโฆษณาจากสื่อภาษาอังกฤษ เช่น magazine หนังสือพิมพ์ภาษา

อังกฤษ หรือ TV แล้วนำมาเขียนเปรียบเทียบกันทั้งที่เหมือนและแตกต่างกัน

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 40-41, 44-45, 115

5.2 วารสารภาษาอังกฤษ

5.3 Workbook 6 หน้า 31-32

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 8 A และการเขียนคำจำกัดความ

ของคำศัพท์ในแบบฝึกหัดที่ 8 B หน้า 44-45 (ต 1.1.4; ต 2.2.1)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวิธีการ

โฆษณาและการนำเสนอ หน้า 45 (ต 1.2.3)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการเขียนเปรียบเทียบการโฆษณาสินค้า 2 ประเภท

หน้า 45 (ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ครูให้นักเรียนฝึกเขียนโฆษณา โดยครูตัดรูปภาพของสินค้าที่ออกใหม่หรือสินค้าที่ไม่ค่อยแพร่หลาย

มาให้นักเรียนเขียนโฆษณา เพื่อมิให้นักเรียนมีภาษาของการโฆษณาสินค้าชนิดนั้นอยู่ในใจจึงควรมี

แต่ภาพของสินค้าเท่านั้น แล้วให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม เขียนโฆษณาสินค้า 1 อย่าง

7.2 ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม สร้างแบบสอบถามเพื่อสำรวจพฤติกรรมการซื้อสินค้า นำไปสอบถาม

เพื่อนๆ ในห้องหรือในโรงเรียน แล้วนำเสนอเป็นรูปแบบของกราฟ

7.3 ให้นักเรียนอ่านและทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ I - ข้อ K ใน Workbook หน้า 31-32 ดูเฉลยหน้า 220

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การนำเสนอผลงานการเลือกวิธีการโฆษณาที่ได้ผลดี 5 อันดับ พร้อมเหตุผล

8.3 การเขียนเปรียบเทียบการโฆษณาสินค้า 2 ประเภท ในด้านวิธีการและประสิทธิภาพ

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม; ศิลปะ

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 6

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Personal Identification ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 Everyone Has A Wish

แผนการเรียนรู้เรื่อง Everyone Has A Wish เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านบทความที่มีโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน เช่น การใช้ ‘wish’ จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความหมาย

ของประโยคประเภทนั้นจากเนื้อเรื่องได้ดียิ่งขึ้น

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 จับใจความสำคัญและบอกรายละเอียดของบทความที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 เข้าใจโครงสร้างประโยค ‘wish’ ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำหนดให้ได้ (ต 1.3.1)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 สร้างประโยคที่ใช้โครงสร้าง ‘wish’ ได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้ภาษาเพื่อแสดงความคิดเห็นได้ (ต 1.2.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่าน ในหนังสือเรียน หน้า 46-47

3.2 คำศัพท์และสำนวน

dead-end job n. - a job with low wages and no chance of progress

pass away phr. v. - an expression meaning to die, used because you want to avoid

upsetting someone by saying this directly

demanding job n. - a job that needs a lot of ability, effort, or skill

amend v. - to make small changes or improvements to a law or document

strive v. - to make a great effort to achieve something

sorcerer n. - a man who uses magic and receives help from all evil spirits,

especially in stories

พ่อมด, ผู้วิเศษ

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- การใช้ ‘wish’

3.4 ภาษาและวัฒนธรรม

3.4.1 วัฒนธรรมเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องอภินิหาร

Although not many English language speakers are likely to find a magic lamp that grants them three

wishes, wishing is quite deeply engrained in both American and British culture. People are supposed

to make wishes on various occasions, such as when they see a shooting star, when they blow out

the candles on their birthday cake, and when they visit certain ancient sites. However, a key condition

for any wish to come true is that you never reveal it to anyone, but continually hope in silence!

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูเขียนประโยค ‘ Life isn’t a dress rehearsal’ จากแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ข้อ 1ในหนังสือ

เรียน หน้า 46 บนกระดาน แล้วให้นักเรียนบอกความหมาย ถ้านักเรียนไม่เข้าใจความหมาย ครูให้ความหมาย

ของคำว่า ‘dress rehearsal’ เป็นแนว (dress rehearsal = The final practice of a play, opera, etc using all the clothes that will be worn for the actual performance.) ครูควรรับฟังทุกความคิดเห็นเพื่อให้นักเรียนมี

ความกล้าในการแสดงความคิดเห็นและการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง

Possible answer

When people say that ‘Life isn’t a dress rehearsal., they mean that we only get one chance to live

the life we have and don’t have the opportunity to repeat or amend actions. Therefore, we should

always strive to make the most of every opportunity, and avoid doing things we may later regret.

(2) ครูให้นักเรียนอาสาสมัครเล่าเรื่อง ‘The story of Aladdin’ และ What did he wish for? หรือครู

อาจจะใช้คำถามถามความรู้ในเรื่องนี้ (แบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ข้อ 2 ในหนังสือเรียน

หน้า 46) ถ้านักเรียนไม่มีความรู้ ครูอาจเพิ่มเติมความรู้ดังนี้

The story of Aladdin and his lamp is told in The Thousand and One Nights - tales collected

from the travels of Indian, Persian and Chinese merchants who traveled the ancient silk route.

A young, humble Aladdin was given a lamp which, when rubbed, caused a genie to appear.

His wishes brought both himself and his mother out of poverty and him into the arms of the

beautiful Chinese Sultan’s daughter. Yet, Aladdin’s journey wasn’t trouble-free as the

evil designs of the Moorish sorcerer threatened both him and his beautiful bride.

(3) นักเรียนทบทวนประโยคที่ใช้‘wish’ ในแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 48

(4) ให้นักเรียนอ่านคำอธิบายในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ B พร้อมทั้งดูรายละเอียดของรูปภาพอาทิ

เพศ อาชีพ ของบุคคลทั้ง 4 แล้วเดาว่าบุคคลเหล่านั้นจะขอพรอะไร (โดยไม่ให้อ่านรายละเอียด)

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) ให้นักเรียนอ่านบทอ่าน ในหนังสือเรียน หน้า 46-47 แล้วเปรียบเทียบกับการเดาของ

นักเรียนว่าถูกต้องหรือแตกต่างหรือน่าสนใจอย่างไรบ้าง ครูอาจจะสุ่มให้นักเรียนแสดง

ความคิดเห็น 3-4 คน เพื่อประเมินความเข้าใจในการอ่านของนักเรียน

(2) นักเรียนอ่านบทอ่านอีกหนึ่งครั้ง เพื่อตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ใน

หนังสือเรียน หน้า 47 แล้วเปรียบเทียบคำตอบกับคู่ อภิปรายในข้อที่ขัดแย.งกัน

(3) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีโอกาสถามหรืออธิบายข้อสงสัยในคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2

1. ? 2. True

3. False 4. False

5. ? 6. True

7. True 8. False

(4) กิจกรรมเสนอแนะ : เพื่อฝึกหัดให้นักเรียนเดาความหมายของคำศัพท์จากบริบท ครูให้นักเรียน

ทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมดังนี้

Find the words in the texts with the following meanings. (คำตอบอยู่ในวงเล็บ)

1. riches (wealth)

2. a job with no prospects (dead-end job)

3. thinking about the past (looking back)

4. more dangerous (deadlier)

5. hit something by accident (bump into)

6. immediately (instantly)

7. spend time with (hang out with)

8. children/young people (kids)

9. died (passed away)

10. tragic/very sad (heartbreaking)

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-6 คน ทำแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ในหนังสือเรียนหน้า 47

ให้สมาชิกในกลุ่มแต่ละคนมีโอกาสเสนอความคิดในกลุ่มของตนเองพร้อมด้วยเหตุผลประกอบ

(2) ให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มเลือกความคิดเห็นที่น่าสนใจ แล้วให้ตัวแทนนำเสนอหน้าชั้น

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 46-48

5.2 Workbook 6 หน้า 34-36

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามท้ายบทอ่านในแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 47

(ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นในการทำแบบฝึกหัดที่ 3

หน้า 47 (ต 1.3.1)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมเรื่อง Conditional sentences และประโยค wish ข้อ C - ข้อ K

ใน Workbook หน้า 34-36 ดูเฉลยหน้า 221

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงความปรารถนา

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Personal Identification ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 Everyone Has A Wish

แผนการเรียนรู้เรื่อง I wish I could have... เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังข้อมูลที่ค่อนข้างยาว ผู้ฟังจะต้องมีจุดประสงค์ในการฟังอย่างชัดเจนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 บอกใจความสำคัญของข้อความที่ฟังได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในข้อความที่ฟังได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 บอกความหมายของโครงสร้างประโยค ‘wish’ ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 เขียนบรรยายที่อยู่อาศัยของตนเองได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้โครงสร้างประโยคได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับเรื่องที่เขียนได้ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 ข้อความในหัวข้อ ‘People are talking about their homes.. ในหนังสือเรียน หน้า 50

3.2 คำศัพท์และสำนวน

screech v. - If a vehicle or its wheels screech, they make a high loud unpleasant noise.

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- ประโยค ‘wish’

3.4 การออกเสียง

- Linking /j/, /w/ และ /r/

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ A และภาพ 3 ภาพ ในหนังสือเรียนหน้า 50

(2) ครูซักถามความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับการอยู่อาศัยในสถานที่ตามภาพ เช่น

- Where are the places? (In the city/town in the country, near the mountain far from

the city/town)

- What do you think each of the people who live there might wish to change?

ครูรับฟังทุกคำตอบโดยไม่มีคำตอบใดผิดเพราะเป็นคำถามที่ต้องการเตรียมให้นักเรียนมีความ

เข้าใจในเรื่องที่อยู่อาศัยในแต่ละแห.งซึ่งแตกต่างกัน

(3) ครูให้นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 50

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 1 แล้วตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 5 ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 50

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 B

รูปที่ 1 Alvar รูปที่ 2 Des รูปที่ 3 Sue

(2) นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 50 แล้วฟัง

เทปอีก 1 ครั้งเพื่อตอบคำถาม ครูอาจจะหยุดเมื่อนักเรียนได้ฟังบุคคลแต่ละคนพูดถึงที่อยู่อาศัย

ของตนเองแล้ว เพื่อให้นักเรียนตอบคำถาม

(3) ครูเปิดเทปครั้งที่ 3 เพื่อให้นักเรียนตรวจคำตอบ และครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 C

1. Sue 2. Des 3. Alvar

4. Alvar 5. Des 6. Sue

LISTENING SCRIPT

Des : Well, we moved here seven years ago, after I retired. There were quite a lot of English people

moving here at the time, and of course my wife and I had always come to France for holidays,

so it seemed like a natural thing to do. I can’t say that I regret moving here, but there are

certain things I’d like to change. First of all, I wish I could speak French better because there are

still times when I can’t understand the neighbors and I have to ask my wife for help. As well,

I wish the villagers had been a bit friendlier when we first moved in here because it really did

take us a long time to settle in and feel welcome, although maybe we should have been braver

too. You know, we kind of expected them to come up and say hello, when really that was our

responsibility. I also wish that the house were a little bit warmer because it really

does get cold in the winter and I always seem to have a sore throat or something. I suppose

that I must sometimes miss London because there are certainly times when I wish it

wasn’t so quiet here. You know, there are times when I’d really like to hear some traffic

noise instead of the birds singing all the time. However, I suppose my biggest wish is that my

children would come and visit more. I know that it’s quite a long way to travel for them,

but it’s always so nice when they come, and I can see how much

my grandchildren enjoy it.

Sue : Of course, I was born here, so I don’t really know anything different, but there

are times when I wish it wasn’t so cold. During the winter I often wish that the nights

weren’t so long: it can make you feel really depressed, especially when you spend all the

daylight hours in school. I also wish that it was less expensive to travel to other places:

not very many companies fly here, so it’s always really expensive to go abroad. All in

all though, I really like living here, and I think I’ll probably get married and stay here, maybe

even help out in my parents. store. But I wish that fewer people would leave the island to live

in other places. I know it’s understandable, but it’s really hard for the people who are left. I mean, my best friend Fannke left last year to go and live in Stockholm, and I miss her so

much that there are times when I wish I gone with her. Fortunately, the island’s got really

good telecommunications, so we can stay in touch via e-mail.

Alvar : My parents brought us here ten years ago when my dad changed jobs, but I wish we.d never

come here. I know that there are some good things in the city, and that my dad earns a lot

more money here, but I really don’t like living in an apartment. I wish we lived in a house

with a big garden because then I could have a dog and play soccer with my little brother.

We can’t even go to the park here because mom says it’s too dangerous. I wish there

wasn’t so much violence here and that drivers would be more careful-just two days ago one

of my friends nearly got hit by a car. I mean, we started crossing the road and suddenly there

was a massive screech of brakes, and the car stopped about two centimeters away from him.

It was crazy. And another thing, if only there wasn’t so much pollution. Sometimes you

can’t even go jogging because the pollution’s so bad. It’s not really surprising that kids spend

all their time playing computer games, is it? I know that I have to live here

a bit longer, but when I’m older, I’m going to move to the countryside to live.

กิจกรรมหลังฟัง

4.2 การออกเสียง

(1) ครูเปิดเทปให้นักเรียนฟังและสังเกตการออกเสียงคำที่ขีดเส้นสีแดงซึ่งเป็นการออกเสียง linking

sound ในแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 50 แล้วให้นักเรียนฝึก

ออกเสียงตามเทป

(2) ครูอธิบายว่าในภาษาอังกฤษการออกเสียงคำที่ลงท้ายด้วยเสียง ‘สระ’(vowel sound) และตาม

ด้วยคำที่ขึ้นต้วยเสียง ‘สระ’เช่นเดียวกันนั้น จะต้องออกเสียง linking sound เพื่อให้ออกเสียง

ได้ง่ายขึ้น สำหรับเสียงที่เติมมา ได้แก่ /j/, /w/ และ /r/ ซึ่งนักเรียนจะสังเกตได้จากการฟัง

การออกเสียงจากเทปที่ครูเปิดให้ฟัง และให้นักเรียนฝึกออกเสียงตาม (แบบฝึกหัดที่ 6

Pronunciation ข้อ B - ข้อ D ในหนังสือเรียน หน้า 50)

4.3 การพัฒนาคำศัพท์

(1) ครูอธิบายความสำคัญของ part of speech ของคำศัพท์ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนใช้ภาษาได้อย่าง

ถูกต้องทั้งการพูดและการเขียน เพราะหน้าที่และตำแหน่งของคำในประโยคนั้นจำเป็นต้องใช้คำ

ให้ถูก part of speech

(2) นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 51 โดยใช้

พจนานุกรมช่วยในการทำ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 A

cosmopolitan (adj.) (n.) nightlife (n.)

crowded (adj.) noisy (adj.)

cheap (adj.) (adv.) peaceful (adj.)

danger (n.) pollute (v.)

dirty (adj.) (v.) (adv.) rural (adj.)

exciting (adj.) rush (n.) (v.)

expensive (adj.) security (n.)

factory (n.) traffic (n.)

friendly (adj.) unemployment (n.)

garden (n.) (v.) urban (adj.)

industrial (adj.) villager (n.)

multicultural (adj.) violent (adj.)

(3) ครูอธิบายให้นักเรียนฟังเกี่ยวกับเทคนิคในการเรียนรู้คำศัพท์ให้มากขึ้น โดยการเชื่อมโยง

คำศัพท์ที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น

- compound nouns คำผสม

- synonyms คำที่มีความหมายเหมือนกัน

- antonyms คำที่มีความหมายตรงกันข้ามกัน

- word families คำที่มีรากศัพท์เดียวกัน

(4) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 7 Language Activator ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 51 โดยใช้

พจนานุกรมช่วยในการทำ ครูอาจให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม แบ่งงานกันทำ แล้วมาเข้า

กลุ่มใหม่ซึ่งมีสมาชิกจากกลุ่มเดิมนำผลงานมารวมกันซึ่งจะเป็นการประหยัดเวลา และทำให้

นักเรียนมีกิจกรรมที่หลากหลาย

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 B

1. cheap (adj.) (adv.) cheaply (adv.) cheapness (n.) และ cheapen (v.)

2. danger (n.) dangerous (adj.) dangerously (adv.)

3. dirt (n.) dirty (adj.) (adv.) (v.)

4. exciting (adj.) excited (adj.) excitement (n.) excite (v.)

5. expensive (adj.) expensively (adv.) expense (n.)

6. industrial (adj.) industrially (adv.) industrialize (v.) industrialized (adj.) industry (n.)

7. noisy (adj.) noise (n.) noisily (adv.)

8. peaceful (adj.) peacefully (adv.) peacefulness (n.) peace (n.)

9. pollute (v.) pollution (n.)

10. security (n.) secure (v.) (adj.) securely (adv.)

11. unemployment (n.) unemployed (adj.) (n.) unemployable (adj.)

12. villager (n.) village (n.)

13. violent (adj.) violently (adv.) violence (n.)

ข้อเสนอแนะ

ครูให้นักเรียนสังเกตคำในกลุ่ม word families ซึ่งจะมีการเติม prefix และ suffix โดยให้

นักเรียนสรุปกฎง่ายๆ เช่น

- การเติม prefix จะเปลี่ยนความหมายแต่ไม่เปลี่ยน part of speech แต่การเติม suffix จะเปลี่ยน

part of speech แต่ไม่เปลี่ยนความหมาย

- การเติม ly ในคำ adj. จะเปลี่ยนเป็นคำ adv.

- เติม ment, ion ให้เป็นคำนาม

- เติม en ในคำ adj. ให้เป็น verb เป็นต้น

(5) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 7 Language Activator ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 51

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 C

1. polluted 2. industry/unemployed

3. dangerous 4. crowded

5. insecure 6. peacefully

7. violence 8. excitement

4.4 การเขียน

(1) ครูให้นักเรียนศึกษาโจทย์ในแบบฝึกหัดที่ 8 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 51 ครูอธิบายเพิ่มเติมดังนี้

การเขียนบทความเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องไม่ซับซ้อน เพราะเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันและ

มีรายละเอียดในหัวข้อย่อยที่กำหนดให้ที่มีความสำคัญเท่าๆ กัน ดังนั้นจึงควรแบ่งบทความเป็นส่วนๆ

1. Key Feature : ลักษณะทั่วๆ ไปของที่อยู่อาศัย

2. Positive things about it

3. Negative things about it

4. How I’d change them

(2) ครูซักถามในแต่ละหัวข้อบ้างเพื่อให้นักเรียนมีแนวทางในการเขียน และครูควรกำหนดจำนวนคำ

เพื่อที่นักเรียนจะได้เขียนในสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญในแต่ละหัวข้อเท่านั้น

(3) เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จแล้ว ให้แลกเปลี่ยนกันอ่าน เพื่อให้นักเรียนได้อ่านความคิดที่หลากหลาย

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 50-51

5.2 Workbook 6 หน้า 36

5.3 ภาพและเทปบันทึกเสียงเรื่อง ‘People are talking about where they live’

5.4 เครื่องเล่นเทป

5.5 พจนานุกรม

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 5 B และ 5 C หน้า 50

(ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการเขียนข้อความเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในแบบฝึกหัดที่ 8

หน้า 51 (ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ H - ข้อ K ใน Workbook หน้า 36 ดูเฉลยหน้า 221

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการฟัง

8.2 การเขียนบรรยายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Personal Identification ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 Everyone Has A Wish

แผนการเรียนรู้เรื่อง Reality Bites เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านข้อความแล้วสามารถถ้ายโอนข้อมูลให้ผู้อื่นได้ เป็นการใช้ภาษาในชีวิตจริง จึงจำเป็นต้องมีการ

ฝึกฝนอยู่เสมอ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 อ่านข้อความเข้าใจ และบอกรายละเอียดได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 บอกความหมายของประโยค ‘wish’ ได้ (ต 2.2.1)

2.1.3 จับประเด็นสำคัญของบทอ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้ภาษาที่แสดงความคิดเห็นได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้โครงสร้างประโยค conditional ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนประโยคเพื่อแสดงความรู้สึกของตนเองในเหตุการณ์ปัจจุบันได้ (ต 1.2.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้ภาษาแสดงความคิดเห็นได้ (ต 2.2.1)

2.3.2 ใช้โครงสร้างประโยค ‘wish’ ได้ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Reality Bites’ ในหนังสือเรียน หน้า 52-53

3.2 คำศัพท์และสำนวน

fling n. - a short and not very serious sexual relationship

humiliate v. - to make someone feel ashamed and upset, especially by making

them seem stupid or weak

obsess v. - (usually passive) if something or someone obsesses you, you think

about them all the time and you cannot think of anything else

bite n. - a special quality in a piece of speech or writing that makes its

arguments or criticisms effective and likely to persuade people

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- ประโยค ‘wish’

3.4 ภาษาเพื่อการสื่อสาร

- Talking about regrets and hopes

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูเตรียมนักเรียนให้คุ้นเคยกับคำศัพท์และเรื่องที่จะอ่าน โดยให้นักเรียนตอบคำถามใน

แบบฝึกหัดที่ 9 Reading ข้อ A ข้อ 1- ข้อ 4 ในหนังสือเรียน หน้า 52

- ถ้านักเรียนไม่มีความรู้ในเรื่อง ‘Reality TV’ ครูอาจจะยกตัวอย่าง เช่น รายการ ‘Survivor’

ซึ่งผู้แข่งขันจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ห่างไกลความเจริญ ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก

และทุกคนต้องช่วยตัวเองให้มีชีวิตรอด และต้องทำให้สมาชิกเห็นว่าตนเองเป็นบุคคลที่มี

ประโยชน์ มิฉะนั้นจะถูกโหวตให้ออกจากการแข่งขัน ในที่สุดสมาชิกก็จะถูกโหวตจนเหลือคน

สุดท้ายที่จะเป็นผู้ชนะ และได้รับรางวัล

(2) ครูให้นักเรียนสรุปคำจำกัดความของ ‘Reality TV’ (Reality TV = The programs that are

actually depictions of real people going through real life situations (regardless of whether

or not the situations have sometimes been engineered for television purposes.))

(3) ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นในคำถามข้อที่ 3 ในแบบฝึกหัดที่ 9 Reading ข้อ A ในหนังสือเรียน

หน้า 52 คำถามมีดังนี้

- Would you ever go on a reality TV show?

Why?/ Why not?

(4) ให้นักเรียนอ่าน introduction ของบทอ่าน แล้วตอบคำถามข้อที่ 4 ในแบบฝึกหัดที่ 9 Readingข้อ A

ในหนังสือเรียน หน้า 52 ในการตอบคำถามข้อนี้ต้องการให้นักเรียนเข้าใจกติกาในการเล่นเกมนี้

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) ครูแบ่งนักเรียนเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่ม A และกลุ่ม B นักเรียนในกลุ่ม A อ่านข้อเขียนของAbby

และกลุ่ม B อ่านข้อเขียนของ George ครูควรกำชับให้แต่ละกลุ่มอ่านเฉพาะที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น

(2) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ แต่ละคู่ประกอบด้วยนักเรียนจากกลุ่ม A และกลุ่ม B ศึกษาคำถาม

ท้ายบทอ่าน (After reading) ในหนังสือเรียน หน้า 53 แล้วช่วยกันตอบคำถาม โดยแต่ละคน

แลกเปลี่ยนข้อมูลของ Abby และ George (ครูควรบอกให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามด้วยข้อมูล

ที่ได้มาจากการสนทนาแลกเปลี่ยน มิใช้จากการอ่านเพิ่มเติม)

(3) ครูตรวจคำตอบจากการซักถามนักเรียนกลุ่ม A ด้วยคำถามที่เป็นข้อมูลของกลุ่ม B และสลับกัน

เพื่อเป็นการตรวจสอบว่านักเรียนได้คำตอบมาจากการสนทนากัน มิใช่การอ่านเพิ่มเติม

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

1. They’d been going out with one another for five years.

2. He thought it would be a free holiday.

3. Abby says that she needed some time to discover herself.

4. He wished that Abby could be with him.

5. He was paying a lot of attention to her, he was intelligent and he showed her a lot

of respect.

6. George liked Kate. She.d been offered a TV contract by the end of the show and

therefore wasn’t interested in him.

7. They both say that people on the street still recognize them.

8. She’s (probably) going to get married.

9. He hopes he meets someone who doesn’t remember the show.

(4) ครูเปิดเทปให้นักเรียนฟังเพื่อที่นักเรียนทั้งสองกลุ่มจะได้ฟังเรื่องราวของ Abby และ George

กิจกรรมหลังอ่าน

(1) ให้นักเรียนคู่เดิมช่วยกันตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 10 Pair Work ข้อ 1 และข้อ 2 ใน

หนังสือเรียน หน้า 53 ครูสุ่มให้นักเรียนบางคู่นำเสนอคำตอบหน้าชั้น

(2) นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 11 Language Activator ในหนังสือเรียน หน้า 53 ให้

นักเรียนเขียน ‘wish’ ของตนเองลงในกระดาษที่ครูแจกให้คนละ 2 ประโยค โดยใช้โครงสร้าง

ดังนี้

- wish + would / past simple

- wish + past perfect

เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จแล้ว นำมารวมกันในกล.อง แล้วครูให้นักเรียนแต่ละคนมาหยิบไปคนละชิ้น

(3) ครูสุ่มให้นักเรียนบางคนอ่านประโยคและเดาว่าใครเป็นเจ้าของประโยคนั้น แล้วให้เจ้าของ

อธิบายเหตุผลหรือที่มาของความประสงค์เหล่านั้น

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 บทอ่านในหนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 52-53

5.2 เทปบันทึกเสียงของบทอ่าน

5.3 เครื่องเล่นเทป

5.4 Workbook 6 หน้า 37-38

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามท้ายบทอ่าน (After reading) หน้า 53

(ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 10 หน้า 53

(ต 1.2.3)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการเขียนเพื่อแสดงความปรารถนาของตนเองในแบบฝึกหัด

ที่ 11 หน้า 53 (ต 1.2.4)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ L - ข้อ N ใน Workbook หน้า 37-38 ดูเฉลยหน้า 221

7.2 ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มอภิปรายในหัวข้อต่อไปนี้

- What makes reality TV successful and so popular?

- Why are people so interested in seeing other people’s lives?

7.3 เขียน Journal writing โดยเลือกจากหัวข้อต่อไปนี้

- A time a wish came true

- My biggest regret so far

- The most important global issue

- What I think makes my hometown differ from other places

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน

8.3 การเขียนประโยคเพื่อแสดงความคิดเห็น

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Expansion 2

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Life at home ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

Expansion 2

แผนการเรียนรู้เรื่อง The Househusband เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การเรียนภาษานั้นผู้เรียนจะต้องทบทวนสิ่งที่เรียนมาแล้ว โดยการนำไปฝึกใช้ในทักษะต่างๆเพื่อให้

ความรู้นั้นคงอยู่ไม่หายไป

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจบทความที่อ่าน และจับใจความสำคัญได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 บอกความหมายของโครงสร้างประโยคต่างๆ ในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดเพื่อให้ข้อมูลในเรื่องเกี่ยวกับวิถีชีวิตของบุคคลทั่วๆ ไป (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 เข้าใจวัฒนธรรมเกี่ยวกับบทบาทของบุคคลต่างๆ ในครอบครัวของชาติตะวันตก (ต 2.2.2)

2.2.2 ใช้ประโยคที่มีโครงสร้างทางไวยากรณ์ได้ถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนข้อความเพื่อแสดงความคิดเห็นในวิถีชีวิตของบุคคลในอดีตและอนาคต (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 เขียนประโยคโดยใช้โครงสร้างทางไวยากรณ์ได้ถูกต้องตามสถานการณ์ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘The Househusband’ ในหนังสือเรียน หน้า 54-55

3.2 คำศัพท์และสำนวน

chore n. - a job that you have to do regularly, especially work that you do to

keep a house clean

forward-thinking - the act of making plans so that you will be prepared for what will

happen in the future

prejudice n. - an unreasonable dislike and distrust of people who are different from you

in some way, especially because of their race, sex, religion, etc.

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Future tense (will/going to)

- Comparative and superlative

- Phrasal verbs

- Wish

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับผู้ดูแลงานบ้าน (housework) ของนักเรียนโดยใช้ตัวอย่างประโยคดังนี้

- Who does the housework at your home?

- Does your mother do the housework? If not? Who does?

- Do you have anyone to help with the housework?

- Do you like doing the housework? Why?/Why not?

(2) ครูให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน อธิบายและแสดงความคิดเห็นในคำถามของ

แบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ A ข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 54 โดยให้ดำเนินงานแบบกลุ่ม

คือ ให้มีประธานและเลขาจดบันทึกเพื่อนำเสนอ

(3) ครูสุ่มให้นักเรียน 2-3 กลุ่มนำเสนอ ให้กลุ่มที่เหลือเพิ่มเติมความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

(4) ให้นักเรียนดูรูปภาพและชื่อเรื่อง ‘The Househusband’ ในหนังสือเรียน หน้า 54 แล้วครู

ซักถามนักเรียนถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำศัพท์ ‘Househusband’ ด้วยคำถามดังนี้

- What do you think a househusband would be like?

- Do you think a househusband would meet any resistance from people like their parents?

(5) นักเรียนอ่านคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 54 และศึกษา

phrases/sentences ในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า

55 เพื่อนำมาเติมในบทอ่าน ครูแนะนำให้นักเรียนหาคำหรือวลีในข้อความที่จะนำไปเติม ซึ่ง

อ้างถึงเนื้อหาของบทอ่านของแต่ละช่องว่าง เช่น ข้อความในข้อ C “but I always know that

it’s going to be something delicious” คำว่า ‘delicious’ ย่อมหมายถึง อาหาร เป็นต้น

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านบทความเรื่อง ‘The Househusband. ในหนังสือเรียน หน้า 54-55 แล้วเลือกข้อความ

ในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 55 มาเติมให้ ถูกต้องตาม

เนื้อเรื่อง และทำแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ B ในหนังสือเรียนหน้า 55

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่ แล้วตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

A 1. h 2. f 3. c 4. g

5. i 6. b 7. d 8. a

B 1. could spend 2. won’t have 5. are going to play

3. ‘s going to eat / ‘ll eat 4. was

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) ครูให้แนวทางในการตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 2 Talk About It ในหนังสือเรียน หน้า 55 โดย

การซักถาม ตัวอย่างเช่น

- Do you like looking after children / housework?

- Whom do you usually consult when you have some problems?

(2) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่หรือกลุ่ม

(3) สำหรับข้อ 3 ในแบบฝึกหัดที่ 2 Talk About It ในหนังสือเรียน หน้า 55 นั้น ครูอาจจะซักถาม

ความรู้ของนักเรียนถึงชื่อสตรีที่มีบทบาททางการเมืองหรือคนสำคัญของโลก เช่น Hillary Clinton,

Margaret Thatcher เพื่อให้นักเรียนมีแนวทางในการคิด

(4) ให้นักเรียนเปลี่ยนกลุ่มหรือคู่ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

4.3 การเขียน

(1) ให้นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 3 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 55

(2) ครูเขียนหัวข้อ Fifty years ago, Today และ The future บนกระดาน โดยแบ่งเป็น 3 Columns

แล้วให้นักเรียนขึ้นมาเขียนบทบาท (role) ของผู้ชายและของผู้หญิงในแต่ละเวลา

ตัวอย่างคำตอบ

50 years ago - Men were the leaders of the family.

- Only young men could go to school.

- Women stayed home and did the housework, etc.

Today - Men and women are equal but not every role.

- Men helps women to do housework.

The future - Men and women will be equal in every role, etc.

(3) เมื่อนักเรียนได้รวมความคิดและมีข้อมูลบนกระดานมากพอแล้ว ให้นักเรียนเลือกข้อคิดเห็น

เหล่านั้นเพื่อนำมาเรียบเรียงเขียนเป็นข้อความ

(4) นักเรียนอาจจะแลกเปลี่ยนกันอ่าน และช่วยกันแก้ไขทั้งทางไวยากรณ์และตัวสะกด เพื่อให้ได้

ข้อเขียนที่สมบูรณ์

4.4 การอ่าน

สำหรับกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 4 Activities ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 56 เน้นให้นักเรียนนำเอา

ไวยากรณ์ที่ได้เรียนมาใน Units 4-6 มาใช้

(1) ให้นักเรียนอ่านบทอ่านอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องคำนึงถึงส่วนที่ขาดหายไป เพื่อจับใจความโดยรวม

(2) ครูถามคำถามเพื่อประเมินความเข้าใจในการอ่าน โดยการถาม ดังนี้

- How does Molly describe her feelings at the end of the article?

- When did she found her company?

- Why did she decide to appoint a new general manager? เป็นต้น

(3) เมื่อนักเรียนเข้าใจบทอ่านแล้ว ให้นักเรียนพิจารณาเลือกคำมาเติมลงในบทอ่าน

(4) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น โดยการเรียกถามจากนักเรียนและให้นักเรียน

บอกเหตุผลในการเลือกคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4 A

1. D 6. A 11 C

2. D 7. D 12. B

3. D 8. B 13. A

4. C 9. C 14. C

5. C 10. C 15. C

4.5 เกม

(1) ให้นักเรียนศึกษาวิธีการเล่นเกมจากแบบฝึกหัดที่ 4 Activities ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 57

และครูช่วยสรุปเพื่อให้นักเรียนเข้าใจวิธีเล่นตรงกัน ดังนี้

- มีผู้เล่น 4 คนใน 1 กลุ่ม

- แต่ละคนจะต้องมีแต่มเดิน (marker) คนละ 1 อัน

- นักเรียนคนใดคนหนึ่งเป็นผู้จดบันทึกประโยคหรือคำตอบที่ผู้เล่นบอกตามคำสั่งในโจทย์

- ใช้เหรียญโยนเพื่อกำหนดการเดิน โดยออกก้อยเดิน 1 ช่อง ถ้าออกหัวเดิน 2 ช่อง และ

ปฏิบัติตามคำสั่งในแต่ละช่อง

(2) นักเรียนฝึกเล่นเกม ครูคอยให้คำแนะนำเมื่อมีปัญหาและครูควรแนะให้นักเรียนพูดเป็นประโยค

ตามคำสั่ง มิใช่เป็นเพียงคำหรือวลี (นักเรียนสามารถนำไปเล่นในเวลาว่างได้)

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 54-57

5.2 Wokbook 6 หน้า 39-40

5.3 อุปกรณ์ในการเล่น

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการเติมข้อความในบทอ่านได้ถูกต้อง หน้า 54-55

(ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 55

(ต 1.2.3)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการเขียนแสดงความคิดเห็นในการทำแบบฝึกหัดที่ 3

หน้า 55 (ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ A - ข้อ G ใน Workbook หน้า 39-40 ดูเฉลยหน้า 222

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเติมข้อความในบทอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็น

8.3 การเขียนแสดงความคิดเห็น

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 7

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Entertainment ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 The Big If

แผนการเรียนรู้เรื่อง The Big If เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การตอบคำถามประเภทความรู้ทั่วไปหรือปัญหาลับสมองเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งทางโทรทัศน์และเป็น

กิจกรรมในโรงเรียน ดังนั้นการฝึกตั้งคำถามและตอบคำถามจึงเป็นการฝึกนำภาษาไปใช้ได้เป็นอย่างดี

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 อ่านคำถามเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปเข้าใจ และตอบคำถามได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในข้อความที่อ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 บอกโครงสร้างประโยค conditional รูปแบบต่างๆ ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเล่นเกมได้ (ต 1.2.2)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์และโครงสร้างประโยคที่เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนประโยคเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้คำศัพท์และโครงสร้างประโยคเพื่อสร้างคำถามได้ (ต 2.2.1)

2.3.2 ตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.4 ใช้ภาษาอังกฤษในการแสวงหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ (ต 3.1.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเกี่ยวกับความรู้ทั่วไป ในหนังสือเรียน หน้า 58-59

3.2 คำศัพท์และสำนวน

board game n. - an indoor game played on a specially designed board made of

thick card or wood

brainteaser n. - a difficult problem that you enjoy trying to solve

คำถามลับสมอง

flatter v. - to praise someone in an insincere way in order to please them

or get something from them

myopic adj. - (technical) unable to see things clearly that are faraway

drought n. - a long period of dry weather when there is not enough water for

plants and animals to live

biodegradable adj. - (technical) materials, chemicals etc that are biodegradable are

changed naturally by the action of bacteria into substances that

are not harmful to the environment

ย่อยสลายตามธรรมชาติ

trivia n. - detailed facts about past events, famous people, sport etc usedin quiz games

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Overviews of condition ในรูปแบบต่างๆ

3.4 ภาษาและวัฒนธรรม

3.4.1 สุภาษิต “Flattery will get you nowhere!” เป็น humorous spoken หมายความว่า flattery

will not help you get what you want from me.

3.4.2 Trivial Pursuitา is probably the most popular board game in the world. Its origins can

be traced back to a wintry day in Montreal, Canada in 1979. Two friends, Scott Abbott and

Chris Haney, and Chris. brother John and his friend Ed Werner dedicated four years to its

creation. The game became an “overnight success” and since its official introduction in 1982

it has put game players. knowledge on history, sports, the arts, science, and famous people

to the test. Since its creation, various versions have been released, including Genius 5,

Junior, and the 20th Anniversary Edition.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูเตรียมความพร้อมในการอ่านโดยการซักถามความรู้เรื่องรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการแข่งขัน

ตอบคำถามความรู้ทั่วไป เช่น เกมเศรษฐี ดังนี้

- Do you watch The Millionaire Millennium Games?

- Can you answer the questions? เป็นต้น

(2) ครูให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ พิจารณาตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ข้อ 1 และ

ข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 58 ครูใช้คำถามเป็นการให้แนวในการตอบคำถาม เช่น

- Do you like playing board games? Why?/Why not?

- Are they popular these days?

- Why might they be growing less popular these days?

(3) ครูสุ่มให้นักเรียนตอบคำถาม 2-3 คน

(4) ให้นักเรียนศึกษาประโยค conditionals ในแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 60

โดยเฉพาะประโยค Mixed conditionals

Mixed conditionals ใช้ในการพูดถึงการคาดคะเนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่มีผลต่อ

ปัจจุบัน จะมีโครงสร้างดังนี้

Past Present

If + S + had + V3 , S + would + V1

ตัวอย่าง If I had learned Japanese, I would get this job.

(ถ้าฉันได้เรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนฉันคงได้งานนี้)

ในทางตรงกันข้ามเมื่อพูดถึงความเป็นจริงปัจจุบันซึ่งมีผลต่อเหตุการณ์ในอดีต จะมีโครงสร้าง

ประโยคดังนี้

Present Past

If + S + V2 , S + would + have + V3

ตัวอย่าง I can’t drive. If I could drive, I would have taken my mom to the store last night.

(ถ้าขับรถเป็นก็คงได้พาแม่ไปร้านค้าเมื่อคืนนี้)

(5) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ข้อ A - ข้อ D ในหนังสือเรียน หน้า 61 หรือจะเลือกทำ

ก็ได้ขึ้นอยู่กับความรู้เดิมของนักเรียน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4

A 1. runs... is

2. melt... will disappear

3. carries on... ‘ll become

4. serves... will you be

5. had never met... wouldn’t exist

6. ‘d asked... would have given

7. continue... will probably be

8. weren’t... would never have sailed

B Answers will vary greatly. Make sure that the tenses are consistent with the original

clauses.

C 1. If you want to live a long and healthy life, you should eat sensibly and do plenty

of exercise.

2. If Giorgio had caught the earlier train, he wouldn’t have got caught in the storm.

3. If Pilar really loved Guy, she wouldn’t be kissing Ben.

4. If I’d known you two didn’t get along, I wouldn’t have invited him.

5. If I were taller, I could have been a policeman.

6. If the president hadn’t increased taxes, he wouldn’t have so much money for

schools.

7. If I’d been born in Australia, my English would be perfect.

8. If Darren hadn’t fallen off his motorcycle, he wouldn’t have broken his leg.

D 1. If Cleopatra’s nose had been shorter...

2. ..’someone would have invented it.

3. If you teach a man to fish...

4. If you have a great idea...

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) ครูอธิบายคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 58 แก่นักเรียน

เพื่อให้นักเรียนเข้าใจอย่างถูกต้อง และให้นักเรียนใช้เวลา 8-10 นาทีในการตอบคำถาม

ทั้งหมด นักเรียนควรจะตอบคำถามด้วยตัวเองเพื่อเป็นการประเมินความรู้รอบตัว

(2) เมื่อนักเรียนตอบคำถามแล้วครูถามคำตอบจากนักเรียน และเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง

(3) นักเรียนตรวจคำตอบกับครู และให้คะแนนคำตอบที่ถูกข้อละ 1 คะแนน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 B

Brainteasers

1. According to the proverb, flattery will get you nowhere.

2. Nowhere. The survivors are still alive so there is no need for them to be buried.

3. Scientists believe that the force of such an impact would cause a giant tidal wave

(or tsunami), which could potentially do serious harm to the West Coast of the USA.

4. It’s a noun.

5. Your eyes. Myopia is a complaint which is more commonly known as short-sightedness.

Entertainment/The Arts

1. Titanic

2. Moscow. The Bolshoi is home of Russia’s premier ballet company.

3. Opera

4. Cubism. Guernica is a painting by Pablo Picasso.

5. The Star Wars movies. This is something characters wish one another when saying goodbye.

History/Science

1. The USA. The Act of Union was signed by the thirteen states that originally made up

the country.

2. Italy. Garibaldi was a famous revolutionary in the mid-19th century.

3. According to Iegend, Newton discovered the law of gravity after an apple fell on his head.

4. They will melt, causing the sea level to rise.

5. It disintegrates naturally.

Geography

1. Rome

2. Venice

3. Lenin

4. Chicago

5. A lack of rain.

Sports

1. Wimbledon. Centre Court is the most famous tennis court there.

2. Ice Hockey

3. Rugby. Webb Ellis, a student at Rugby school in England, picked up the ball in a game

of soccer and gave birth to the game we call rugby today.

4. He must leave the field immediately.

5. Baseball

(4) นักเรียนประเมินความสามารถของตัวเองจากระดับคะแนนที่ได้อธิบายไว้ในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm

Up ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 59

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 2 Discussion ข้อ 1 - ข้อ 3 ในหนังสือเรียน

หน้า 59 (ครูเขียนความหมายของคำ trivia ไว้บนกระดาน)

Possible answers

1. Asking who is the person in the picture.

2. They may be questions about special subjects such as Language, Social Studies, etc.

3. Questions about :

a) animals

b) super stars

c) food

4.3 การเขียน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ ศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 3 Pair Work ในหนังสือเรียน หน้า 59

และเขียนคำถามที่ขึ้นต้นด้วย If..... คู่ละ 2 คำถาม และต้องรู้คำตอบด้วย ครูคอยให้คำแนะนำ

เมื่อนักเรียนมีปัญหาด้านไวยากรณ์และคำศัพท์

(2) ให้นักเรียนไปแลกเปลี่ยนคำถามและคำตอบกับคู่อื่นๆ

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 58-61

5.2 Workbook 6 หน้า 43

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามในหัวข้อต่างๆ ในแบบฝึกหัดที่ 1 B

หน้า 58-59 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ board game ในแบบฝึกหัด

ที่ 2 หน้า 59 (ต 1.2.2)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการเขียนคำถาม-คำตอบของหัวข้อต่างๆ ในแบบฝึกหัด

ที่ 3 หน้า 59 (ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ F และ ข้อ G ใน Workbook หน้า 43 ดูเฉลยหน้า 223

หมายเหตุ คำตอบในข้อ F สามารถใช้ conditional แบบ mixed conditional ได้

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การพูดเพื่อแสดงความคิดเห็นในเรื่อง board game

8.3 การเขียนประโยคคำถามเกี่ยวกับความรู้ทั่วไป

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม; สุขศึกษาและพลศึกษา; ศิลปะ

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Entertainment ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 The Big If

แผนการเรียนรู้เรื่อง Superstitions Investigated เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังเพื่อตรวจความถูกต้องในการเดาเนื้อเรื่องจากภาพ เป็นการฟังที่ผู้ฟังมีจุดมุ่งหมายและมีแรงจูงใจ

ในการฟัง จึงเป็นการฝึกที่มีประสิทธิภาพ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 ฟังบทสนทนาเข้าใจ และบอกรายละเอียดได้ (ต 1.1.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์และสำนวน (ต 2.2.1)

2.1.2 เข้าใจประโยคที่มีโครงสร้างซับซ้อน (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทสนทนา การสัมภาษณ์เรื่อง ‘ความเชื่อเรื่องโชคลาง’ ในหนังสือเรียน หน้า 62

3.2 คำศัพท์และสำนวน

occupant n. - someone who lives in a house, room etc, though without necessarily owning it

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Conditional sentence แบบที่ 1

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยการซักถามนักเรียนเกี่ยวกับ Superstitions จากคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5

Listening ข้อ A ข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 62

(2) ครูสุ่มให้นักเรียนตอบคำถาม 2-3 คน

(3) ให้นักเรียนดูภาพในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ในหนังสือเรียน หน้า 62 แล้วตอบคำถามใน

แบบฝึกหัดข้อ A ข้อ 2

(4) ครูเรียกให้นักเรียนบางคนตอบหรือเรียกนักเรียนที่อาสาสมัครก็ได้ ครูรับฟังทุกคำตอบของ

นักเรียนเพราะคำตอบที่ได้เหล่านั้นอาจจะมาจากการเดา การบอกสิ่งที่ได้รับฟัง หรือจากการ

อ่าน แสดงให้เห็นว่า Superstitions ในแต่ละเชื้อชาติก็อาจจะแตกต่างกันหรือเหมือนกันได้

(5) ครูเปิดเทปให้นักเรียนฟัง 1-2 ครั้ง และตรวจคำตอบการเดาของนักเรียน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 A

ข้อ 2

- If a black cat crosses your path, you’ll have good/bad luck (depending on the country).

- If you break a mirror, you’ll have seven years. bad luck.

- If you walk under a ladder, you’ll have bad luck.

- If you spill salt, you’ll have bad luck.

- If a spider crawls across your hand, you’ll receive some money.

หมายเหตุ ตรวจคำตอบแบบฝึกหัดนี้จาก Listening Script ด้านล่าง

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 62 แล้วลอง

เดาคำตอบเนื่องจากนักเรียนได้ฟังเทป 1-2 ครั้งไปแล้ว

(2) นักเรียนฟังเทปอีก 1 ครั้ง แล้วตรวจคำตอบ

(3) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อนเพื่อเป็นการปรึกษาหารือกัน

(4) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 C

1. His grandmother/father’s mother. He says she’s the most superstitious person he knows.

2. You’ll have bad luck.

3. They believe they’ll bring you good luck.

4. Friday 13th is a bad day to travel in the US.

5. Because it will bring good luck to everyone in the house.

6. He thinks people think it’s unlucky because Jesus Christ had thirteen people at

the Last Supper.

7. They used to make them write with their right hands (because the left was associated

with the devil).

8. Because you’ll give away money if you do.

LISTENING SCRIPT

Humbert : Hello and welcome back to Bookweek. Are you one of those people who think

that if you walk under a ladder you’ll have bad luck or who worry about getting

out of bed on Friday the 13th, but you don’t really know why? Well, my next

guest, Miles Janowitz, could be able to at least explain your superstitions because

he’s just published a book entitled Superstitions Investigated, and he’s here

to tell us all about it. Miles, welcome to the show.

Miles : Thank you, Humbert.

Humbert : So, Miles, what exactly made you interested in superstitions?

Miles : Well, I suppose it was really my grandmother, that is, my father’s mother because

she is probably the most superstitious person I know, and she spent the whole of

my childhood telling me what would happen if I did something.

Humbert : Can you give us any examples?

Miles : Well, of course, there were some of the classic examples, like if you break a mirror,

you’ll have seven years of bad luck, and if you spill salt, you’ll also have bad luck,

but she has some superstitions that some people have never heard of. For example,

if you look at the new moon through glass, you’ll have bad luck, or if you hear

an owl hoot at night, then it means a close friend is going to die.

Humbert : Hmmm, sounds quite like an interesting lady.

Miles : Quite. You know, it scared me a lot at the time, but I suppose that

if she weren’t so superstitious, I wouldn’t have written the book.

Humbert : But even if your grandmother has some strange superstitions,

let’s say, what can you write in a book about them?

Miles : Well, one of the most curious things about superstitions is how, despite the fact that

everybody believes they’resome kind of universal truth, they’re not actually

international. For example, it’s a common belief in most countries that if a black

cat crosses your path, you’ll have bad luck, but in Britain, for example, it’s

believed that if a black cat crosses your path, you’ll actually have good luck.

Humbert : How interesting.

Miles : Yes, but it’s also interesting to see how there are certain things which are connected

with bad luck, but they vary from country to country. For example, if you compare

the attitude to traveling on the13th day of the month. In the US, it’s bad luck to travel

on Friday the 13th, but in Mexico it’s bad luck to travel on Tuesday the 13th.

Humbert : And are all superstitions connected to bad luck?

Miles : No, no, not at all. For example, if a spider crawls across your hand, you’ll receive

some money, and if a dark - haired person opens the door to the house first

on New Year’s Eve, then that will bring good luck for all its occupants.

Humbert : I see, and how old are these superstitions?

Miles : That’s very hard to say, although there are one or two that we can probably date

with some accuracy. For instance, I believe that the association of bad luck with

the number thirteen stems from the fact that Jesus Christ had thirteen people at

the Last Supper. Interestingly, certain superstitions seem to be dying

out with the passage of time.

Humbert : Really?

Miles : Yes. I mean, there used to be a certain fear of people who were left-handed

because people connected the left with the devil, so if you’d been born left-handed

even sixty years ago, your parents would have forced you to write with your

right hand. However, that kind of belief is disappearing, and I can only think of one

left-handed superstition that still survives, and that is if you scratch your

left hand, you’ll give some money away.

Humbert : Well, Miles, I’m afraid that that’s all we’ve got time for now, but

thanks a lot for coming on the show. Now...

กิจกรรมหลังฟัง

4.2 การออกเสียง (Pronunciation : Rhythm in conditional sentences)

(1) ครูเปิดเทปการออกเสียงบางส่วนจากการสนทนาระหว่าง Humbert และ Miles Janowitz โดยเน้น

ให้นักเรียนฝึกออกเสียงทั้งประโยค และประโยค conditional ซึ่งเป็นประโยคที่มี intonation และ

rhythm ที่ชัดเจนดี ในแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 62

(2) ครูให้นักเรียนฝึกออกเสียงประโยคเป็นคู่ในแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ B ในหนังสือเรียน

หน้า 62 โดยช่วยกันแก้ไขซึ่งกันและกัน

(3) เมื่อนักเรียนเข้าใจ ให้สังเกตการออกเสียงทั้ง intonation และ rhythm จากเทป

4.3 การพัฒนาคำศัพท์

(1) ครูอธิบายคำว่า “collocation” ให้นักเรียนฟัง collocation คือ คำบางคำในภาษาอังกฤษที่มัก

จะใช้คู่กัน เช่น คำ adjectives ใช้คู่กับคำ prepositions เช่น afraid of, angry at (A collocation

= the way in which some words are often used together or a particular combination of

words are often used together)

(2) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 63

โดยจับคู่ adjectives กับ prepositions

(3) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้.น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 A

afraid of

angry about, at, with

bad at, for, in

bored of, with

disappointed at, about, in, with

enthusiastic about

essential for

excited about

fascinated with

good at, for, in, with

happy about, for

impatient with

interested in

kind with

obsessed with

surprised by, about

tired of

unsuitable for

worried about, by

(4) ครูให้นักเรียนใช้พจนานุกรมหาความหมายของ adjectives ที่ใช้คู่กับ prepositions ที่แตกต่าง กัน เช่น

angry about,angry at หรือ angry with ว่ามีความหมายเหมือนกันหรือแตกต่างกัน โดยครู

อาจจะแบ่งงานให้นักเรียนในแต่ละแถว แล้วให้นำเสนอบนกระดานหรือหน้าชั้น

ตัวอย่างคำตอบ

angry with/at + person

- She was so angry with/at him that she threatened to throw him out of the house.

angry about/over + something

- Parents are justifiably angry about/over the decision to close the school.

(5) เมื่อนักเรียนมีความเข้าใจในเรื่อง “collocation” แล้ว ให้นักเรียนฝึกการใช้เพิ่มเติม โดยทำ

แบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ C และข้อ D ในหนังสือเรียน หน้า 63

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

C 1. of 5.A : at B : with

2. at/with 6.for

3. at/with 7.in

4. of 8.with

D 1. for 5.about

2. with 6.for

3. from 7.about

4. about 8.to

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 62-63

5.2 Workbook 6 หน้า 44-45

5.3 เทปบันทึกเสียงการสัมภาษณ์

5.4 เครื่องเล่นเทป

5.5 พจนานุกรม

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามหลังการฟังในแบบฝึกหัดที่ 5 B และ 5 C

หน้า 62 (ต 1.1.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ H - ข้อ K ใน Workbook หน้า 44-45 ดูเฉลยหน้า 223

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการฟัง

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 23

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Entertainment ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 The Big If

แผนการเรียนรู้เรื่อง My Favorite Possession เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านเพื่อตรวจความถูกต้องในการเดาข้อมูลจากชื่อเรื่องและภาพประกอบ ช่วยให้ผู้อ่านมีจุดประสงค์

ในการอ่านซึ่งทำให้อ่านจับใจความได้ดี และเป็นทักษะที่ควรได้รับการฝึกฝน

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจบทความที่อ่านและบอกรายละเอียดได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ในบทอ่าน (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 เขียนข้อความเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่สมมติได้ (ต 1.3.1)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 เขียนโครงสร้างประโยค conditional รูปแบบต่างๆ ได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 เขียนเรียบเรียงประโยคเป็น essay ได้ (ต 1.3.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘My Favorite Possession’ ในหนังสือเรียน หน้า 64

3.2 คำศัพท์และสำนวน

change beyond recognition v. - to change something radically

down the drain - lost

PDA - Personal Digital Assistance

คอมพิวเตอร์มือถือ

back-up n. - (computer) a copy of a file, etc that can be used if the

original is lost or damaged

hasn’t looked back since - has felt/acted positively ever since

keen adj. - someone who is keen is very interested in something

or is eager to do it

swap v. - to exchange something with someone, especially so

that each of you get what you want

renewable adj. - something that is renewable can be replaced by

natural processes or good management, so that it is

never used up: renewable energy/resources

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Overviews of conditional 0, 1, 2, 3 และ Mixed conditionals

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-6 คน อภิปรายและตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading

ข้อ A ข้อ 1 และข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 64

ตัวอย่างคำตอบข้อ 1

- I think a motorcycle is so special for me because I can go from place to place quickly.

If I lost it, I would be able to go to school in time.

ตัวอย่างคำตอบข้อ 2

- I think a computer has most changed my life. My life would be so boring if it hadn’t

been invented.

(2) ครูสุ่มให้นักเรียนตอบคำถาม 3-4 คน หรืออาจจะหาอาสาสมัครนำเสนอสิ่งที่แปลกหรือน่าสนใจ

(3) ให้นักเรียนดูชื่อเรื่อง My Favorite Possession และภาพประกอบ แล้วเดาว่าแต่ละคนมีอะไร

เป็น favorite possession บ้าง แล้วให้หาคำตอบจากการอ่าน

(4) ครูแนะนำคำศัพท์และสำนวนใหม่ๆ ได้แก่คำว่า change beyond recognition, down the drain,

PDA, back-up

(5) ให้นักเรียนอ่านคำถามท้ายบทอ่านในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ในหนังสือเรียน

หน้า 65 เพื่อให้มีจุดมุ่งหมายในการอ่าน

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านบทอ่านเรื่อง My Favorite Possession ในหนังสือเรียน หน้า 64 แล้วตอบคำถาม(ครูควร

กำหนดเวลาในการอ่านและตอบคำถาม เช่น 10 นาที เพื่อเป็นการฝึกให้นักเรียนอ่านอย่างรวดเร็ว)

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน แล้วฟังเทปที่ครูเปิดให้ฟังเป็นการฝึกทักษะการฟังพร้อมทั้ง

ตรวจคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

1. False 4. True

2. False 5. False

3. False 6. True

(3) เพื่อฝึกให้นักเรียนเดาความหมายของคำศัพท์จากบริบท ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมดังนี้

Find words or phrases in the texts with the following meanings. (Answers are in parentheses.)

1. to change something radically (change beyond recognition)

2. lost (down the drain)

3. become interested in (get into)

4. keep (store)

5. has felt/acted positively ever since (hasn’t looked back since)

6. indicating with the finger (pointing)

กิจกรรมหลังอ่าน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน อ่านส่วนต.นของประโยค ‘If’ ในแบบฝึกหัดที่ 9 Language

Activator ในหนังสือเรียน หน้า 65 แล้วพิจารณาในหัวข้อต่อไปนี้

- เป็น condition แบบใด?

- effect เป็น positive หรือ negative

- เติมประโยคให้สมบูรณ์

(2) ครูสุ่มให้นักเรียนบางคนเขียนประโยคส่วนท้ายของประโยค ‘If’ บนกระดาน และให้นักเรียน

ที่เหลือพิจารณาว่าถูกต้องหรือต้องแก้ไขอย่างไร เพื่อเป็นการประเมินความเข้าใจของนักเรียน

(3) ให้นักเรียนเติมประโยคที่เหลือ

(4) นักเรียนแลกเปลี่ยนกันตรวจประโยคที่เติมเรียบร้อยแล้ว ครูคอยให้คำแนะนำถ้านักเรียนมีปัญหา

4.2 การเขียน

แบบฝึกหัดที่ 10 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 65 เป็นการฝึกให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นใน

เรื่องใดเรื่องหนึ่งทั้งในแง่บวกและลบ

(1) ครูเลือกหัวข้อหนึ่งหัวข้อจากแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ในหนังสือเรียน หน้า 65 มา

เป็นตัวอย่าง ควรเป็นหัวข้อที่นักเรียนสามารถมีความคิดเห็นที่ใกล้เคียงกันได้ เช่น

- If tobacco was made illegal,...

(2) ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นที่มีผลในทางบวก

(3) ครูเขียนความคิดเห็นเหล่านั้นบนกระดาน และในทางตรงกันข้ามให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น

ที่มีผลในทางลบเช่นเดียวกัน

ตัวอย่างของความคิดเห็น

Pro

- Less people would suffer from lung cancer.

- Less people would suffer from heart disease.

- The government would pay less for health care.

- There would be no danger of passive smoking.

- Future generations would be completely ‘smoke free. and have no bad examples to follow.

Con

- The government would lose tax revenues.

- Tobacco farmers and industry workers would lose their jobs.

- Some stores might have to close.

- People might drink more, or abuse stronger drugs.

(4) เมื่อนักเรียนมีข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อที่จะเขียน ให้นักเรียนเลือกที่จะแสดงความคิดเห็นในแง่ลบหรือ

บวก แล้วร่าง Outline ของ essay ที่จะเขียน ดังนี้

- Introduction

- Body

- Conclusion

(5) นักเรียนแลกเปลี่ยนกันอ่าน essay ช่วยกันแก้ไขหรือวิจารณ์ และนำกลับไปแก้ไขปรับปรุง แล้ว

จึงส่งให้ครูอ่าน

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 64-65

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามท้ายบทอ่าน หน้า 65 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการเขียน essay แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์

ที่สมมติขึ้น หน้า 65 (ต 1.3.1)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนอ่านบทอ่าน แล้วขีดเส้นใต้ประโยค conditionals และบอกชนิดของ conditionals นั้นๆ

เพื่อให้นักเรียนได้เห็นการใช้ประโยคประเภทนี้ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

7.2 หัวข้อแนะนำสำหรับการเขียน Journal writing มีดังนี้

- What I’d do differently if I could live today over again

- My favorite possession and what I’d do if I lost it

- A superstition I keep

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามท้ายบทอ่าน

8.2 essay ตามสถานการณ์สมมติที่นักเรียนเลือก

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 8

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 24

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง National Issues ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 The Great Divide

แผนการเรียนรู้เรื่อง British or American เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสื่อสารมี 2 สำนวน คือ British English และ American English ซึ่งมีความ

แตกต่างและเหมือนกันหลายอย่าง ดังนั้น ถ้าผู้เรียนสามารถจำแนกได้ก็จะทำให้ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 อ่านข้อความแล้วบอกรายละเอียดได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความแตกต่างของ British English และ American English ได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 เขียนและพูดแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องที่อ่านได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้ภาษาในการแสดงความคิดเห็นได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้คำศัพท์และโครงสร้างประโยคในการสื่อสารได้ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทสนทนา ในหนังสือเรียน หน้า 66-67

3.2 คำศัพท์และสำนวน

subway n. - (American English) a rail-way that runs under the ground

distinctive adj. - having a special quality, character, or appearance that is different and

easy to recognize

equivalent adj. - having the same value, purpose, job, etc as a person or thing of a

different kind

equivalent n. - something that is equivalent to something else

3.3 ภาษาและวัฒนธรรม

3.3.1 The first English settlers to arrive in what is now the USA are known as the Pilgrim Fathers

because of the fact that they wished to form a new country free from the religious persecution they

felt they were suffering in Britain at the time. (A pilgrim is someone who makes a religious journey.)

They set sail from Plymouth in Britain on September 6, 1620, and their ship the Mayflower,

arrived on land on November 11. Their hope was to create a new world that God would

approve of. Some historians believe that this aim still has a modern day legacy, reflected in

the fact that the USA is statistically much more religious than the UK and, in fact, the whole

of Europe, with well over half of Americans saying that they are religious in some way.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-6 คน พิจารณาตอบคำถามจากแบบฝึกหัดที่ 1 Warm

Up ข้อ A ข้อ 1 - ข้อ 3 ในหนังสือเรียน หน้า 66

(2) ครูสุ่มให้นักเรียนตอบ

Possible Answers

ข้อ 1

1. Difference in spelling certain words such as color-colour, center-centre

2. Difference in vocabulary for certain objects such as vacation-holiday

3. Difference in the use of prepositions such as write me-write to me

4. Difference in accent and pronunciation such as advertisement - advertisement

5. Difference in idioms such as to call collect-to reverse the charges

ข้อ 2

คำตอบของข้อนี้ขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยของนักเรียนแต่ละคนกับแบบเรียนหรือครูผู้สอน

หรือสภาพแวดล้อมที่นักเรียนสัมผัส

ข้อ 3

ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการได้แก่

Australia New Zealand

Canada South Africa

Various islands in the Caribbean The United Kingdom

Ireland The USA

Jamaica

ข้อเสนอแนะ ครูควรแนะนำให้นักเรียนใช้ภาษาอังกฤษแบบใดแบบหนึ่งระหว่าง American

English หรือ British English ไม่ควรใช้ปะปนกัน

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 66-67 โดยครูใช้คำถาม

ถามนำ ให้นักเรียนตอบปากเปล่าเพื่อเป็นตัวอย่าง เช่น

- Who is looking for somewhere to live?

- An American or English?

- Who’s recently been to Europe?

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 B

1. US 2. US 3. UK 4. UK

5. US 6. UK 7. UK 8. US

9. UK 10. US 11. UK

หมายเหตุ : สำหรับเหตุผลในการตอบนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยกับคำศัพท์เหล่านั้น

(2) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ในหนังสือเรียน หน้า 67 (ครูอาจจะอธิบาย

คำศัพท์ distinctive และ equivalent)

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2

US UK

vacation - holiday

subway - underground/tube

apartment - flat

line - queue

take out - take away

pharmacy - chemist

check - bill

make a collect call - reverse charges

flashlight - torch

movie - film

soccer - football

กิจกรรมหลังอ่าน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน อภิปรายและตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussionใน

หนังสือเรียน หน้า 67 โดยให้ดำเนินการแบบกลุ่ม คือ มีเลขาคอยจดข้อสรุป และมีตัวแทนนำเสนอ

(2) ครูอธิบายคำถามเพื่อให้นักเรียนเข้าใจตรงกัน คือ คำถามข้อที่ 1 ถามเกี่ยวกับบุคคล ไม่ใช่

ภาษา ส่วนคำถามข้อที่ 2 นั้นให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่บุคคลทั่วๆไปเห็นใน

ภาพยนตร์หรือโทรทัศน์มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของเขาที่มีต่อ 2 ประเทศมากน้อยเพียงใด

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 66-67

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจแบบฝึกหัดที่ 1 B หน้า 66 และการตอบคำถาม

จากแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 67 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการเขียนและพูดแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 3

หน้า 67 (ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่ว่า Common differences between British English and

American English

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 1 B

8.2 การเขียนและพูดแสดงความคิดเห็น

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 25

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง National Issues ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 The Great Divide

แผนการเรียนรู้เรื่อง A brief history of the origins of the American War of Independence

เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังบทความทางประวัติศาสตร์เป็นการบูรณาการภาษาอังกฤษให้เข้ากับสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา

ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาความรู้ทั้งสองสาระ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 ฟังบทความแล้วจับใจความสำคัญได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในบทความที่ฟังได้ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทความเรื่อง ‘The history of the American Independence’ ในหนังสือเรียน หน้า 70

3.2 คำศัพท์และสำนวน

rival n. - a person, group, or organization that you compete with in sport,

business, a fight, etc.

infuriate v. - to make someone extremely angry

disguise v. - to change someone’s appearance so that they look like someone else

and people cannot recognize them

ปลอมตัว

sabotage v. - to secretly damage or destroy equipment, vehicles etc that belong to

an enemy or opponent, so that they cannot be used

chest n. - a large, strong box that you use to store things in or to move your

personal possessions from one place to another

reckless adj. - not caring or worrying about the possible bad or dangerous results of your

actions

ขาดความยั้งคิด

3.3 ภาษาและวัฒนธรรม

3.3.1 George Bernard Shaw, a British playwright, declared that Britain and the USA were

two countries divided by a common language. In reality, most Americans and British people

don’t have any problem understanding one another, as, even when the words they use are different,

context usually helps them understand. However, one area where they can occasionally have problems

is in understanding the accents, particularly when some regional British accents are quite difficult to

understand. Famously, when the British film Trainspotting was released in some theaters in the US in

the mid-1990s, the English was subtitled to allow audiences to cope with the very thick Scottish accents.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ให้นักเรียนมีความรู้ด้านคำศัพท์เกี่ยวกับเรื่องที่จะฟัง โดยให้ศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5

Listening ข้อ A ข้อ 1 - ข้อ 3 ในหนังสือเรียน หน้า 70 แล้วทำงานเป็นคู่ ช่วยกันพิจารณาตอบคำถาม

(2) ครูเรียกให้นักเรียนตอบและตรวจคำตอบพร้อมกันทั้งชั้น สำหรับคำถามข้อที่ 1 นั้น ถ้านักเรียน

ตอบในขณะนั้นไม่ได้ ก็อาจจะให้ไปค้นคว้าแล้วนำมาเสนอในคาบเรียนต่อไป

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 A

ข้อ 2

The US gained its independence from Britain in 1783, although they had already

signed the Declaration of Independence in 1776.

ข้อ 3

1. e 2. d 3. c 4. a 5. b

(3) ให้นักเรียนอ่านคำสั่งและประโยคในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 70

แล้วให้เดาคำตอบก่อนฟัง เพื่อช่วยให้นักเรียนมีจุดประสงค์ในการฟังอย่างชัดเจน

(4) ครูอธิบายคำศัพท์ใหม่ infuriate, disguise, chest, และ reckless

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) ครูเปิดเทปให้นักเรียนฟัง 1 หรือ 2 ครั้งตามความสามารถของนักเรียน ครูควรหยุดในแต่ละช่วง

เพื่อให้นักเรียนได้มีเวลาตอบคำถาม หรือปรึกษากับเพื่อน เนื่องจากเป็นบทฟังที่ค่อนข้างยาว

(2) ครูสอบถามคำตอบจากนักเรียนและเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 B

1. True 2. False 3. False 4. True 5. False

LISTENING SCRIPT

America had been a colony of Great Britain for centuries, but towards the end of the 18th

century, American citizens were becoming increasingly irritated by Britain’s constant attempts to

take advantage of the colony through high taxes and duty on imported goods. One of the main reasons

for these high taxes was Britain’s determination to support a company called The East India Company

which exported goods from around the British Empire to its various colonies. However, the East India

Company was in debt, so on May 10, 1773, the British Parliament passed a law which allowed the

company to export half a million pounds, just under a quarter of a million kilograms, of tea to the

American colonies without paying the usual import duties. This meant that they could sell their tea

cheaper than any of their American rivals. This law infuriated many American merchants, including

Samuel Adams of Boston, but the British refused to listen to any of their complaints, and the East India

Company sent three ships carrying the cheap tea to Boston. However, when the ships arrived in Boston

on November 27, the merchants prevented them from unloading their cargo, therefore putting a stop

to its sale in America. Adams and a group of colonists disguised themselves as Mohawk Indians on

the night of December 16, went on board the ships, and proceeded to throw 342 chests of tea into the

harbor, an act which came to be known as The Boston Tea Party. This sabotage divided the population

of Boston, with some people calling it a reckless act, while others applauded the bravery of Adams and

his men. The reaction in Britain, however, was one of united anger, and the Parliament swiftly passed the

so called Intolerable Acts, which included closing down Boston’s harbor. Although the British hoped

that these acts would help them regain control of the colonists, they were so unacceptable that they

actually helped form resistance to British rule, and, within four years the Americans would, declare war

on the British, with George Washington eventually leading his soldiers to victory in 1783. This was

the only war in history ever to have started over a simple cup of tea.

กิจกรรมหลังฟัง

4.2 การออกเสียง

(1) การออกเสียง ‘The’

การออกเสียง ‘The’ มี 2 แบบ คือ ออกเป็นเสียง ‘เออะ’ และ ‘อิ’ เมื่อนำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วย

‘สระ’ ครูอธิบายและให้นักเรียนฟังเทปพร้อมทั้งฝึกออกเสียงตามในแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation

ในหนังสือเรียน หน้า 70

4.3 การพัฒนาคำศัพท์

(1) ฝึกให้นักเรียนรู้จักคำศัพท์ที่ใช้ต่างกันระหว่าง American English และ British English โดยการ

ทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ A และข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 71 นักเรียน

อาจใช้พจนานุกรมช่วยหาความหมายของคำศัพท์ แล้วครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

A

Clothing : pants - trousers; panty hose - tights; suspenders - braces;

undershirt - vest; running shoes - trainers

Food : candy - sweets; chips - crisps; eggplant - aubergine;

french fries - chips; soda - soft drink; zucchini - courgette

In the City : apartment - flat; bar - pub; bookstore - bookshop; coffee shop - caf้;

elevator - lift; gas station - petrol station; parking lot - car park;

sidewalk - pavement; subway - underground; trashcan - dustbin

B 1. soccer 6. taxidrivers ask you to put it in the boot

2. dating 7. post

3. ring on his mobile 8. bill

4. cinema 9. notes

. cellars 10. railway

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 68-71

5.2 Workbook 6 หน้า 48-50

5.3 เทปบันทึกเสียงบทความเรื่อง the history of the American Independence และการออกเสียง ‘The.

5.4 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามหลังการฟังในแบบฝึกหัดที่ 5 B หน้า 70

(ต 1.1.4)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนศึกษาแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 68 เพื่อช่วยให้นักเรียนมีความรู้

ความเข้าใจในการใช้ Indefinite article: a/an และ Definite article: ‘the’ และทำแบบฝึกหัดข้อ A -

ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 69

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4

A 1. the USA, a boat, a thousand

2. ฦ visitors, ฦ London, the Houses, the places (it’s possible to argue for ‘ ฦ places.,

but we’remore likely to specify which ones), the Royal

3. a vast conspiracy

4. ฦ America, a country, a great future, ฦ Britain, a country, a great history

5. The British, ฦ America

6. ฦ London, the most expensive, the world

7. ฦ Central Park, the Hudson River

8. ฦ skyscrapers, the first, ฦ New York, the Empire State Building

9. The prime minister, the two countries

10. ฦ dinner, the food, the air conditioning, a refrigerator

B Answers are in bold.

My friend Heidi has an uncle who lives in London, so we decided to go visit him during the

summer vacation. My mom told me that the weather in England is terrible, so I made sure I took a warm

jacket and an umbrella, but it was a total waste of time. When we got to Heathrow airport, we found out

that it was the hottest summer in Britain in a hundred years! So the first thing we did was go shopping and

we bought some summer clothes so that we wouldn’t die in the heat.

Every day we took the underground, which is what the British call their subway, and went to the

center to go sightseeing. Of course, we went to Buckingham Palace and tried to see the Queen, and to

Downing Street to see where the prime minister lives, but I thought the best thing about London were

the museums and art galleries, because they’reall free to get into-you don’t need to spend a penny!

My favorite gallery was the Tate Gallery, because it’s right next to the Thames, and it’s all modern art.

We went there three times, and the second time we were there we met an English boy called James who

was really nice and offered to take us to a nightclub at night. We went back to Heidi’s uncle’s apartment

and got changed, and then met James at a restaurant for dinner. After dinner, he took us to the

club and the music was fantastic. I loved London and I honestly don’t think I’ve ever had such

a good time in my life. I can’t wait to go back!

C an American an hour an orange

a CD a house an uncle

an FBI agent an immigrant a university

a friend an MBA a US citizen

7.2 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ D - ข้อ H ใน Workbook หน้า 48-50 ดูเฉลยหน้า 224

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการฟัง

8.2 การออกเสียงคำว่า ‘The’

8.3 การทำแบบฝึกหัดที่ 7

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 26

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง National Issues ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 The Great Divide

แผนการเรียนรู้เรื่อง Noah Webster and the Origins of American Spelling เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านเพื่อจับใจความอย่างรวดเร็ว (scanning) เป็นทักษะที่นักเรียนจำเป็นต้องใช้ทั้งในการศึกษา

และในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงต้องมีการฝึกฝนอยู่เสมอ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 จับใจความสำคัญและบอกรายละเอียดของบทความที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 ใช้กลยุทธ์ในการอ่าน เพื่อจับใจความอย่างรวดเร็ว (scanning) (ต 1.1.4)

2.1.3 เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของ British English และ American English ได้(ต 2.1.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 เขียนประวัติบุคคลสำคัญได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 เลือกใช้คำศัพท์และโครงสร้างที่เหมาะสมในการเขียนบทความสั้นๆ (ต 1.3.4 ; ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้ภาษาอังกฤษค้นคว้าหาข้อมูลจากสื่อต่างๆ ได้ (ต 3.1.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Noah Webster and the Origins of American Spelling’ ในหนังสือเรียน หน้า 72

3.2 คำศัพท์และสำนวน

riotous adj. - wild, exciting, and uncontrolled

infuriate v. - to make someone extremely angry

patriot n. - someone who loves their country and is willing to defend it

ผู้รักชาติ

staggering adj. - is used to explain something extremely surprising and impressive

etymology n. - the study of the origins, history, and changing meanings of words

นิรุกติศาสตร์

legacy n. - a situation that exists as a result of things that happened at an earlier time

สิ่งที่ตกทอดเป็นมรดก

innovation n. - a new idea, method, or invention

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูเตรียมความพร้อมในการอ่านของนักเรียน โดยให้นักเรียนตอบคำถามจากแบบฝึกหัดที่ 8

Reading ข้อ A ข้อ 1 - ข้อ 3 ในหนังสือเรียน หน้า 72 และซักถามคำตอบจากนักเรียน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 8 A

ข้อ 1

British English American English

colour color

favourite favorite

centre center

authorise authorize

cheque check

adviser advisor

นอกจากนี้ การสะกดคำศัพท์บางคำที่เป็นทั้ง verb และ noun British English จะสะกดต่างกัน

เช่น practice (n.) practise (v.) แต่ American English จะสะกดเหมือนกัน

ข้อ 2

tung = tongue

wimm = women

ข้อ 3

สำหรับข้อ 3 นั้นไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว วัตถุประสงค์ที่ให้นักเรียนพิจารณาตอบ

คำถามข้อนี้ก็เพื่อสร้างความสนใจในบทอ่านที่นักเรียนจะอ่านต่อไป

(2) ครูแนะนำคำศัพท์ใหม่ โดยเขียนคำจำกัดความบนกระดาน ได้แก่คำว่า riotous, staggering,

etymology, legacy, innovation

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 72 เพื่อให้

นักเรียนมีวัตถุประสงค์ในการอ่านครั้งแรก

(2) นักเรียนอ่านบทอ่านอย่างรวดเร็วเพื่อหาข้อมูลเฉพาะในการตอบคำถามข้อ B โดยไม่จำเป็นต้อง

เข้าใจทุกข้อความ

(3) ครูและนักเรียนตรวจคำตอบพร้อมกัน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 8 B

1. in 1758

2. eight

3. 26

4. For introducing American English spelling and vocabulary (คำตอบข้อนี้อาจมีข้อแตกต่าง

กันเล็กน้อย)

(4) นักเรียนศึกษาข้อความ a-h ในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ในหนังสือเรียน

หน้า 73 และอ่านบทอ่านอีก 1 ครั้งเพื่อพิจารณานำข้อความดังกล่าวไปเติม โดยหาความ

เชื่อมโยงของข้อความกับประโยคในบทอ่าน ครูและนักเรียนเติมข้อ 1 ด้วยกันเป็นตัวอย่าง

(ความเชื่อมโยงของคำตอบ ข้อ 1 คือ spelling และ sound of a word)

(5) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบและอภิปรายเมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน

(6) ครูเปิดเทปเพื่อให้นักเรียนตรวจสอบคำตอบที่ถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

1. d 2. b 3. f 4. c 5. g 6. e 7. h

กิจกรรมหลังอ่าน

(1) ให้นักเรียนอ่านคำสั่งและดูรูปภาพประกอบในแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ใน

หนังสือเรียน หน้า 73 และให้นักเรียนบอกสถานที่ในรูปภาพว่าอยู่ใน London หรือ New York

(2) ครูซักถามนักเรียนถึงสถานที่ที่นักเรียนอยากไป และเขียนบนกระดาน ถ้านักเรียนไม่มีความรู้

เกี่ยวกับสถานที่ในเมืองทั้งสอง ครูเสนอแนะสถานที่ให้อ่าน

NEW YORK

- Go to the Empire State Building, the Statue of Liberty, Greenwich Village, Central Park, etc.

- Go shopping on Fifth Avenue - See a Broadway show

- Take a trip round New York harbor - Visit the Metropolitan Museum or the Museum of Modern Art

LONDON

- Visit Buckingham Palace, Big Ben, Madame Tussaud’s, the Tate Gallery, etc.

- Go to the London Eye, the Tower of London

- Go on a river cruise - Go see a musical

- Go shopping on Oxford Street (designer clothes) or in Camden Town (alternative clothes)

(3) เมื่อนักเรียนได้เลือกสถานที่ที่ต้องการไปเยี่ยมชมแล้ว ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ อภิปราย ตกลง

เลือกจากรายชื่อของทั้งคู่ให้เป็นรายชื่อใหม่ 5 แห่ง

(4) ให้แต่ละคู่มารวมกันเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน และทำเหมือนครั้งแรกให้ได้รายชื่อสถานที่ใหม่ 5 แห่ง

ให้ส่งตัวแทนนำเสนอหน้าชั้นและเขียนบนกระดาน โดยเฉพาะสถานที่ที่แตกต่างกัน แล้วให้

นักเรียนออกเสียงสถานที่ที่อยากไปมากที่สุดเพื่อหา the most popular place to visit

4.2 การเขียน

(1) นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 10 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 73 และเพื่อให้นักเรียน

ได้ฝึกเขียนประวัติของบุคคลสำคัญได้อย่างน่าสนใจ ครูควรแนะนำให้นักเรียนศึกษาการเขียน

เรื่อง ‘Noah Webster’ ที่นักเรียนอ่านเป็นตัวอย่าง และควรจะประกอบด้วย 3 paragraphs คือ

Introduction : why he/she became famous

Body : narrates some events in his/her life

Conclusion : a reflection on why he/she remains important today

และขณะที่เขียนนักเรียนควรจะมีคำถามที่เป็นหลักในการเขียน คือ ‘Why is this person still famous today?’

(2) เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จแล้ว ให้แลกเปลี่ยนกันอ่านและตรวจแก่ซึ่งกันและกัน โดยใช้วิธีที่เคย

ปฏิบัติ คือ ใช้ตัวย่อต่างๆ บอกข้อผิด เช่น ‘g’ แทน การผิดไวยากรณ์, sp แทนการสะกดผิด

หรือจะเสนอแนะในเนื้อเรื่อง แล้วส่งคืนเจ้าของเพื่อปรับปรุงแก้ไขก่อนส่งครู

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 72-73

5.2 Workbook 6 หน้า 51-52

5.3 เทปบันทึกเสียงบทอ่านเรื่อง ‘Noah Webster and the Origins of American Spelling.

5.4 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 B หน้า 72 และการ

เติมบทความในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) หน้า 73 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการเขียนประวัติบุคคลสำคัญในแบบฝึกหัดที่ 10 หน้า 73

(ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนค้นคว้าและรวบรวมคำที่แตกต่างกันระหว่าง British English และ American English เท่าที่มี

7.2 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ I และ ข้อ J ใน Workbook หน้า 51-52 ดูเฉลยหน้า 224-225

7.3 หัวข้อที่น่าสนใจสำหรับการเขียน Journal writing มีดังนี้

- The person I most admire from history - What I think people mean when they say ‘Love’

- Differences between my country’s language and another country’s version of it

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การเขียนบทความสั้นๆ เกี่ยวกับ a famous person

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 9

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 27

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Education ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 School Days

แผนการเรียนรู้เรื่อง Class of '86 เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านเพื่อนำข้อมูลมาพูดสนทนาและแสดงความคิดเห็น เป็นทักษะที่สำคัญทั้งในการศึกษาและการ

สนทนาในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงควรฝึกฝนอยู่เสมอ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 อ่านความคิดเห็นของบุคคลเข้าใจและแสดงความคิดเห็นได้ (ต 1.1.4 ; ต 2.2.2)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน (ต 2.2.1)

2.1.2 เดาความหมายของคำศัพท์จากบริบทได้ (ต 2.2.1)

2.1.3 บอกรายละเอียดของเรื่องราวที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันได้ (ต 1.2.3 ; ต 1.2.4 ; ต 4.2.2)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 บอกความหมายของคำศัพท์ที่ต้องการสื่อได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ในการสื่อความที่ต้องการได้ถูกต้องและเหมาะสม (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Class of ’86’ ในหนังสือเรียน หน้า 74-75

3.2 คำศัพท์และสำนวน

lose touch (with) v. - to not speak to, write to, or see someone for a long time, so that you do not know where they are

turn out phr. v. - to gather together

rambunctious adj. - (American English) humorous

leave out phr. v. - to not include someone or something in a group, list, activity, etc

mentor n. - an experienced person who advises and helps a less experienced person

3.3 ภาษาและวัฒนธรรม

3.3.1 is a website that has become a cultural phenomenon. Based

on the idea that people would be interested in making contact with old friends, a husband and

wife set up a website where people could enter the details of which schools and colleges they

went to and provide a brief description of themselves and what they are doing now. Friends who

were interested in contacting them would then pay a small fee to the website so that they could

send the person an e-mail and thereby get in touch. From these small beginnings, the website

has provoked many imitations and was recently sold for millions of dollars.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ อภิปรายและตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ข้อ 1 ในหนังสือเรียน

หน้า 74 โดยให้นักเรียนพิจารณาหาป.จจัยที่ทำให้วิชาต่างๆที่เรียนในห้องเรียนนั้นน่าเรียนขึ้น เช่น

teacher, variety, ease เป็นต้น และให้นักเรียนอาสาสมัครนำเสนอ หรือครูสุ่มถามนักเรียน 2-3 คน

(2) ให้นักเรียนคู่เดิมพิจารณาตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ข้อ 2 ในหนังสือเรียน

หน้า 74 ครูควรอธิบายความหมายของคำว่า ‘reunion’ (reunion = a social meeting of people

who have not met for a long time, especially people who were at school or college together.

(ชุมนุมศิษย์เก่า)) ครูอาจจะใช้คำถามถามนำเพื่อช่วยให้นักเรียนมี idea ในการตอบ เช่น

- Does everybody feel the same way before a school reunion?

- What would be the factors that would make you look forward or not to a school reunion?

และ เช่นเดียวกับข้อที่ 1 ครูสุ่มให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น

(3) ให้นักเรียนศึกษาคำถามในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ในหนังสือเรียน หน้า 75 ก่อน

ที่จะอ่านบทอ่านเพื่อให้นักเรียนมีจุดประสงค์ในการอ่าน

(4) นักเรียนศึกษาคำศัพท์ใหม่ที่ครูเขียนบนกระดาน ได้แก่คำว่า turn out, outgoing, rambunctious, mentor

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) ให้นักเรียนอ่านเรื่อง ‘Class of ’86’ ในหนังสือเรียน หน้า 74-75 แล้วตอบคำถามท้ายบท

อ่านในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 75

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่หรือกลุ่มเล็กๆ แล้วอภิปรายเนื่องจากบางคำถามมีหลายคำตอบ

เช่น คำถามข้อที่ 1 คำตอบอาจจะเป็น

- The Internet and website like and .

หรือจากการแสดงความรู้สึกของ Gina Zaccarelli และ Pep Vilardell คือ

- It is so strange to see how their friends have turned out.

- It is also interesting to see how their friends have changed and it is also interesting to

see how somethings haven’t changed at all.

(3) เมื่อนักเรียนได้อภิปรายคำตอบเรียนร้อยแล้ว ครูซักถามนักเรียนและตรวจคำตอบพร้อมกัน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2 A

1. The Internet and websites like and .

2. Gina

3. He doesn’t really know, but his wife told him that he had to.

4. They made sure that he wasn’t left out of anything.

5. He’s always been terrible at it and he doesn’t understand why people say it’s so important.

6. Because he lives in Canada.

(4) นักเรียนอ่านบทอ่านอีก 1 ครั้งเพื่อหาคำที่มีความหมายเหมือนที่โจทย์กำหนดในแบบฝึกหัดที่ 2

ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 75 แล้วเปรียบเทียบคำตอบกับคู่

(5) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียนทั้งชั้น แล้วให้คำตอบที่ถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2 B

1. find something out (found out in text)

2. track somebody down

3. bump into somebody

4. pick something up

5. turn up

6. make out

7. catch up with somebody

8. care about something

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูดและการเขียน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-6 คน อภิปรายและตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion

ข้อ 1 และ ข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 75 โดยให้นักเรียนทำงานในระบบกลุ่ม คือ มีประธาน

กลุ่มคอยซักถามปัญหาจากสมาชิก มีเลขากลุ่มคอยจดบันทึกข้อสรุปหรือข้อตกลง

สำหรับข้อที่ 1 นั้นให้นักเรียนอ่านบทอ่านอีกครั้ง เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการตอบ

ตัวอย่างคำตอบ

- People’s appearance may change after a period of time.

- People haven’t kept in touch with each other because they live far away. เป็นต้น

สำหรับคำตอบข้อที่ 2 นั้น นักเรียนอาจมีคำตอบที่หลากหลาย

(2) ให้นักเรียนส่งตัวแทนของแต่ละกลุ่มมานำเสนอหน้าชั้น

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 บทอ่านในหนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 74-75

5.2 แบบฝึกหัดไวยากรณ์ในหนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 76-77

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามท้ายบทอ่าน หน้า 75 (ต 1.1.4 ; ต 2.2.2)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดนำเสนอความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่ม

ในแบบฝึกหัดที่ 3 หน้า 75 (ต 1.2.3 ; ต 1.2.4 ; ต 4.2.2)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นตามหัวข้อต่อไปนี้

Somebody thinks that going to school is a waste of time and too much time is spent making

students do things that they don’t want to do. What do you think makes a good education?

ครูอาจจะให้คำถามเป็นแนวในการคิด เช่น

- What do you think will be useful in later life?

- How do you think the school could be changed to give you a better preparation for your adult

lives?

7.2 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ข้อ A - ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 76-77

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4

A. 1. must, don’t have to

2. has to (must is also possible, but has to implies that he has been ordered there by

someone)

3. mustn’t

4. must (have to is also possible, but must is more likely in such a rule)

5. should (have to is possible, but probably too strong in the circumstances)

B. Answers may vary. Possible variants are listed below. Encourage students to examine the

implications of each choice.

1. don’t have to do/shouldn’t do

2. mustn’t forget

3. should/ought to avoid

4. must/should always try (have to and ought to are not possible here because the always

would have to precede the modal verb)

5. needs to be done/needs doing

6. ‘II have to pay

7. must always remember...have to ask

C. 1. Do I have to go to school?

2. You should apologize to Joel, but you’retoo stubborn.

3. I have to write two hundred lines, because I didn’t do my homework.

4. You don’t have to do Exercise 1, but please make sure you all do Exercise 2.

5. ... It needs to be replaced/It needs replacing.

6. Visitors mustn’t smoke/aren’t allowed to smoke in any part of the building.

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามท้ายบทอ่าน

8.2 การนำเสนอข้อคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่ม

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 28

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Education ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 School Days

แผนการเรียนรู้เรื่อง The importance of their education เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังบุคคลเล่าประสบการณ์และแสดงความคิดเห็นในเรื่องการศึกษา นอกจากจะสร้างเสริมความรู้และ

ข้อคิดให้แก่นักเรียนแล้ว ยังช่วยพัฒนาการฟังข้อความที่ยาวให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 ฟังข้อความเข้าใจ และบอกรายละเอียดของเรื่องที่ฟังได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์และสำนวน (ต 2.2.1)

2.1.2 เข้าใจน้ำเสียงและความรู้สึกของผู้พูด (ต 1.1.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันได้ (ต 1.2.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ในการสื่อความที่ต้องการได้ถูกต้องและเหมาะสม (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทพูดของบุคคลต่างๆ เรื่อง ‘The importance of their education’ ในหนังสือเรียน หน้า 78

3.2 คำศัพท์และสำนวน

MBA n. - Master of Business Administration; a university degree in the skills

needed to be in charge of a business

decent adj. - acceptable and good enough

liberal adj. - willing to understand and respect other people’s ideas, opinions,

and feelings

a mind-numbing job n. - a job that does not require much thinking

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Modal verbs of obligation : have to / must, don’t have to / mustn’t, should / shouldn’t, need

3.4 ภาษาและวัฒนธรรม

3.4.1 Degrees are often referred to as belonging to either the Arts (languages, humanities,

etc.) or the Sciences. Degrees that prepare students for a particular career (e.g. law,

engineering, business, etc.) are usually referred to as professional degrees.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ให้นักเรียนศึกษาคำสั่งและรูปภาพในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 78

(2) ให้นักเรียนบอกชื่องานในรูปภาพ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 A

teacher, factory worker / machine operator, secretary, psychiatrist, and clown

นักเรียนอาจจะบอกอาชีพอื่นๆ ครูอาจจะให้นักเรียนอภิปรายหาเหตุผลว่าควรจะเป็นอาชีพใด

(3) นักเรียนทำงานเป็นคู่ พิจารณาว่างานแต่ละงานในรูปภาพต้องมีการเรียนหรือฝึกในด้านใดมาก่อน

และเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกใช้คำศัพท์ที่เรียนมาในบทก่อน ครูอาจเพิ่ม personality ที่จำเป็นต้องมี

(คำศัพท์เกี่ยวกับ personality จาก Unit 4)

(4) ให้นักเรียนเข้ากลุ่มๆ ละ 4 คน โดยสมาชิกใหม่ไม่ซ้ำกับคู่เดิม นำคำตอบจากคู่เดิมมาพิจารณา

ใหม่ และส่งตัวแทนนำเสนอ

ตัวอย่างคำตอบ

Teacher

Education : education

Personality : patient, friendly, helpful, neat, generous

(5) นักเรียนทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 78 โดยอ่านความ

คิดเห็นและชื่อบุคคลในโจทย์ก่อนฟังเทป เมื่ออ่านเสร็จแล้ว ให้นักเรียนฟังเทปที่ครูเปิด 1 ครั้ง

แล้วจับคู่ชื่อบุคคลกับความคิดเห็น

(6) ครูเปิดเทปครั้งที่ 2 เพื่อให้นักเรียนตรวจคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 B

Tom : The most important thing is not to stop thinking.

Mandy : A good education makes everything possible.

Bill : University isn’t as liberal as people think.

Rhea : People always tell you that you need a certificate.

(7) ครูสอนคำศัพท์ใหม่โดยการเขียนคำจำกัดความบนกระดาน ได้แก่คำว่า MBA, liberal, decent,

a mind-numbing job

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) ครูบอกนักเรียนว่าการฟังในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อหารายละเอียดของการฟัง ให้นักเรียนตอบ

คำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 78 ครูเปิดเทปให้นักเรียนฟัง

1 ครั้ง พร้อมทั้งแนะนำให้นักเรียนจดข้อมูลแบบย่อๆ เพื่อใช้ในการตอบคำถาม

(2) นักเรียนตอบคำถามแล้วเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน

(3) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียนพร้อมทั้งเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 C

Exact wording will vary slightly.

1. You shouldn’t be afraid of expressing your ideas.

2. Her mom told her to relax and enjoy her youth more.

3. He liked the fact it gave him plenty of time to paint.

4. She thinks they get good jobs because they’ve got certificates.

LISTENING SCRIPT

Tom : I have to say that I really enjoyed my school days, especially the long vacations in summer and

at Christmas-I still feel kind of jealous when I see how long my kids get to stay at home and just

enjoy being young, but I can’t say that school really did a lot for me. You know, I left when

I was sixteen and got a job in a factory making televisions. After a while I had an idea for how

we could make production a lot more efficient, and when I told the management, they promoted

me and that’s how I started moving up through the company. Now I’m on the board of

directors. I know that some people say that getting good grades is really important at school,

but I think that I’m proof that you don’t have to get good grades to be successful later in

life; you just have to be intelligent and not be afraid to express your ideas. More

than anything, you must never let your brain stop working because if you stop

thinking about things, then you’renever going to get anywhere.

Mandy : I always worked really hard at school and I.ve never regretted it-after leaving university, I

studied for an MBA and got a job with CreditPlus bank in New York. Thanks to having my

MBA, I.ve been able to do a really good job and I.ve received several promotions. Of course,

at school my classmates told me that I was boring and even my mom told me that I had to

try and relax more and enjoy my youth, but the thing is, I loved working then just as much

as I love working now, so she really needn’t have worried. I always wanted to be successful,

so I made sure that I did what needed to be done, and I wouldn’t change that for the world.

If you get a decent education, you shouldn’t be scared of anything

because it really does make everything possible.

Bill : I was always pretty average at school, and I only really went to university because my parents

said that I had to, but I thought university was worse than school. At school you only had to

listen to what the teachers said, but at university your classmates try and tell you what to do

as well. You know what I mean, people telling you that you mustn’t eat meat because it’s

wrong to kill animals and that you have to listen to some awful music because everybody

thinks it’s cool. I mean, I always thought that university was meant to be liberal, but I found

it really conservative. The one good thing about university was that it gave me plenty of time

to paint, which is all I ever wanted to do anyway, so after a few months I wrote my parents

and told them I had to leave. I packed up my things and flew to Paris to become an artist,

and I’ve never regretted it once.

Rhea : Well, I was one of those stupid kids who let themselves be influenced by other kids in the

classroom, so it didn’t matter how many times the teacher told us that we had to be quiet or

work harder, I never did. And I only wish I could go back and change that now. You see, I’m

not dumb or anything, but when you try and apply for jobs, they always tell you that you need

to have some kind of certification, and, of course, I don’t have anything. All my life I’ve had

to do mind-numbing jobs, and it’s a real shame when you see college kids come into the office

and get the good jobs because they have a diploma or degree. So I tell my kids that they have to

work hard at school, and I don’t care how much they complain because I want them to

get a better job than me.

กิจกรรมหลังฟัง

4.2 การพูด

(1) นักเรียนอ่านคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ D ในหนังสือเรียน หน้า 78 แล้วให้นักเรียน

ทำกิจกรรมกลุ่มๆ ละ 4 คน เพื่อพิจารณาตอบคำถาม แต่ละกลุ่มจะต้องมีเลขาคอยจดบันทึก

คำตอบที่กลุ่มได้เห็นพ้องต้องกัน เพื่อให้ตัวแทนกลุ่มนำเสนอ

Suggested ideas

(1) It is very important to get a good education at school because it is the way to further

the higher education both inside institutes or outside institutes.

(2) People do not care much about grades and qualifications these days because the

most important thing is being intelligent and not being afraid to express your ideas.

(3) สำหรับในประเทศไทย นักเรียนอาจจะค้นคว้าจากหนังสือบุคคลสำคัญหรือรายการ TV

เช่น สู้แล้วรวย เป็นต้น สำหรับต่างประเทศ เช่น John Lennon, Ronal Reagan, Bill

Gates : ผู้ไม่จบปริญญาแต่เป็นผู้จัดตั้งบริษัท Microsoft เป็นต้น

(2) ให้นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอคำตอบ

4.3 การออกเสียง

(1) นักเรียนฟังเทปการออกเสียงที่ครูเปิด แล้วจำแนกเสียงของ have to และ had to (แบบฝึกหัดที่

6 Pronunciation ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 78)

- have จะลงท้ายด้วยเสียง /v/ ถ้าเป็นกริยาแท้

- have จะลงท้ายด้วยเสียง /f/ ถ้าเป็นกริยาช่วย have to

- had จะลงท้ายด้วยเสียง /t/ แทนจะเป็นเสียง /d/ ใน had to

(2) นักเรียนฝึกออกเสียงตามเทป (แบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ B และ ข้อ C ในหนังสือเรียนหน้า 78)

4.4 การพัฒนาคำศัพท์

(1) ให้นักเรียนแข่งขันกันหาคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ education แล้วเขียนบนกระดาน ตัวอย่างเช่น

book, desk, teacher, students, etc.

(2) นักเรียนอ่านคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 79

แล้วใช้พจนานุกรมช่วยในการทำแบบฝึกหัดนี้

(3) ครูตรวจคำตอบโดยการซักถามจากนักเรียน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 A

board n/v locker n

bully n/v playground n

classmate n principal n

classroom n recess n/v

changing room n schedule n/v

desk n science laboratories n

detention n scholar n

expel v scholarship n

graduate n/v sports facilities n

janitor n suspend v

lines n

(4) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ B- ข้อ E ในหนังสือเรียน หน้า 79

ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

B detention, expel, lines, suspend, bully, principal

C 1. scholarship 5. board

2. desk / locker 6. sports facilities

3. suspend 7. recess

4. janitor 8. bully

D kindergarten; elementary school; high school; college; graduate school

E 1. failed 2. degree 3. teaching 4. story

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 78-79

5.2 Workbook 6 หน้า 55

5.3 เทปบันทึกเสียง ‘People’s talking about the importance of their education.

5.4 เทปบันทึกเสียงการออกเสียง have to และ had to

5.5 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 B และ 5 C หน้า 78

(ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดอภิปรายในแบบฝึกหัดที่ 5 D หน้า 78 (ต 1.2.4)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ E- ข้อ G ใน Workbook หน้า 55 ดูเฉลยหน้า 225

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามแบบฝึกหัดที่ 5 B และ 5 C

8.2 การพูดอภิปรายของคำถามแบบฝึกหัดที่ 5 D

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 29

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Education ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 School Days

แผนการเรียนรู้เรื่อง No Thought Control เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านบทความที่ให้ความรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะช่วยพัฒนาผู้เรียนในด้านทักษะอ่าน กระบวนการคิด

และความสามารถในการวิเคราะห์ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการเรียนในขั้นสูงต่อไป

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจ และวิเคราะห์บทความที่อ่าน (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ในบทอ่าน (ต 2.2.1)

2.1.2 เลือกใช้กลยุทธ์ในการอ่านที่เหมาะสม (ต 1.1.2)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านได้ (ต 1.2.2)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์เพื่อแสดงความคิดเห็นได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้คำศัพท์และไวยากรณ์เพื่อแสดงความคิดเห็นตามความต้องการได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน (ต 1.2.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้คำศัพท์เพื่ออธิบายและบรรยายได้ (ต 1.2.3)

2.3.2 เรียงลำดับความสำคัญของเรื่องที่เขียนได้ (ต 1.2.3)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘No Thought Control’ ในหนังสือเรียน หน้า 80

3.2 คำศัพท์และสำนวน

exterior n. - the appearance or outside surface of something

ด้านนอก

exceptional adj. - unusually good

empower v. - to give someone more control over their own life or situation

disciplinary adj. - connected with the punishment of someone who has not obeyed rules or

with trying to make people obey rules

เกี่ยวกับระเบียบวินัย

morality n. - beliefs or ideas about what is right and wrong and about how people should

behave

ศีลธรรม

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Modal verbs of obligation เช่น must / mustn’t, should / shouldn’t, need / needn’t

3.4 ภาษาและวัฒนธรรม

3.4.1 Playing truant means taking time off school without permission from either your parents

or teachers. A truancy officer is a person employed by education authorities to try and prevent

students from playing truant, and to persuade students playing truant to return to school.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) นักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มๆ ละ 6 คน อภิปรายและตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading

ข้อ A ข้อ 1-ข้อ 3 ในหนังสือเรียน หน้า 80 โดยให้คัดเลือกเลขากลุ่มจดบันทึกความคิดเห็น

ของกลุ่ม และส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอ

(2) ครูอาจให้แนวในการคิดคำตอบแก่นักเรียนโดยการถามคำถามดังนี้

- Do you like wearing school uniforms?

- What is the advantages and disadvantages of having school uniforms?

- What are the school rules that you like or don’t like?

- Are you punished if you eat something while you’re having lessons?

(3) ครูควรกำหนดเวลา เช่น 15 นาที เพื่อให้นักเรียนได้ทำงานอย่างรวดเร็วและเสร็จพร้อมกันเมื่อครบ

กำหนดเวลาครูให้นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอ และให้กลุ่มที่เหลือเพิ่มเติมในข้อคิดเห็นที่แตกต่าง

กัน ครูอาจเขียนข้อคิดเห็นแบบย่อๆ บนกระดานเพื่อให้นักเรียนได้เห็น ข้อคิดเห็นที่เหมือนกัน

(4) ครูบอกนักเรียนว่า จุดประสงค์ในการอ่านเรื่อง ‘No Thought Control. ในหนังสือเรียน หน้า 80

คือ การอ่านแล้ววิเคราะห์เพื่อหา Main idea โดยการตอบคำถามท้ายบทอ่าน (After reading)หน้า81

(5) ครูอธิบายคำศัพท์ยาก ได้แก่คำว่า exterior, exceptional, empower, genuinely, disciplinary,morality

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านคำถามท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 81 ครูแนะให้

นักเรียนใช้ยุทธศาสตร์ในการอ่านที่เหมาะสม คือ อ่านบทอ่านทั้งหมด 1 ครั้ง เพื่อหาจุดมุ่งหมาย

ของผู้เขียนในการเขียนบทความนี้ แล้วจึงอ่านในส่วนที่ต้องเป็นคำตอบของคำถามแต่ละข้อ

(2) นักเรียนเลือกคำตอบที่คิดว่าถูกต้อง แล้วเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อนพร้อมทั้งอภิปรายในข้อ

ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

(3) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียน

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

A 1. b 2. c 3. a 4. c

(4) ให้นักเรียนอ่านคำสั่งในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 81

แล้วทำงานเป็นคู่ อภิปรายหาคำตอบ ครูอาจจะแนะนำให้นักเรียนวิเคราะห์ความแตกต่างของ

Descartes School กับ โรงเรียนทั่วๆ ไปในประเทศไทย

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

B ตัวอย่างข้อแตกต่าง

Descartes School

1. It’s a boarding school.

2. Students decide the school rules.

3. Students don’t have to attend classes if they don’t want to.

4. Students must show respect for everybody and treat them like human beings. If

someone breaks the rule, there is a special displinary panel made up of teachers and

students and they decide what punishment needs to be given to the person.

5. Instead of telling people what they have to do, the system here makes people

understand what you should and shouldn’t do if you want to be a proper human being.

(5) เมื่อนักเรียนจำแนกความแตกต่างได้แล้ว นักเรียนสามารถเลือกแสดงความคิดเห็นตามความ

ชอบของตัวเอง และคิดว่าโรงเรียนแบบ Descartes จะประสบความสำเร็จในประเทศไทยหรือไม่

(6) ครูสุ่มให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น 4-5 คน แต่ให้ครบทุกข้อ

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ในหนังสือเรียน หน้า 81 โดยครูให้นักเรียน

บอกวิธีทำโทษในกรณีที่ทำผิดต่างๆ เช่น หนีโรงเรียนไปเที่ยว, ขโมยสิ่งของของเพื่อนในห้อง

Suggested answers

lines - a punishment given to school children that consists

of writing the same thing a lot of times

คัดข้อความ

detention - a punishment in which children who have behaved

badly are forced to stay at school for a short time

after the others have gone home

suspension - the removal of someone from a team, school for a

period of time, especially to punish them

พักการเรียน

expulsion - the act of sending someone away from a school so that they can no longer go there

ให้ออกจากโรงเรียน

exclusion from favorite classes - a situation in which someone is not allowed to take part in an activity

ไม่อนุญาตให้เข้าชั้นเรียน

fines - money that you have to pay as a punishment

เสียค่าปรับ

(2) ครูให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน อภิปรายและให้ความคิดเห็นในการทำโทษนักเรียน

ตามความผิดในหัวข้อต่างๆ กลุ่มละ 3 ข้อ ซึ่งจะมีหลายกลุ่มที่พิจารณาหัวข้อเดียวกัน

(แบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ในหนังสือเรียน หน้า 81)

(3) เมื่อนักเรียนทำเสร็จแล้วให้ส่งตัวแทนนำเสนอ สำหรับกลุ่มที่ทำหัวข้อเดียวกันนั้นให้เสนอความ

คิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อจะได้ความคิดที่หลากหลาย

4.3 การเขียน

(1) นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 10 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 81

(2) นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน ช่วยกันพิจารณาว่า school rules ของโรงเรียนนั้นนักเรียนเห็น

ด้วยหรือไม่เห็นด้วยในข้อไหนบ้าง และถ้าไม่เห็นด้วยให้บอกเหตุผลพร้อมทั้งเสนอแนะว่าจะแก้ไข

เปลี่ยนแปลงอย่างไร หรือจะเพิ่มเติมกฎใหม่ๆอะไรบ้าง เมื่อนักเรียนเขียนเสร็จเรียบร้อยให้ตัวแทน

กลุ่มอ่านหน้าชั้นหรืออาจจะติดไว้ที่บอร์ดของห้องเพื่อให้นักเรียนได้อ่านทั่วถึง

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 80-81

5.2 Workbook 6 หน้า 57-58

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจคำตอบแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

ข้อ A หน้า 81 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นในแบบฝึกหัดที่ 9 หน้า 81

(ต 1.2.2)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการตรวจการเขียนในแบบฝึกหัดที่ 10 หน้า 81 (ต 1.2.4)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ K- ข้อ M ใน Workbook หน้า 57-58 ดูเฉลยหน้า 226

7.2 หัวข้อเสนอแนะสำหรับการเขียน Journal writing มีดังนี้

- What I think is the most important thing I will get from my education

- My first day at school

- A subject I’d like to be better at

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นตามหัวข้อแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน

8.3 การเขียนแสดงความคิดเห็นตามหัวข้อในแบบฝึกหัดที่ 10

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Expansion 3

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 30

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Occupation ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

Expansion 3

แผนการเรียนรู้เรื่อง Home Sweet Office เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านบทความเกี่ยวกับการงานอาชีพเป็นการเสริมสร้างสติป.ญญา ความรู้ ความคิดให้กว้างขวาง

และยังสามารถนำมาเป็นแนวคิดในการประกอบอาชีพในอนาคตของนักเรียนได้

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจบทความที่อ่านและบอกใจความหลักได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ (ต 2.2.1)

2.1.2 ใช้กลยุทธ์ในการอ่านอย่างเหมาะสม (ต 1.1.4)

2.1.3 เดาความหมายของคำศัพท์จากบริบท (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวในปัจจุบันได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 บอกความหมายของคำศัพท์ที่ต้องการสื่อได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 สนทนาและแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์

(ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนข้อแนะนำให้กับบุคคลตามสถานการณ์ที่กำหนดให้ (ต 1.2.2 ; ต 1.3.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 บอกความหมายของคำศัพท์ที่ต้องการสื่อได้ (ต 2.2.1)

2.3.2 เรียงลำดับความสำคัญของเรื่องที่จะเขียนได้ (ต 1.3.1)

2.3.3 ใช้ภาษาอังกฤษค้นคว้าหาความรู้จากสื่อต่างๆ (ต 2.2.3 ; ต 3.1.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Home Sweet Office’ ในหนังสือเรียน หน้า 82-83

3.2 คำศัพท์และสำนวน

client n. - someone who pays for services or advice from a person or

organization

underestimate v. - not think as highly of someone as their talents deserve

ประเมินต่ำไป

programming wizard n. - someone who is especially good at computer programming

reap the reward v. - collect the benefits of an earlier action / decision

work nine to five v. - to work from nine o.clock and finish at five o.clock

to be at work 24/7 v. - to work 24 hours a day and 7 days a week

soft boss n. - a boss who lets his/her employees get away with things and doesn’t discipline them

ผู้จัดการหรือหัวหน้างานที่ปล.อยให้ลูกจ้างหลบหลีกงานหรือ ทำผิดโดยไม่ถูกลงโทษ

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Conditional sentences

- Modal verbs of obligation

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ให้นักเรียนอ่านคำถามข้อ 1 และข้อ 2 ในแบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ A ในหนังสือเรียน

หน้า 82 และใช้เวลา 5 นาทีในการเตรียมตอบคำถาม

(2) ให้นักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มๆ ละ 4 คน นำคำตอบของตนเองมาอภิปรายในกลุ่มและแลกเปลี่ยน

ความคิดเห็น โดยใช้ชื่อเรื่องและภาพประกอบเป็นตัวช่วยในการหา advantages และ

disadvantages ของคำตอบ ในข้อ 2

(3) ครูบอกนักเรียนว่าจุดประสงค์ในการอ่านเรื่อง ‘Home Sweet Office’ คือ อ่านเพื่อหา Main idea

ของแต่ละย่อหน้า โดยเลือก subheading ที่กำหนดให้มาเติมในแต่ละย่อหน้าอย่างเหมาะสม

(แบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 82-83)

(4) ครูให้นักเรียนอ่านแบบกวาดสายตาเพื่อหาใจความโดยรวม และขีดเส้นใต้คำศัพท์ที่ไม่รู้ เพื่อ

จะเดาความหมายในการอ่านครั้งที่ 2

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่าน subheading ข้อ A- ข้อ H ท้ายบทอ่านในหนังสือเรียน หน้า 83 และอ่านบทความ

แต่ละย่อหน้า แล้วเลือก subheading มาเติมให้เหมาะสม (แบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ B ใน

หนังสือเรียน หน้า 82-83)

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน

(3) ครูเปิดเทปให้นักเรียนตรวจคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 B

1. G 3. F 5. A 7. C

2. H 4. E 6. D

(4) กิจกรรมเสนอแนะ : ในการฝึกให้นักเรียนเดาคำศัพท์จากบริบท ครูเพิ่มเติมกิจกรรมดังนี้

Write the definitions for the following words phrases (คำตอบอยู่ในวงเล็บ)

1. impress (make someone think highly of you)

2. underestimate (not think as highly of someone as their talents deserve)

3. competitor (a person who is in competition with you)

4. programming wizard (someone who is exceptionally good at computer programming)

5. reap the rewards (collect the benefits of an earlier action / decision)

6. a creature of habit (someone whose life is dictated by a regular schedule)

7. a soft boss (a boss who lets his/her employees get away with things and doesn’t discipline them)

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ในหนังสือเรียน หน้า 83 ซึ่งเป็นการฝึกใช้

Modal verbs

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

คำตอบมีมากกว่า 1 คำตอบ

1. continue ; will / might / could help

2. had known ; would have slept

3. shouldn’t / mustn’t forget

4. set up ; would / might be

5. don’t have to wear

(2) นักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มๆ ละ 4 คน อภิปรายตามข้อ 1 ในแบบฝึกหัดที่ 2 Talk About It

ในหนังสือเรียน หน้า 83 โดยครูให้นักเรียนบอก technology ที่ช่วยให้การทำงานมีความสะดวกขึ้น

ตัวอย่างคำตอบ

computers, laptops, cell phones, PDAs, videoconferencing, robots to assemble parts, barcode

readers to control stock, etc.

- นักเรียนอภิปรายประโยชน.และโทษของเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อที่จะนำไปสู่คำตอบของคำถามข้อ 1

- สำหรับคำถามข้อ 2 นั้น ให้นักเรียนบอกลักษณะงานที่ส่วนใหญ่ปฏิบัติ เป็นแนวในการตอบ

ตัวอย่างคำตอบ ข้อ 2

- เข้า 9 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น หรือที่เรียกกันว่า a nine to five job / a routine job / a shift work

- using technology to help them work efficiently

- working in the office, outside the office

- working by oneself / in group

(3) ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มนำเสนอความคิดของกลุ่ม

4.3 การเขียน

(1) นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน แต่ละกลุ่มเลือกเขียนข้อแนะนำ (tip) เพียง 1 หัวข้อ ใน

แบบฝึกหัดที่ 3 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 83 โดยสมาชิกแต่ละคนระดมสมอง ช่วยกัน

เสนอความคิดเห็นพร้อมทั้งเหตุผลในข้อเสนอนั้นๆ และรวบรวมเขียนเป็นข้อแนะนำแล้วนำเสนอ

อาจจะเป็นการอ่านหน้าชั้นหรือติดไว้ที่บอร์ดในห้องเรียน

ตัวอย่างงาน

Tips for someone who is buying a new computer

1. What is the purpose of using a computer because you can find the suitable one.

2. The quality of the computer.

3. A Service Center, especially the one that is near your place. It should have an

after-sale service because it won’t take you a long time for repairing.

4. A call center, it is another choice for choosing the one that has a call center because

you can consult them by phone if you have a small problem immediately.

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 82-85

5.2 Workbook 6 หน้า 59-60

5.3 เทปบันทึกบทอ่านเรื่อง ‘Home Sweet Office.

5.4 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจคำตอบในแบบฝึกหัดที่ 1B หน้า 82-83(ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการสนทนาของนักเรียนทั้งในขณะอภิปรายและการ

นำเสนอหน้าชั้นในแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 83 (ต 1.2.3)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการตรวจผลงานการเขียนข้อแนะนำในแบบฝึกหัดที่ 3

หน้า 83 (ต 1.2.2 ; ต 1.3.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 4 Activities ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 84 ซึ่งเป็นการทบทวนการใช้ไวยากรณ์

ในบทที่ 7-9 แล้วเปรียบเทียบคำตอบและอภิปรายเมื่อมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันกับเพื่อน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4 A

1. A 6. B 11. D

2. D 7. A 12. A

3. D 8. C 13. C

4. C 9. A 14. D

5. D 10. C 15. D

7.2 นักเรียนศึกษาการเล่นเกม ในแบบฝึกหัดที่ 4 Activities ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 85 และ

ฝึกหัดเล่นเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน ครูควรสอบถามความเข้าใจในการเล่นของนักเรียน เพื่อให้นักเรียน

ได้เล่นอย่างถูกต้อง

7.3 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ A- ข้อ E ใน Workbook หน้า 59-60 ดูเฉลยหน้า 226

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเติมข้อความในช.องว่างหลังการอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นและอภิปรายในกลุ่ม

8.3 การเขียนข้อแนะนำให้กับบุคคลตามสถานการณ์ที่กำหนดให้

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

การงานอาชีพและเทคโนโลยี

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 10

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 31

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง The Imagination ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 The Truth Is Out There

แผนการเรียนรู้เรื่อง The Great Conspiracy เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านเรื่องราวหรือข่าว ผู้อ่านต้องมีวิจารณญาณและประสบการณ์ในการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือหรือ

ความเป็นไปได้ของเรื่องราวนั้นๆ ดังนั้นนักเรียนจึงควรได้รับการฝึกให้อ่านและใช้วิจารณญาณในการตอบ

คำถามหรือการแสดงความคิดเห็น

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจบทความที่อ่านและบอกรายละเอียดได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 บอกความหมายของคำศัพท์ในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตและปัจจุบัน (ต 1.1.3; ต 1.2.1; ต 1.2.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์และไวยากรณ์อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับเรื่องราวที่ต้องการสื่อ (ต 1.2.4;ต 1.3.1)

2.2.2 ใช้สำนวนแสดงความคิดเห็นได้ (ต 2.2.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘The Great Conspiracy’ ในหนังสือเรียน หน้า 86-87

3.2 หน้าที่ภาษา

- Talk about conspiracy theories

3.3 คำศัพท์และสำนวน

alleged adj. - an alleged fact, quality etc is supposed to be true although there

is no proof that it actually is

elaborate adj. - containing a lot of small details or parts that are connected with

each other in a complicated way

skeptic n. - someone who does not believe things unless they have definite proof

preposterous adj. - completely unreasonable

propaganda n. - false or partly false information used by a government or political

party to make people agree with them

การโฆษณาชวนเชื่อ

testify v. - to make a formal statement of what is true, especially in a court of law

fake adj. - made to look like a real material or object in order to deceive people

rumor n. - information that is passed from one person to another and which

may or may not be true, especially about someone’s personal life

or about an official decision

ข่าวลือ

ploy n. - a clever method of getting an advantage, especially by deceiving someone

in the public domain n. - if information is in the public domain, it is not kept secret

lyric n. - the words of a song, especially a modern popular song

เนื้อร้องของเพลง

ammunition n. - information that you can use to criticize someone or win an

argument against them

coincidence n. - a surprising and unexpected situation in which two things that are

connected happen at the same time, in the same place, or to the same people

condemn v. - to say very strongly that you do not approve of something or

someone, especially because you think it is morally wrong

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Modal verbs of deduction : กริยาช่วยที่ใช้ในการสรุป

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 Most Americans who were alive in the sixties say that they can remember where they

were and what they were doing when John F. Kennedy was shot, and the event is credited with

sending the whole nation into a state of depression. Most music historians say this helped

the Beatles to become a major hit in the USA a year later: their songs of love and happiness

were the perfect tonic for the unhappiness and uncertainty that gripped the nation.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพแบบฝึกหัดที่ 1

Warm Up ข้อ B และตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ข้อ 1 และข้อ 2 ในหนังสือ

เรียน หน้า 86-87 โดยไม่ให้อ่านข้อความในบทอ่าน

(2) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 A

ข้อ 1 รูปที่ 1 The first moon landing in 1967

รูปที่ 2 John F. Kennedy, the US president who was assassinated in 1963

by Lee Harvey Oswald, a communist sympathizer

รูปที่ 3 The Beatles, the most successful rock group ever

รูปที่ 4 A set top box necessary to decode cable or satellite television channels

ข้อ 2 l A conspiracy theory is a theory that claims to show the real truth behind the truth that

governments and other powers attempt to make us believe. The text mentions four such theories.

l A hoax is an act which is staged to make people believe something

happened, although it did not actually take place.

การตบตา

(3) ให้นักเรียนอ่านบทอ่านอย่างรวดเร็ว เพื่อหาคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ความหมาย ครูเขียนคำศัพท์

เหล่านั้นบนกระดาน แบ่งงานให้นักเรียนหาความหมายจากพจนานุกรม ซึ่งเป็นการฝึกความ

ชำนาญในการใช้พจนานุกรม

(4) ให้นักเรียนศึกษาคำถามท้ายบทอ่านในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ในหนังสือเรียน

หน้า 87 เพื่อให้มีวัตถุประสงค์ในการอ่าน

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านเรื่อง ‘The Great Conspiracy. ในหนังสือเรียน หน้า 86-87 แล้วตอบคำถามใน

แบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ในหนังสือเรียน หน้า 87 พร้อมทั้งขีดเส้นใต้ประโยคหรือ

ข้อความที่สนับสนุนคำตอบของแต่ละข้อ

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน และตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2

1. The John F. Kennedy conspiracy theory

2. The moon landing could have been staged on a ranch.

3. That Paul McCartney was dead. There is a suggestion that John Lennon could have started it

out of jealousy.

4. Microphones and video cameras that constantly send information to analysts.

5. They may be looking at Paul’s grave.

6. They might have played a hoax to regain popularity after the Soviets had launched the first

man into space.

7. a. elaborate

b. skeptic

c. tragic

d. ploy

e. unintentionally

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-6 คน ทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ใน

หนังสือเรียน หน้า 87 ครูอาจจะถามนักเรียนเกี่ยวกับ conspiracy theory ในประเทศไทย เช่น

การฆาตกรรมบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุ หรือปรากฏการณ์เรื่องบั้งไฟ

พญานาคซึ่งบางคนเชื่อว่าเป็นการจัดทำโดยบุคคลไม่ใช่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นต้น

(2) เมื่อนักเรียนทำงานเสร็จแล้วให้ส่งตัวแทนนำเสนอหน้าชั้น ครูอาจเพิ่มเติม conspiracy theory

อื่นๆ ในต่างประเทศที่น่าสนใจ เช่น

- Marilyn Monroe was actually assassinated by the US government.

- There are aliens (มนุษย์ต่างดาว) living among us and the government is aware of this.

- The US government is run by a secret society called the Masons, whose symbol

appears on the dollar bill.

- Princess Diana was assassinated by the English people who did not want her to marry

the foreigner.

(3) สำหรับคำตอบข้อ 3 ครูอาจจะเพิ่มเติมสิ่งที่ควรพิจารณาในการเชื่อข่าวดังนี้

l Things that students may like to consider when asking themselves whether or not we

should always believe the media include the role of the editor, pressure that they may

be under from their employer, and also the source of the information.

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 86-89

5.2 Workbook 6 หน้า 61

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจคำตอบในแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 87 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นตามสถานการณ์ที่กำหนดให้

ในแบบฝึกหัดที่ 3 หน้า 87 (ต 1.1.3 ; ต 1.2.1; ต 1.2.4)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนศึกษาแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar เรื่อง Modal verbs of deduction และทำแบบฝึกหัด

ข้อ A- ข้อ C ในหนังสือเรียน หน้า 88-89

คำตอบแบบฝึกหัดที่ 4

A 1. might 4. must

2. may 5. could; could

3. both are possible 6. might not

B Answers may vary. Possible variants are listed below.

1. must have

2. might/may not be

3. might/may not have died; might/may/could have been

4. might/may/could have been kidnapped

5. can’t have seen; must have been dreaming

6. could/might/may be watching

7. could/might/may be

8. could/might/may have had

9. might/may/must/could have been contacted

10. must/could not have talked

C 1. O 2. D 3. P 4. D 5. A

6. A 7. D 8. P 9. O 10. D

7.2 ให้นักเรียนเล่น guessing game โดยมีวิธีเล่นดังนี้

- ครูตัดภาพคน, สัตว์, สิ่งของจากนิตยสาร แล้วปิดบนกระดาษแข็งตามจำนวนที่ต้องการ ให้

นักเรียนดูภาพที่จะถามโดยปิดด้วยกระดาษ ค่อยๆ เปิดทีละน้อย และให้นักเรียนทาย ซึ่ง

นักเรียนจะใช้ประโยคที่ใช้modal verbs of deduction เช่น

It might be ... (ถ้านักเรียนยังไม่แน่ใจ) It must be ... (ถ้านักเรียนแน่ใจ)

เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน อาจจะแบ่งนักเรียนเป็นทีมและให้มีการแข.งขัน ครูอาจจะมีรางวัลเล็กๆ

น้อยๆ

7.3 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Modal verbs ข้อ A และข้อ B ใน Workbook หน้า 61

ดูเฉลยหน้า 227

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นทั้งในกลุ่มและการนำเสนอหน้าชั้น

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 32

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง The Imagination ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 The Truth Is Out There

แผนการเรียนรู้เรื่อง Ghosts เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การสังเกตข้อความที่แตกต่างกันหรือไม่สอดคล้องกันของบทความที่ฟังและอ่าน เป็นทักษะที่จำเป็นต.อ

การศึกษาในขั้นสูงและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 ฟังบทสนทนาแล้วบอกส่วนที่เหมือนและแตกต่างของข้อความกับบทความที่อ่านได้ (ต 1.1.1; ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ (ต 2.2.1)

2.1.2 จับใจความหลักของบทสนทนาได้ (ต 1.1.1)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทสัมภาษณ์David Soriano, a ghost hunter

3.2 คำศัพท์และสำนวน

paranormal adj. - paranormal events cannot be explained by science and seem strange

and mysterious

renovate v. - to repair and paint a building so that it is in good condition again

3.3 ภาษาและวัฒนธรรม

3.3.1 Although not many people actually believe in werewolves, the belief that the moon has an effect

on people’s behavior is reflected in the modern English word lunatic. People who were insane were

believed to be controlled by the moon (luna in Latin) and were thus known as lunatics. It’s possible

that werewolf legends stem from people with mental health problems behaving aggressively during

periods when the moon was full in days when there was little understanding of such illness and people

were readier to believe in tales of the supernatural Zombies are also sometimes referred.

to as the living dead. Other words often used to refer to a ghost include phantom and spirit.

If a ghost regularly appears in one place, it is said to haunt it.

3.3.2 The most famous historical figure connected with premonitions is Nostradamus, a priest in the 16th

century. He wrote a book of famous prophecies based on visions that he claimed to have had. The

prophecies are written in complex, ambivalent verses whose meaning is not always clear, although this

lack of clarity has helped people argue that he foresaw virtually every major event in history, from the rise

of Napoleon to the Second World War and the attacks on the USA on September 11, 2001. In the wake

of the latter attacks, his prophecies became a bestseller all over the world. However, as he is widely

believed to have predicted that the world would end in July 1999, he clearly didn’t get everything right.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) นักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มๆ ละ 4-6 คน อภิปรายและตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening

ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 90 โดยครูใช้คำถามถามนำเกี่ยวกับ Ghost เช่น

- Who is the famous ghost story in Thailand?

Nang Nak : แม่นาคพระโขนง

- What animals do you think can see ghosts?

(Dogs. People think that it howls when it sees a ghost.)

- What animals are supposed to have a greater ability to perceive evil spirits?

(Cats. In Thailand many people believe that if a black cat jumps over a dead body, the

dead body will rise up.)

(2) ครูสุ่มให้นักเรียนบางกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอ

(3) ครูแนะนำคำศัพท์ใหม่พร้อมทั้งฝึกออกเสียง เพื่อนักเรียนจะได้จำคำศัพท์ใหม่ ได้แก่คำว่า lead,

paranormal, renovate

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) ครูบอกนักเรียนว่าจุดประสงค์ในการฟัง คือ การสังเกตความแตกต่างของข้อความบางข้อความ

ในโจทย์กับบทความที่ฟัง และแก้ไขให้ถูกต้อง

(2) นักเรียนอ่านข้อความที่เกี่ยวกับ David Soriano ในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B ในหนังสือเรียน

หน้า 90

(3) ครูเปิดเทปให้นักเรียนฟัง 1 ครั้งและให้นักเรียนจดโน๊ต ให้นักเรียนปรึกษากับเพื่อนพร้อมทั้ง

แก้ไขข้อแตกต่างในโจทย์ก่อนที่จะฟังเทปอีก 1 ครั้งเพื่อตรวจคำตอบ

(4) ครูเฉลยคำตอบ นักเรียนอาจจะใช้ wording ที่แตกต่างเล็กน.อยแต่จากคำเฉลยจะช่วยให้

นักเรียนพิจารณาได้ว่าคำตอบมีความถูกต้องหรือไม่

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 B

Corrections are underlined and bold words.

David Soriano became interested in ghosts after his grandfather’s ghost appeared to him. He has

traveled all over the world to follow leads on ghost sightings, but says that there is a particularly

large amount of ghost activity in Eastern Europe and South America. In general, Soriano thinks

that ghosts are not threatening, and that they often help people, appearing to people who are particularly

sensitive and may need help in their lives. He believes that ghosts must be attracted to electrical energy,

as they are often found in places with lots of electrical equipment, and he claims that ghosts can even use

telephones. Another theory is that ghosts are actually the memory of a particular place, brought

about by enormous amounts of energy, such as murders or terrible accidents.

LISTENING SCRIPT

Jeff : Welcome to today’s episode of World of the Strange, our weekly look at the world of

the paranormal and supernatural. Although many people like to think that ghosts are

nothing more than the product of people’s imagination, my guest today, David Soriano,

feels that there must be some truth in the millions of ghost sightings that have been

reported throughout history. David, how did you become interested in ghosts?

David : Well, my grandfather died when I was nineteen when I was studying in Mexico, and

even though he died in Washington, I saw him the night he died-he was standing

across the street and smiling at me.

Jeff : Wow! Weren’t you terrified?

David : No, not really. You see, I always had a really close relationship with him, and I think it was

his way of telling me that he was happy, and that I shouldn’t be sad. You see, even though

people are understandably scared when they see a ghost, most people say that the ghost isn’t

at all threatening, and they often help sensitive people to make important decisions. Seeing my

grandfather, for example, helped me decide that I had to investigate ghosts more.

Jeff : And you certainly have investigated, traveling all over the world. Are there any places

where you’re more likely to see ghosts than others?

David : Well, ghosts exist all over the world, but I think there might be more ghosts in

Eastern Europe and South America than in other parts, which I think could be a result

of the turbulent history of those places.

Jeff : And why do you think ghosts come back to haunt us? Is it always to try and give some

message, like your grandfather’s ghost?

David : There’s no doubt that some ghosts do come to give messages, but I think there may

be other reasons. For example, I think that ghosts must be attracted to electrical

energy because they often appear in places that have either lots of stereo or

computer equipment. There are even stories of ghosts talking to people on the

telephone, often helping old friends realize that they.ve actually died.

Jeff : Seriously?

David : Yes. A friend of mine received a call from an old friend who he hadn’t heard from for a long

time, and they agreed to meet at his friend’s house. Well, when my friend arrived, he found his

friend’s family having a special dinner because it was a year since his friend had died.

Jeff : That is amazing. Have you got any other theories?

David : I think one other theory which might be true is that places could actually have

memories, and that ghosts may be a way of places remembering their own pasts.

For example, ghosts who walk through walls are often walking through places where

there used to be doors before the building was changed or renovated.

Jeff : But why would they be remembering certain times and not others?

David : I think it could be the result of moments of particularly intense energy that stay fixed

in the memory of the place, for example, murders or terrible accidents.

Jeff : Well, that really does sound interesting, but what about other aspects of the

supernatural? Have you ever seen...

กิจกรรมหลังฟัง

4.2 การออกเสียง

(1) นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ A และข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 90

ซึ่งเป็นการออกเสียงอักษร /u/ ซึ่งออกเสียงได้ 3 แบบ คือ /u/, /u/ และ / / แล้วทำแบบฝึกหัด

ข้อ A ฟังเทปเพื่อตรวจความถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 6 A

|you /u/ |shoe /u/ |up / / |

|computer |clue |but |

|unit |fruit |cup |

|university |suit |fun |

|usual |true |shut |

| |tube |such |

| | |uncle |

| | |under |

(2) ให้นักเรียนเพิ่มเติมคำที่ออกเสียงอักษร u ทั้ง 3 แบบ แบบละ 2 คำ แล้วให้อ่านออกเสียง และ

ให้เพื่อนๆบอกว่าผิดหรือถูก

4.3 การพัฒนาคำศัพท์

(1) ให้นักเรียนดูภาพในแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ในหนังสือเรียน หน้า 91 และบอก

ว่าแต่ละภาพบอกเรื่องราวอะไรบ้าง เช่น

Picture 1 : It may be about ghosts, or vampires.

Picture 2 : It may be about a witch and his magic medicine.

Picture 3 : It may be about people who can communicate without speaking.

(2) ครูสุ่มให้นักเรียนตอบคำถาม โดยไม่มีการบอกว่าผิดหรือถูก

(3) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ เติมข้อความในช.องว่างโดยไม่ให้ใช้พจนานุกรม เพราะเป็นการฝึกเดา

คำศัพท์จากบริบท โดยเริ่มจากคำที่รู้จักเป็นอย่างดีก่อน

(4) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่อื่นๆ แล้วตรวจคำตอบกับครู

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

Words are listed in the order in which they appear in the texts.

1. supernatural; ghosts; poltergeist; vampires; zombies; werewolves; full moon

2. magic; spells; potions; witches; black; white; sorcerers; wizards

3. paranormal; mental; telepathy; premonitions; telekinesis; psychics; d้jเ vu; experienced

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 90-91

5.2 Workbook 6 หน้า 64

5.3 เทปบันทึกเสียงการสัมภาษณ์David Soriano, a ghost hunter

5.4 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจแบบฝึกหัดที่ 5 B หน้า 90 (ต 1.1.1; ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

นักเรียนเลือกทำกิจกรรมต่อไปนี้

7.1 ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ อภิปรายและตอบคำถามต่อไปนี้

- Do you agree with Soriano that ghosts actually come to help people? - How might they help people?

7.2 นักเรียนพัฒนาคำศัพท์ โดยการทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ I - ข้อ K ใน Workbook หน้า 64 ดูเฉลย227

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การแก่ข้อความที่ผิด

8.2 การจำแนกการออกเสียงอักษร /u/

8.3 การเติมคำศัพท์โดยการเดาความหมายจากบริบท

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม; วิทยาศาสตร์

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 33

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง The Imagination ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 The Truth Is Out There

แผนการเรียนรู้เรื่อง The Roswell Incident เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การเติมคำ วลี ประโยค และย่อหน้าในบทความเป็นการฝึกความสามารถในการอ่านเพื่อให้เข้าใจเรื่อง

ที่อ่านโดยตลอด รวมทั้งฝึกการช่างสังเกตความเชื่อมโยงของข้อความที่จะนำไปเติมในบทความ ซึ่งนักเรียน

ควรได้รับการฝึกฝนเพื่อให้เกิดทักษะนี้

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจและวิเคราะห์บทความที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจคำศัพท์ในบทอ่าน (ต 2.2.1)

2.1.2 วิเคราะห์ความเชื่อมโยงของแต่ละย่อหน้าได้ (ต 2.2.1)

2.1.3 เติมส่วนที่ขาดหายไปในบทความได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่กำหนดให้ได้ (ต 1.2.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์และสำนวนได้ถูกต้องตามเรื่องที่ต้องการสื่อ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้โครงสร้างประโยค Modal verbs of deduction ได้ถูกต้อง (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนเรื่องเล่าสั้นๆที่เป็นการจินตนาการเกี่ยวกับ ‘Supernatural’ (ต 1.3.1)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้ภาษาและไวยากรณ์เพื่อบรรยายเหตุการณ์ได้ (ต 2.2.1)

2.3.2 เรียงลำดับของเรื่องที่เขียนได้ (ต 1.2.4)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘The Roswell Incident’ ในหนังสือเรียน หน้า 92-93

3.2 คำศัพท์และสำนวน

incident n. - something that happens, especially something that is unusual

controversy n. - a serious argument or disagreement, especially about something such

as a plan, or decision, that continues for a long time

extraterrestrial adj. - connected with things that exist outside the Earth

rancher n. - someone who owns or works on a very large farm in the western US

and Canada where sheep, cattle, or horses are bred

alien n. - a creature from another world

debris n. - all the pieces that are left after something has been destroyed in an

accident, explosion, etc

speculate v. - to think or talk about the possible causes or effects of something

without knowing all the facts or details

คาดคะเน

postmortem n. - an examination of a dead body to discover why the person died

parlor n. - a shop or type of business that provides a particular service

intrigue v. - to make a secret plan to harm someone

retract v. - to make an official statement saying that something which you said

previously is not true

subsequent adj. - coming after following something else

poltergeist n. - a spirit that is said to make noises, throw objects around a room

3.3 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Modal verbs of deduction

3.4 ภาษาและวัฒนธรรม

3.4.1 The American people were famously fooled into believing that aliens had invaded the

planet on October 30, 1938 when Orson Welles made a radio broadcast of The War of the

Worlds, a book in which Martians come to Earth. Not everyone heard the radio station warning

people that it was a theatrical work before broadcasting it, and Welles made the broadcast

sound so authentic by including newsflashes, “eye-witness reports,” etc. that some people

raced out onto the streets and looked up at the sky for signs of the invading spacecraft!

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูซักถามความรู้ของนักเรียนเกี่ยวกับ UFO โดยใช้คำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ A ข้อ

1 และข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 92

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 8 A

ข้อ 1 UFO stands for Unidentified Flying Object. หรือบางทีคนส่วนใหญ่อาจจะเรียกว่า flying

saucer (จานบิน)

ข้อ 2 ครูเพิ่มเติมคำถามให้นักเรียนคิด ตัวอย่างเช่น

- If there is life on other planets, why have we not found any traces yet?

- How do you imagine aliens (มนุษย์ต่างดาว) would be?

- Would they be all similar to human beings or very different?

(2) ครูสุ่มให้นักเรียน 3-4 คนนำเสนอความคิดเห็น ควรให้มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับเรื่อง

ของมนุษย์ต่างดาว

(3) ครูอธิบายวัตถุประสงค์ของการอ่านเรื่อง “The Roswell Incident” ในหนังสือเรียน หน้า 92 คือ

นักเรียนจะต้องเลือกเติมข้อความยาว 1 ย่อหน้าในบทอ่าน ในแบบฝึกอ่านในบทก่อนหน้านี้

นักเรียนฝึกเติมคำ วลี และประโยค ซึ่งนักเรียนต้องใช้ประสบการณ์เดิมในการเติม คือ อ่านบท

อ่านและย่อหน้าที่จะต้องเลือก นำไปเติมให้เข้าใจข้อความโดยรอบ แล้วจึงอ่านครั้งที่ 2 เพื่อที่

จะเติมข้อความ โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ของบทความและย่อหน้าที่จะนำไปเติม ความต่อ

เนื่องของทั้ง 2 ข้อความ และสถานการณ์ไหนเกิดก่อน-หลัง

(4) สอนคำศัพท์ใหม่โดยการเขียนคำจำกัดความบนกระดาน ได้แก่คำว่า incident, controversy,

extraterrestrial, rancher, alien, debris, speculate, postmortem, parlor, intrigue, retract, subsequent

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนใช้กลยุทธ์ในการอ่านเพื่อเติมย่อหน้าตามที่ครูอธิบายไว้แล้ว ในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading

ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 92-93

(2) เมื่อนักเรียนเติมเสร็จแล้วให้เปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน และอภิปรายถ้ามีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

(3) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น เพื่อจะได้อธิบายเพิ่มเติม หรือให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น

เมื่อมีปัญหา

(4) ครูเปิดเทปบทอ่านให้นักเรียนฟังเพื่อตรวจคำตอบอีกครั้งหนึ่ง

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 8 B

1. D 2. B 3. A 4. C

(5) นักเรียนทำงานเป็นคู่ พิจารณาตอบคำถามในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ในหน้า 93

(6) ครูตรวจคำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

1. because of an increased interest in alien life forms caused by Hollywood films

2. that it was the remains of a weather balloon with a metal radar dish attached

3. because she was transferred to England

4. It shows doctors conducting postmortem examinations on bodies that are not human.

5. คำตอบขึ้นอยู่กับการแสดงความคิดเห็นของนักเรียน

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ พิจารณาตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ในหนังสือเรียน

หน้า 93 ครูย้ำให้นักเรียนใช้ Modal verbs of deduction แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความ

เป็นไปได้ของสถานการณ์เหล่านั้น

(2) เมื่อนักเรียนทำงานเสร็จแล้ว ให้แยกเข้ากลุ่มๆ ละ 4 คน นำคำตอบมาแลกเปลี่ยนในกลุ่ม

(3) ครูสุ่มให้นักเรียน 3-4 คนนำเสนอหน้าชั้น

ตัวอย่างคำตอบ

ข้อ 1 This event could be true because thieves are everywhere in the world, especially at

the place where there are many poor people.

ข้อ 2 This event can’t be true. The girl must have a nightmare.

4.3 การเขียน

(1) ให้นักเรียนอ่านคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 10 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 93 เพื่อให้นักเรียนรู้

จุดประสงค์ของการเรียน

(2) ครูเลือกเรื่องที่น่าสนใจมาเขียนประโยคแรกบนกระดาน แล้วให้นักเรียนเดาเรื่องราวต่อไป

A man on a motorbike saw a hitchhiker dressed in blue jeans and a brown leather

jacket. She was standing by the roadside in a very lonely place. He stopped to pick her up,

and she got on the motorbike behind him. He drove all the way into the town and was

about to ask where she wanted to get off.

ครูให้นักเรียนเดาเรื่องราวต่อโดยสุ่มให้นักเรียน 2-3 คนตอบ โดยไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด

แล้วครูอาจจะเล่าเรื่องต่อ

He was amazed to see nobody behind him on the bike. He thought she might fall off on the

way. So he went back to look for her, but he couldn’t find anybody. So he went to the police.

ครูให้นักเรียนเดาเรื่องราวต่อไปเช่นเดียวกับครั้งแรก

They told him that he was the fourth person to report a missing hitchhiker. And they

also showed him the report of a car crash that happened exactly the place where he picked

her up ten years ago. The girl was killed and she was wearing blue jeans and a brown

jacket. (ดัดแปลงจากเรื่อง ‘Imagination Working Overtime. Double Take Book 3)

ครูให้นักเรียนวิเคราะห์เรื่องที่ครูเล่า เช่น

- Is the story interesting?

- Do you want to know more about the story?

- How did the writer carry on his story?

- What is the atmosphere of the story?

- What is the feeling of the man on the motorbike?

(3) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ เขียน a short story ตามคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 10 Writing โดยใช้

หัวข้อที่นักเรียนฝึกวิเคราะห์มาเขียน plot ก่อน แล้วจึงเขียนเป็นเรื่อง

(4) ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนกันอ่านเรื่องที่เขียนกับคู่อื่น และวิจารณ์หรือเสนอแนะ แล้วนำกลับมา

ปรับปรุงแก้ไขและเขียนใหม่ ก่อนส่งครู

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 92-93

5.2 Workbook 6 หน้า 65-66

5.3 เทปบันทึกเสียงบทอ่าน

5.4 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการเติมย่อหน้าในบทอ่านแบบฝึกหัดที่ 8 B หน้า 92

และการตอบคำถามท้ายบทอ่าน หน้า 93 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็นทั้งในกลุ่มและการนำเสนอ

หน้าชั้น หน้า 93 (ต 1.2.4)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการเขียนเรื่องตามหัวข้อที่กำหนดในแบบฝึกหัดที่ 10 หน้า

93 (ต 1.3.1)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 หัวข้อสำหรับเขียน Journal writing

- Why I believe / don’t believe in ghosts / life on other planets

- My favorite conspiracy theory

- Things I think could happen in the future

7.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ L - ข้อ N ใน Workbook หน้า 65-66 ดูเฉลยหน้า 228

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเติมย่อหน้าในบทอ่าน และการตอบคำถามท้ายบทอ่าน

8.2 การพูดแสดงความคิดเห็นตามสถานการณ์ที่กำหนด

8.3 การเขียน a short story ตามสถานการณ์ที่กำหนด

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม; วิทยาศาสตร์

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 11

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 34

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Science and Technology ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 The Way It’s Done

แผนการเรียนรู้เรื่อง How something’s done เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านขั้นตอนหรือขบวนการผลิตเป็นการอ่านที่ต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากการอ่านข้อความโดย

ทั่วๆ ไป เพราะผู้อ่านต้องอ่านขบวนการทำงานหรือการผลิตอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจวิธีการอย่างถูกต้อง ซึ่ง

สามารถนำมาปรับใช้กับการอ่านในชีวิตประจำวันได้

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 อ่านและเข้าใจบทความที่เป็นการแสดงขั้นตอน วิธีการ และขบวนการผลิต (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจและบอกความหมายของคำศัพท์ในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 จดโน๊ตย่อๆ ของขั้นตอนหรือวิธีการได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 เขียนและพูดเกี่ยวกับขั้นตอนในการทำงานหรือการผลิตตามสถานการณ์ที่กำหนดให้ได้ (ต 1.2.3;

ต 1.3.1 ; ต 4.1.2)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้ภาษาเพื่ออธิบายขั้นตอนการทำงานหรือการผลิตสิ่งของได้อย่างถูกต้อง (ต 1.2.3)

2.2.2 เรียงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการผลิตได้อย่างถูกต้อง (ต 1.3.1)

2.2.3 ใช้ภาษาอังกฤษในการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งความรู้อื่นได้ (ต 3.1.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Ask Gary’ ในหนังสือเรียน หน้า 94-95

3.2 หน้าที่ภาษา

- Describe processes

3.3 คำศัพท์และสำนวน

a burning desire - a very strong desire

sb’s players are answered - (informal) used to say that someone has got something that

they wanted very much

initial adj. - happening at the beginning ; first

screen test n. - an occasion when someone is filmed while performing, in order

to see if they are suitable to act in a film

audition n. - a short performance by an actor, singer, etc that someone judges

to decide if they are good enough to act in a play, sing in a concert, etc.

outrageous adj. - extremely unusual and slightly amusing or shocking

sacrifice v. - to give up or lose especially for some purpose or belief

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Passive voice

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 A shortlist is the word we use to talk about the small group of people or things from

which the winner of a prize, recipient of a job, etc. will be nominated. For example, someone

interviewing for a job might interview twenty people and try and decide on a shortlist of

five before choosing the eventual successful applicant.

3.5.2 Most magazines and tabloid newspapers used to have an ‘Agony Aunt. column, where

people could write for advice on emotional problems and issues. However, in the 1980s,

columns that were supposedly written by experts and dealt with people’s doubts on everything

from home improvements to financial advice began to appear and quickly became a popular

addition. With the advent of cable television and the greater number of channels on offer,

programs offering similar contents to the columns have become commonplace,

so people can write in and ask for tips on everything from clothing to gardening.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-6 คน อ่าน Introduction to the Ask Gary column

ในหนังสือเรียน หน้า 94 และพิจารณาตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ 1

(2) แต่ละกลุ่มเลือกคำถามที่ต้องการถาม Gary 1 คำถาม ให้นักเรียนในชั้นตอบหรืออาจจะ

แข่งขันกันว่ากลุ่มไหนสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้

(3) นักเรียนอ่านคำถามทั้ง 3 คำถามที่ถาม Gary จาก Introduction to the Ask Gary column แล้ว

ทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน ช่วยกันตอบคำถามเหล่านั้นโดยไม่อ่านคำตอบของ Gary เพื่อ

ทดสอบว่านักเรียนมีความรู้และความสนใจในเรื่องเหล่านั้นมากน้อยเพียงไร ครูเน้นให้นักเรียน

ตอบเป็นขั้นตอนการทำหรือการผลิต

(4) ครูสุ่มให้นักเรียนตอบคำถาม และให้นักเรียนทั้งชั้นยกมือสนับสนุนคำตอบที่ชอบหรือน่าสนใจ

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) ครูแจ้งว่าจุดประสงค์ในการอ่านเรื่องนี้ คือ เพื่อให้นักเรียนสามารถคาดคะเนหรือเดาคำตอบได้

(2) ครูเขียนคำจำกัดความของคำศัพท์ใหม่บนกระดาน

(3) ให้นักเรียนอ่านคำตอบของคำถามทั้ง 3 คำถามที่ผู้อ่านถาม Gary จากบทความในหนังสือเรียน

หน้า 94-95 เพื่อตรวจคำตอบที่นักเรียนได้คาดคะเนไว้โดยจดโน๊ตย่อของขั้นตอนต่างๆ เพื่อ

เปรียบเทียบกับของนักเรียน

(4) ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ในหนังสือเรียน หน้า 95 เพื่อฝึกการอ่าน

จับใจความและการบอกรายละเอียด

(5) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับคู่ และฟังคำตอบที่ถูกต้องจากครู

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2

1. False 2 False

3. False 4. True

5. True 6. False

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูดและการเขียน

เน้นบรรยายขั้นตอนการทำงานหรือการผลิต

(1) ให้นักเรียนกลุ่มเดิมจากการทำกิจกรรมก่อนการอ่านเลือกทำกิจกรรม 1 กิจกรรมจากแบบฝึกหัด

ที่ 3 Discussion ในหนังสือเรียน หน้า 95 โดยให้เขียนเป็นขั้นตอนตามลำดับของการทำหรือ

การผลิต และต้องไม่ลืมขั้นตอนที่สำคัญและจำเป็น (นักเรียนอาจจะต้องไปค้นคว้าเพิ่มเติมจาก

Internet หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ ในห้องสมุด)

(2) เมื่อนักเรียนทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำเสนอหน้าชั้นหรือติดไว้ที่บอร์ดหลังชั้น เพื่อให้

นักเรียนทุกคนได้อ่าน

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 94-97

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจคำตอบของจดหมายที่ผู้อ่านถาม Gary และการ

บอกรายละเอียดของเรื่องที่อ่านในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน หน้า 95 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการสังเกตการพูด การถาม-ตอบ การอภิปรายในกลุ่ม

การเขียนและพูดขั้นตอนการผลิตหรือการทำงาน จากการทำแบบฝึกหัดที่ 3 หน้า 95 (ต 1.2.3;

ต 1.3.1; ต 4.1.2)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนแต่ละคนเขียนจดหมายถาม Gary ถามถึงขั้นตอนหรือวิธีการผลิตในเรื่องที่ตนเองสนใจ

แล้วแจกคำถามให้นักเรียน โดยให้จับสลากเพื่อตอบแทน Gary ซึ่งบางเรื่องนักเรียนอาจต้องค้นคว้า

เพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เมื่อตอบเสร็จเรียบร้อยให้ส่งคืนเจ้าของทั้งคำถามและคำตอบ

7.2 ให้นักเรียนทบทวนเรื่อง Passive voice ในแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 96-97

พร้อมทั้งทำแบบฝึกหัดข้อ A - ข้อ C

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4

A 1. The steam engine was invented by the Stephensons.

2. Most of the world’s electronic goods are produced by Southeast Asia.

3. The new office tower was completed in record time.

4. A cure for the common cold still hasn’t been discovered.

5. The Godfather trilogy was directed by Francis Ford coppola.

6. Bags and coats must be left in the cloakroom.

B was announced / left / was written / was rejected / being accepted / was inspired / was

written / didn’t have / was / made / rejected / didn’t spot / are delivered / is rumored /

won’t be / isn’t looking / had

C 1. Could you tell me how they make fruit juice that doesn’t go sour?

2. I wonder if Jack remembered to take the film to the photo shop.

3. Do you know how many people there are in India?

4. Sometimes I ask myself if scientists will ever discover life on other planets.

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบจดหมายที่ผู้อ่านถาม Gary

8.2 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.3 การพูดอภิปราย การเขียนขั้นตอนการผลิต และการทำตามสถานการณ์ที่กำหนด

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ; ศิลปะ

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 35

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Science and Technology ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 The Way It’s Done

แผนการเรียนรู้เรื่อง The story of Adidasโ and Pumaโ เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังบทความที่มีความยาวและมีตัวเลขหรือข้อมูลเฉพาะ อาจทำให้ผู้ฟังไม่สามารถจำข้อมูลได้ทั้งหมด

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฝึกการจดโน๊ตข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการศึกษาขั้นสูงต่อไป

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจบทความที่ฟังแล้วบอกรายละเอียดได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ในบทความที่ฟัง (ต 2.2.1)

2.1.2 เข้าใจประโยคที่ใช้ Passive voice ได้ (ต 2.2.1)

2.1.3 จดโน๊ตข้อมูลที่ต้องการได้ (ต 1.1.3)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทความเรื่อง ‘The story of Adidasโ and Pumaโ’ ในหนังสือเรียน หน้า 98

3.2 หน้าที่ภาษา

- Describe processes

3.3 คำศัพท์และสำนวน

rivalry n. - continuous competition

spiked shoes n. - shoes with metal points on the bottom used for running

dispute n. - an argument or quarrel

take a rain check on something v. - to postpone doing it until later

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Passive voice

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ครูให้นักเรียนดูรูปภาพประกอบในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ในหนังสือเรียน หน้า 98 แล้ว

ซักถามนักเรียนเกี่ยวกับสินค้านั้น เช่น

- Do any of you own any Adidasโ or Pumaโ sports shoes or sportswear?

- Do you think they are fashionable brands?

- Can you name famous sports stars who use these brands? (ตัวอย่างเช่น David Beckham,

Zinedine Zidane และ the Argentine football team ใช้ Adidasโ ขณะที่ the tennis player,

Venus Williams และกลุ่มนักกรีฑาของ Jamaica ใช้ Pumaโ)

(2) ครูแจ้งจุดประสงค์ของการฟังในครั้งนี้ คือ ฟังเพื่อหารายละเอียด (Listening for details) โดยฟัง

เพื่อตอบคำถามตามที่โจทย์กำหนด เนื่องจากบทความที่นักเรียนจะฟังค่อนข้างยาว ดังนั้น

นักเรียนจึงต้องจดโน๊ตข้อมูลที่คำตอบอย่างย่อๆ และนำมาเขียนเป็นประโยคสมบูรณ์ภายหลัง

(3) ครูอธิบายคำศัพท์ใหม่ ได้แก่คำว่า rivalry, spiked shoes, dispute พร้อมทั้งฝึกออกเสียงเพราะ

จะทำให้เข้าใจความหมายเมื่อได้ยินคำนั้นๆ

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) นักเรียนฟังเทปบทความเรื่อง ‘The story of Adidasโ and Pumaโ’ ครั้งที่ 1 พร้อมทั้งทำ

แบบฝึกหัดข้อ B ในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ในหนังสือเรียน หน้า 98 ครูอาจจะเปิดทีละย่อหน้า

เพื่อให้นักเรียนจดข้อมูลที่เป็นคำตอบ ให้นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 2 เพื่อตรวจคำตอบอีกครั้ง

(2) เมื่อนักเรียนตอบคำถามเรียบร้อยแล้ว ให้เปรียบเทียบคำตอบและอภิปรายกับเพื่อน

(3) ครูซักถามคำตอบแต่ละข้อจากนักเรียน และตรวจคำตอบที่ถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 B

1. Adi was trained to be a baker.

2. The Dassler company was founded in 1924 (four years after they made the first pair

of spiked shoes).

3. Jesse Owens wore Dassler shoes at the Berlin Olympics.

4. He was called to fight for the army, captured by Allied forces and spent a year in a

prisoner of war camp.

5. Rudi might have been angry with Adi for not helping him or Rudi’s girlfriend may

have fallen in love with Adi.

6. In 1948.

7. It was originally named Ruda.

8. They drank different beers and sent their children to different schools.

LISTENING SCRIPT

Adidasโ and Pumaโ are two of the most widely recognized brands in the sporting world,

with sports stars from Zinedine Zidane to the Williams sisters wearing their products. But

the two brands are actually the result of one of the bitterest rivalries in manufacturing

history: that of two German brothers, Adi and Rudolph Dassler.

The two brothers were born in the town of Herzogenaurach in Bavaria, Germany. Originally

a town whose industry was based on textile manufacturing, by the time of the First World War, most

of the mills had been converted to shoemaking. Although Adi was originally trained as a baker,

he couldn’t find work towards the end of the war, so he began making shoes in a small space behind

a laundry. In 1920, the first spiked shoes for athletic events were invented by Adi, and four years

later Adi and his brother founded a sports shoe company called Dassler. Dassler shoes were

identifiable from two stripes on the side, and the fame of the company spread rapidly thanks

to the quality of its products. At the Berlin Olympics in 1936, Dassler shoes were worn by

Jesse Owens when he famously won gold for the USA.

Hitler proved to be important in the development of the Dassler company because at the

start of the Second World War, the factory was taken over by the Nazis and ordered to produce

boots for German soldiers. Rudi was called to fight for the German army, and was eventually captured

by Allied forces, spending a year in a prisoner of war camp. After the war had ended, Rudi returned to

Herzogenaurach, but he began arguing with his brother and, in 1948, Rudi left the family company,

taking most of the sales force with him, and founded his own company. Nobody knows why the two

brothers argued, with the reason for their fight kept secret by both men. One story says that Rudi was

angry with his brother for not trying to help him more when he was a prisoner of war, while another

story says that Rudi’s girlfriend had fallen in love with Adi while Rudi was away fighting. The truth may

never be known, but the names of the two brothers. companies are famous throughout the world.

Both brothers had agreed that neither of them could use the Dassler name for their products.

Rudi’s company was originally called Ruda, but it was changed to Puma on the advice of an advertising

agency, while Adi came up with the name Adidas by combining his first name and last name.

Adidas. distinctive three stripe logo was made by adding one extra stripe to the Dassler logo.

The two companies were fierce rivals of one another, with both factories having their own soccer

team and, according to legend, each set of workers drinking different beers and sending their children

to different schools. Sadly, the brothers never resolved their dispute, with the only words exchanged

between them coming in court, but both companies have become incredibly successful.

กิจกรรมหลังฟัง

4.2 การออกเสียง

การออกเสียง เสียง /J/, /CH/ และ /SH/ เสียงทั้ง 3 เสียงสามารถสังเกตได้จากคำว่า jeans, cheese

และ ship ซึ่งเป็นคำที่ได้ยินบ.อย

(1) ครูให้นักเรียนฟังเทปการออกเสียงทั้ง 3 คำจากแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ในหนังสือเรียน

หน้า 98 แล้วออกเสียงตามจนนักเรียนสามารถออกเสียงบอกความแตกต่างของทั้ง 3 เสียง

(2) ครูแบ่งกระดานดำออกเป็น 3 ช่วง และเขียนคำ jeans, cheese และ ship ในแต่ละช่อง แล้ว

ให้นักเรียนช่วยกันเพิ่มเติมคำที่ออกเสียงเดียวกับคำดังกล่าว เช่น jeep, jam, church, cheap, shoes, share

(3) นักเรียนฝึกออกเสียงประโยคในแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 98

โดยออกเสียงตามเทปที่ครูเปิดให้ฟัง

(4) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ แต่งประโยคซึ่งใช้คำที่ออกเสียงทั้ง 3 เสียงที่ได้ฝึกมาแล้ว คู่ละ 3

ประโยค แล้วนำไปแลกเปลี่ยนกับคู่อื่น ในการออกเสียงให้ตรวจสอบความถูกต้องซึ่งกันและกัน

4.3 การพัฒนาคำศัพท์

verb and noun collocations

collocation = the way in which some words are often used together, or a particular combination

of words are often used together

(1) ครูทบทวนเรื่อง collocation ในแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ในหนังสือเรียน หน้า 99

ซึ่งนักเรียนเคยเรียนในบทที่ 7 มาแล้ว แต่เป็นการใช้ adjectives + prepositions และ verbs +

prepositions แต่ในบทนี้เป็นการใช้ verbs + nouns และเป็นการจับคู่ที่นักเรียนเคยพบแล้ว เช่น

kick a habit = to stop doing something that is a harmful habit

(2) ให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ พิจารณาเรื่อง verb and noun collocation และทำแบบฝึกหัดที่ 7

Vocabulary Activator ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 99 ซึ่งอาจจะใช้พจนานุกรมช่วย

(3) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียนเพื่อประเมินความเข้าใจและการพัฒนาคำศัพท์ และเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7 A

throw a ball, a party pick up a language, the check

kick a habit, a ball read a newspaper, a book

pour a cup of tea, somebody a drink watch TV, a baseball game

look at a report, a picture make the bed, a mess

do business, housework take a shower, a photograph

ride a motorcycle, a horse design a building, a product

draw a picture, the curtains hold a meeting, someone

run a company, a marathon climb a ladder, a mountain

(4) ให้นักเรียนคู่เดิมทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ B-ข้อ D ในหนังสือเรียน หน้า 99 ครูตรวจ

คำตอบพร้อมกับนักเรียนทั้งชั้น สำหรับข้อ C ให้นักเรียนบางคู่เขียนประโยคของตนเองบนกระดาน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

B 1. a shower 2. a baseball game 3. report 4. me

5. business 6. the check 7. habit 8. company

C Answers will vary.

D throw someone off

kick someone

read a magazine, a letter, an e-mail

pour a glass of water

watch the news, a video

look at for something

make money, a profit, dinner

do housework, the laundry

take a rain check

pick up a child, an animal

ride a bike

design a project

draw a conclusion

hold back the truth

run a race

climb a hill

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 98-99

5.2 Workbook 6 หน้า 69-70

5.3 เทปบันทึกเสียงบทอ่านเรื่อง ‘The story of Adidasโ and Pumaโ

5.4 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจการตอบคำถามหลังการฟัง ในหนังสือเรียน

หน้า 98 (ต 1.1.4)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ F - ข้อ H ใน Workbook หน้า 69-70 ดูเฉลยหน้า 229

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การตอบคำถามหลังการฟัง

8.2 การทำแบบฝึกหัดที่ 7

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 36

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Science and Technology ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 The Way It’s Done

แผนการเรียนรู้เรื่อง The making of the Lord of the Rings เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การอ่านเพื่อหาข้อมูลที่เป็นขั้นตอนของการผลิต การสร้าง หรือการค้นพบ ผู้อ่านต้องมีสมาธิเพื่อเข้าใจ

ความต.อเนื่องของแต่ละขั้นตอน ซึ่งเป็นทักษะที่นักเรียนควรฝึกฝนอยู่เสมอ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจรายละเอียดของบทความที่อ่าน (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจคำศัพท์และไวยากรณ์ในบทอ่าน (ต 2.2.1)

2.1.2 เดาคำศัพท์จากบริบทได้ (ต 2.2.1)

2.1.3 เรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดนำเสนอวิธีการทำอย่างมีขั้นตอน (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์ สำนวน และไวยากรณ์เพื่อบรรยายขั้นตอนการผลิต การสร้าง ฯลฯ ได้อย่างถูกต้อง

และเหมาะสม (ต 1.2.3)

2.2.2 ใช้ภาษาอังกฤษค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งข้อมูลได้ (ต 3.1.2)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนเพื่อให้ข้อมูล และอธิบายขั้นตอนการผลิต การสร้าง ฯลฯ ตามสถานการณ์ที่กำหนดให้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้คำศัพท์ สำนวน และไวยากรณ์เพื่อบรรยายขั้นตอนการผลิต การสร้าง ฯลฯ ได้อย่างถูกต้อง

และเหมาะสม (ต 1.2.3)

2.3.2 ใช้ภาษาอังกฤษค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ได้ (ต 3.1.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘The making of the Lord of the Rings’ และแบบฝึกหัด ในหนังสือเรียน หน้า100-101

3.2 หน้าที่ภาษา

- Describe processes

3.3 คำศัพท์และสำนวน

enthrall v. - to make someone so interested and excited that they listen or

watch something very carefully

sheer adj. - with no other feeling or quality mixed with it

แท้ๆ

trilogy n. - a group of three connected plays, books, films etc about the

same characters

defy v. - to refuse to obey a law or rule, or refuse to do what someone in

authority tells you to do

pale into insignificance v. - to seem much less important when compared to something

else, especially something much worse that has happened

elf n. - an imaginary creature like a small person with pointed ears

sensor n. - (technical) a piece of equipment used for discovering the

presence of light, heat, sound etc ,especially in small amounts

feat n. - something that someone does that is impressive because it

needs a lot of skill, strength, etc.

urbanization n. - building houses, towns, etc in the countryside

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Passive voice

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 ประวัติของ JRR Tolkien

JRR Tolkien, the author of The Lord of the Rings trilogy, was a professor of ancient languages at

Oxford University. In addition to The Lord of the Rings, he wrote several other books about Middle

Earth, including The Hobbit, a prequel to the trilogy, and a book about Middle Earth’s history,

and also produced several translations of medieval poetry that are still considered exceptional today.

The Lord of the Rings is still regularly chosen by people in surveys as their favorite book of all time,

and has been translated into numerous languages, which is a remarkable feat for a book that began

life as the result of a wager between Tolkien and his good friend and fellow author, CS Lewis,

author of the Narnia Chronicles.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง ‘The Lord of the Rings’ และการ

สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยใช้คำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ A ข้อ 1 ในหนังสือเรียนหน้า 100

ตัวอย่างคำตอบ

นักเรียนส่วนใหญ่ชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวอย่างของเหตุผลที่ชอบเรื่องนี้เพราะ

- It is a story of great imaginary and fantasy.

- It has a lot of special effects.

- It is very exciting, etc.

(2) สำหรับคำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ A ข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 100 นั้น นักเรียน

อาจจะไม่มีความรู้ในคำถามนี้ ซึ่งครูอาจจะถือเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนอยากรู้โดยให้อ่านบทอ่าน

(3) ครูแจ้งจุดประสงค์ของการอ่าน คือ เป็นการอ่านเพื่อหารายละเอียดขั้นตอนของการสร้าง

ภาพยนตร์เรื่อง ‘The Lord of the Rings’

(4) ครูแนะนำคำศัพท์ใหม่ ได้แก่คำว่า enthrall, sheer, trilogy, pale into insignificance, sensor,

feat, urbanization, hobbit, etc. โดยเขียนความหมายบนกระดานแล้วให้นักเรียนศึกษา

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนศึกษาประโยคที่จะต้องนำไปเติมในเนื้อเรื่องจากแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 101

(2) นักเรียนอ่านบทความเรื่อง ‘The making of the Lord of the Rings’ ในหนังสือเรียน หน้า 100

แล้วเลือกประโยคในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 101

มาเติมในเนื้อเรื่องให้ได้ความหมายต่อเนื่องกัน โดยหาความเชื่อมโยงของข้อความกับเนื้อหาของ

ประโยคที่ใกล้เคียงกับช่องว่างที่จะต้องการเติม เช่น The Fellowship of the Ring เป็นตอนแรก

ของชุด ‘The Lord of the Rings’ ซึ่งตรงกับข้อมูลในข้อ f เป็นต้น

(3) เมื่อนักเรียนทำเสร็จแล้ว ให้เปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน และอภิปรายในข้อที่มีความเห็นแตกต่างกัน

(4) ครูเปิดเทปการอ่านบทความเรื่อง ‘The making of the Lord of the Rings. ให้นักเรียนตรวจคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

A 1. f 2. b 3. d 4. e 5. g 6. a 7. c

(5) นักเรียนอ่านบทอ่านอีกครั้งเพื่อหาความหมายของคำศัพท์ ในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After

reading) ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 101 และเปรียบเทียบหรือปรึกษากับคู่

(6) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียน พร้อมทั้งเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

B a. enthralled b. complex c. defied d. location

e. in advance of f. dreamed up g. major

กิจกรรมเสนอแนะ

(1) เพื่อให้นักเรียนเห็นความสำคัญในการอ่าน ครูเพิ่มเติมคำถามให้นักเรียนตอบดังนี้

1. Who wrote the original books? (JRR Tolkien)

2. How did they achieve the correct “feel” for Rohan? (They built a town on top of a hill.)

3. What did Jackson insist on? (that a whole culture be created for each of the Middle

Earth species)

4. How long did it take to add elf ears? (an hour.)

5. How did they animate Golum? (by getting the actor to wear a suit covered in sensors.)

กิจกรรมหลังอ่าน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 3 คน นำเสนอวิธีการผลิต, การสร้าง, การค้นพบ ในแบบฝึกหัด

ที่ 9 Language Activator ในหนังสือเรียน หน้า 101 เช่น

- How a movie was made

- How a pop group was discovered

- How a product is made

(2) ครูอธิบายวัตถุประสงค์ของกิจกรรมนี้ คือ เพื่อฝึกให้นักเรียนนำเสนอความคิดหรือโครงงาน

ข้อเสนอแนะต่อผู้บริหารหรือหัวหน้างาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการประยุกต์ใช้ในการทำงานของ

นักเรียนในอนาคต

(3) ให้นักเรียน brainstorm เกี่ยวกับข้อคิดเห็นที่จะทำให้การนำเสนองานไม่น่าเบื่อ ครูอาจกำหนด

เวลาประมาณ 10 นาที แล้วซักถามความคิดจากนักเรียน และสรุปบนกระดาน

ตัวอย่างข้อคิดเห็น

Tips to share with the class are:

- Don’t write too many points on the board-people can usually only absorb four or

five facts at any one time.

- Avoid writing everything down: if people can read everything, they won’t listen to

you. It’s much better to give brief notes and expand on them orally.

- Speak clearly, and provide a logical structure to your presentation. Make sure that it’s clear what

you’re talking about and that you’renot presuming knowledge that people might not have.

- Deal with any questions at the end of the presentation, rather than during it, as many questions

will often be answered by information you provide at a later stage in the presentation.

(4) สนับสนุนให้นักเรียนไปค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ห้องสมุด Internet เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง

4.2 การเขียน

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ทำกิจกรรมในแบบฝึกหัดที่ 10 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 101 โดย

ค้นคว้าข้อมูลจาก Internet (ถ้านักเรียนต้องการหรือสนใจในหัวข้ออื่นนอกเหนือจากที่โจทย์

กำหนด ครูพิจารณาตามความเหมาะสม)

(2) นักเรียนศึกษาการเขียน ‘Report. เพิ่มเติมจาก Writing Skills 5 ในหนังสือเรียน หน้า 118 ดูเฉลยหน้า 198

(3) ครูให้นักเรียนแลกเปลี่ยนกันอ่านผลงานเพื่อแก้ไขหรือเสนอแนะเพิ่มเติม แล้วนำกลับมาแก้ไข

ปรับปรุงก่อนส่งครู ในขั้นตอนสุดท้ายครูอาจจะคัดเลือกชิ้นงานที่ดีนำมาติดไว้ในชั้นให้นักเรียน

ได้อ่านทุกคน

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 บทอ่านและเทปบันทึกเสียงบทอ่านเรื่อง ‘The making of the Lord of the Rings. ในหนังสือเรียน

หน้า 100-101

5.2 Workbook 6 หน้า 71-72

5.3 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ A

ในหนังสือเรียน หน้า 101 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการนำเสนอของนักเรียนตามโจทย์แบบฝึกหัดที่ 9

Language Activator หน้า 101 (ต 1.2.3)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการตรวจผลงานการเขียนรายงานตามโจทย์แบบฝึกหัด

ที่ 10 Writing หน้า 101 (ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 เพื่อฝึกให้นักเรียนอ่านเพื่อหาข้อมูลที่เป็นขั้นตอน ให้นักเรียนอ่านบทอ่านอีก 1 ครั้ง แล้วเขียน factfile

เกี่ยวกับภาพยนตร์ ‘the Lord of the Rings’ โดยให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม หาข้อมูลจากบทอ่าน

หรือค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เช่น Internet, Magazine เป็นต้น

ตัวอย่างข้อมูลที่นักเรียนจะหาได้จากบทอ่าน

- The names of the actors - Location - The director - Budget

7.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ I และข้อ J ใน Workbook หน้า 71-72 ดูเฉลยหน้า 229

7.3 หัวข้อสำหรับเขียน Journal writing ดังนี้

- A time I.ve fallen out with my brother/sister

- A habit I wish I could kick

- Why I was given the name I have by my parents

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเติมข้อความในเนื้อเรื่อง

8.2 การนำเสนอขั้นตอนการสร้าง, การผลิต ฯลฯ ตามโจทย์กำหนด

8.3 การเขียนรายงานการผลิต, การสร้าง ฯลฯ ตามที่นักเรียนเลือก

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม; วิทยาศาสตร์; ศิลปะ; การงานอาชีพและเทคโนโลยี

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Unit 12

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 37

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Food and Beverage ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 12 How Healthy Are you?

แผนการเรียนรู้เรื่อง The three steps to healthy eating เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

ข้อมูลที่เป็นข้อเสนอแนะและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและอนามัย โดยเฉพาะเกี่ยวกับอาหาร มักจะได้

รับความสนใจจากผู้อ่านเป็นอย่างมาก ดังนั้นนอกเหนือจากการอ่านเพื่อหาข้อมูลที่ต้องการแล้ว นักเรียนยังได้

เรียนรู้คำที่ใช้บรรยายลักษณะของอาหารที่ปรุงแล้ว ช่วยให้นักเรียนนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจบทความที่อ่านและบอกข้อมูลเฉพาะได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ และสำนวนในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 เดาคำศัพท์จากบริบทได้ (ต 2.2.1)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 เขียนและพูดแสดงความคิดเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของตนเอง (Lifestyle) ได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่เหมาะสมกับเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้ภาษาในการอธิบาย แลกเปลี่ยนข้อมูลได้ (ต 1.2.3)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Breakfast, Lunch, Dinner : The three steps to healthy eating’ ในหนังสือเรียน

หน้า 102-103

3.2 หน้าที่ภาษา

- Talking about health

3.3 คำศัพท์และสำนวน

overindulge v. - to eat or drink too much

function v. - to work in the way it is supposed to

treat n. - something that gives pleasure, especially when unexpected

deli n. - a shop that sells high quality cheeses, salads, cooked meats, etc.

go on something v. - to begin to take a type of medicine

surefire adj. - certain to succeed

tackle v. - to make a determined effort to deal with a difficult problem

distracted adj. - anxious and unable to think clearly

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Defining and non-defining clauses

- Expressions of quantity

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 ข้อมูลเกี่ยวกับโรคอ้วน (obesity)

The World Health Organization (WHO) predicts that obesity, the condition of people

being excessively overweight, will become the major killer in the developed world during the 21st

century, blaming its rise on poor diet and lack of exercise. One of the consequences of this

will be increased health costs for governments. By comparison, WHO scientists say that

changing your diet to include at least five portions of fruit and vegetables (not including

potatoes) each day and doing half an hour of moderate exercise a day will significantly

reduce your chances of developing heart disease and various types of cancer.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ตอบคำถามข้อ 1 และข้อ 2 ในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ A ใน

หนังสือเรียน หน้า 102 โดยสนทนาแลกเปลี่ยนกันถามและตอบ

(2) ครูสุ่มให้นักเรียนตอบคำถามทั้ง 2 ข้อพร้อมทั้งให้เหตุผลในการชอบมื้ออาหารนั้นๆ

ตัวอย่างคำตอบ

- I like dinner because I have plenty of time to eat and it’s a time for members of the

family to be together.

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านประโยคต่างๆ ในแบบฝึกหัดที่ 1 Warm Up ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 102 แล้ว

เติมชื่อมื้ออาหารที่เหมาะสมกับประโยคเหล่านั้นพร้อมทั้งขีดเส้นใต้หรือเขียนคำศัพท์ที่นักเรียน

ไม่รู้ความหมาย

(2) ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน และสุ่มถามนักเรียนบางคนก่อนที่จะให้นักเรียน

อ่านบทอ่าน 1 ครั้ง เพื่อตรวจคำตอบที่ถูกต้อง

(3) ครูตรวจคำตอบที่ถูกต้องของนักเรียน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 B

1. breakfast 2. dinner 3. lunch

4. breakfast 5. lunch or dinner 6. lunch

(4) ครูแจ้งวัตถุประสงค์ของการอ่านครั้งที่ 2 คือ เพื่อทำความรู้จักกับคำในภาษาอังกฤษที่ใช้ในการ

ขยายหรือบรรยายเพื่อบอกลักษณะของอาหาร ซึ่งนักเรียนสามารถนำไปใช้ในการอ่านหรือเขียน

menus อาหารได้

(5) ครูอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนช่วยกันเขียนจากการอ่านครั้งที่ 1 ซึ่งคำศัพท์บางคำนักเรียนบางคน

อาจจะรู้ ดังนั้นครูอาจซักถามความหมายจากนักเรียนก่อนที่จะอธิบายคำศัพท์ที่นักเรียนทั้งชั้นไม่รู้จัก

(6) ครูให้นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 2 Comprehension ในหนังสือเรียน หน้า 103 แล้ว

อ่านบทอ่านอีก 1 ครั้ง และตอบคำถาม ครูควรกำหนดเวลาในการอ่านประมาณ 6-10 นาที

เพื่อฝึกให้นักเรียนอ่านอย่างรวดเร็ว

(7) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบและอภิปรายกับคู่

(8) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียน แล้วจึงเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 2

1. baked, fried, grilled, steamed

2. fiber, fat, glucose, calcium, protein carbohydrates, sugar

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูดและการเขียน

(1) นักเรียนศึกษาแบบฝึกหัดที่ 3 Discussion ในหนังสือเรียน หน้า 103 แล้วตอบคำถามเหล่านั้น

(2) ครูซักถามเกี่ยวกับ Lifestyle ของนักเรียนเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร เช่น

- Who usually prepare meals in your family?

- Do you have much time for breakfast or not?

- Do you have your breakfast at home or at school?

- How often do you eat out?

ซึ่งคำถามเหล่านี้จะช่วยนักเรียนตอบคำถามในกิจกรรมนี้ได้เป็นอย่างดี และคนไทยส่วนใหญ่

จะถือว่า dinner เป็นมื้อสำคัญและนิยมทานอาหารหลากหลายในมื้อนี้

(3) นักเรียนเข้ากลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในคำถามทั้ง 3 ข้อ

(4) ครูให้นักเรียนบางคนตอบคำถามคนละข้อ เพื่อนักเรียนจะได้มีโอกาสนำเสนอและฟังความคิด

ที่หลากหลาย

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 บทอ่านและแบบฝึกหัดในหนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 102-105

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจแบบฝึกหัดที่ 1 B และแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 102-

103 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการสังเกตการพูดเพื่อตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 3

หน้า 103 (ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนแต่ละคนเขียนรายการอาหารที่รับประทานใน 1 สัปดาห์ แล้วนำไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อน

เพื่อวิเคราะห์ว่าอาหารที่แต่ละคนรับประทานนั้นถูกต้องตามหลักโภชนาการหรือไม่และให้

ข้อเสนอแนะถ้าหากไม่ถูกต้อง แล้วส่งคืนเจ้าของ

7.2 ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม ออกแบบ Poster เพื่อส่งเสริมการรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลัก

โภชนาการ แล้วนำไปติดไว้ในที่เหมาะสมภายในโรงเรียน เช่น โรงอาหาร, ในห้องเรียน เป็นต้น

7.3 นักเรียนทบทวน Grammar เรื่อง Defining clauses, Non-defining clauses และ Expressions of

quantity ในหนังสือเรียน หน้า 104 และทำแบบฝึกหัดที่ 4 Grammar ข้อ A-ข้อ C ในหนังสือเรียน

หน้า 105

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4

A 1. who/that 2. which

3. where 4. who/that

5. which 6. who

7. which/that 8. which

B Ask students to look at the pairs of sentences first in pairs, and then discuss the

answers as a whole class.

1. Sentence a refers only to taxi drivers that spend all day sitting down, while sentence b

makes a general assertion that all taxi drivers spend all day sitting down and can easily

gain weight.

2. Sentence a refers to all of the children, while sentence b implies that only the children

who played sports went to bed early.

3. Sentence a is an assertion that Mediterranean cuisine leads to a healthy lifestyle,

whereas Sentence b is an assertion that only a specific kind of Mediterranean cuisine

can lead to it.

4. Sentence b suggests that all fruits are colorful, while sentence a suggests that not all

fruits are colorful and only those which are will prove popular with children.

C 1. Correct.

2. Incorrect. Some should be replaced by any to stress the plurality of choices.

3. Incorrect. Much should be replaced by a lot of.

4. Incorrect. Food is uncountable, so many should be replaced by much.

5. Technically correct, though ‘I don’t eat much fruit. would sound more natural.

6. Correct.

7. Correct.

8. Correct. Using some indicates the speaker probably expects a positive answer.

9. Correct. Many is often found in statements beginning with ‘There are.

10. Incorrect. Any should be replaced by some.

11. Unnatural usage. Jeff is likely to ask for some milk, not a little.

12. Correct.

13. Incorrect. Somewhere should be replaced by anywhere.

14. Correct.

15. Correct.

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเขียนมื้ออาหารตามคำบรรยาย

8.2 การตอบคำถามหลังการอ่าน

8.3 การเขียนและการพูดเพื่อตอบคำถาม

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม; สุขศึกษาและพลศึกษา; วิทยาศาสตร์

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 38

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Food and Beverage ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 12 How Healthy Are you?

แผนการเรียนรู้เรื่อง Health and Fitness เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การฟังเพื่อหาข้อมูลเฉพาะเป็นทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันของบุคคลทั่วๆ ไป ทั้งการฟังเพื่อ

ศึกษาหาความรู้ เพื่อการปฏิบัติงาน หรือเพื่อความบันเทิง ดังนั้นนักเรียนจึงควรได้รับการฝึกฝนและหาวิธีที่จะ

ช่วยให้ได้ข้อมูลตามที่ต้องการ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 ฟังบทสัมภาษณ์เข้าใจและระบุข้อมูลเฉพาะได้ (ต 1.1.1, ต 1.1.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์และสำนวนในบทสัมภาษณ์ที่ฟังได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 จดบันทึกย่อสาระสำคัญที่ฟังได้ (ต 1.1.3; ต 1.2.3)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทสัมภาษณ์‘Dr. Rebecca Cross, a health expert’ ในหนังสือเรียน หน้า 106

3.2 หน้าที่ภาษา

- Talking about health

3.3 คำศัพท์และสำนวน

revolve around sth phr. v. - to have something as a main subject or purpose

overestimate v. - to judge something to be better than it really is

in moderation - if you do something in moderation such as drinking alcohol

or something you do not do it too much

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Defining and non-defining clauses

- Expressions of quantity

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 English has many common idioms connected to food. Students may be interested to

know some of the following idiomatic expressions:

to be the apple of someone’s eye - to be the main object of someone’s affection

to be as cool as a cucumber - to stay calm under pressure

a tough nut to crack - something that’s very difficult to solve

a hot potato - something that’s difficult or dangerous to deal with

chicken feed - a very small amount of money, often associated with poor pay

to be as different as chalk and cheese - used when two people/things could not be

more different from each other

to be as easy as pie/to be a piece of cake - to be very easy indeed

to have a finger in every pie - to be involved in many different projects

no use crying over spilt milk - it’s pointless to feel sorry about something that’s

already happened and that we can’t change

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การฟัง

กิจกรรมก่อนฟัง

(1) ให้นักเรียนอ่านคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 106 พร้อมทั้งดู

รูปภาพประกอบ แล้วเดาว่าผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำอย่างไรสำหรับแต่ละภาพ ครูแนะนำให้

นักเรียนใช้ Modal verbs of obligation ในการตอบคำถามแทนที่จะตอบเป็นประโยคคำสั่ง เช่น

- You shouldn’t watch too much TV.

- You should walk instead of drive a car for going a short distance.

- You shouldn’t eat too much snack.

- You should join a sport team or fitness centre.

- You shouldn’t stop immediately if you lift weights.

(2) ครูซักถามประโยคจากนักเรียนแล้วเขียนบนกระดาน เพื่อให้นักเรียนตรวจความเป็นไปได้จากการฟัง

(3) ครูแจ้งจุดประสงค์ของการฟังครั้งนี้ คือ การฟังเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ (Listening for specific

information) และการจดโน๊ตด้วยข้อความสั้นๆ แทนที่จะเขียนทั้งประโยค

(4) ครูสอนคำศัพท์และสำนวนใหม่ ได้แก่คำว่า revolve around sth, overestimate, in moderation

กิจกรรมระหว่างฟัง

(1) ครูเปิดเทปให้นักเรียนฟังครั้งที่ 1 เพื่อให้นักเรียนตรวจการเดาคำตอบของนักเรียน

(2) นักเรียนฟังเทปครั้งที่ 2 เพื่อจดโน๊ตย่อตามหัวข้อที่กำหนดให้ในแบบฝึกหัดที่ 5 Listening ข้อ B

ในหนังสือเรียน หน้า 106

(3) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน

(4) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียน แล้วเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 5 B

Modern lifestyles: Increasingly dominated by car, computer and sitting down. Less healthy

than 25 years ago.

Joining a sports team: Great way to meet people. More commitment.

Joining a gym: Getting cheaper. You want to get value for money.

If you lift weights: Don’t stop because excess muscle can turn to fat.

Excess weight: Hard to get rid of. Choose a sensible diet.

Snacks: Eat in moderation. Eat low salt nuts and dried fruit. Snacking related to poor lifestyle.

Easy ways to exercise and the benefits: Go for a walk after dinner.

Walk to school/work. Try use car less.

LISTENING SCRIPT

Presenter : And welcome back to Teen Matters, where this week my guest is Dr. Rebecca

Cross, an expert on health and fitness. Dr. Cross, we hear a lot about health and

fitness these days, but do we really need to worry about it so much? I mean, surely

most people end up doing some exercise in their daily lives?

Dr. Cross : Well, unfortunately, that’s not really the case. Modern lifestyles, which increasingly

revolve around the car, the computer, and spending most of the day sitting down,

are actually much less healthy than say, life fifty years ago.

Presenter : Why is that?

Dr. Cross : One effect is the gradual shift from manual labor to more office-based work. In the

past, many people had jobs that involved physical exercise, such as working in a

factory, but now more and more jobs involve sitting at a desk all day staring at a

computer. The same is happening at school-children used to spend a lot more

time playing games, but the current trend seems to be to spend less and less time

on the playground and more time either studying or using computers, which,

again, means that they spend more time sitting down.

Presenter : So what should people do?

Dr. Cross : I think the first and most important thing is to realize that we have a natural

tendency to overestimate the amount of exercise we do. While it may be true that

most people do a little exercise, very, very few people do enough. Once you accept

this, you can start to plan ways to improve it. Look at what you do in a week, and

start making time in the week to do some exercise. A good way to do this is to join

a sports team, which, as well as being a great way to meet people, is a way to

make sure that you have regular commitments and are less likely to miss out when

you feel tired. Another way is to make the investment in joining a gym because

even though they’recoming down in price all the time, you’ll want to get your

money’s worth. Remember, if you start lifting lots of weights and building up muscles,

you must be sure to continue doing it because muscle can quickly lose its tone.

Presenter : And what do you do if you have to stop exercising and start putting on weight?

Dr. Cross : Well, if you can’t do exercise for any reason, it’s very important to eat carefully.

Remember, it’s a lot harder to get rid of weight once you.ve put it on than it is to

actually avoid weight gain. However, if you do need to go on a diet, make sure that

you choose one which is going to give your body all the nutrients it needs. Some

instant drinks are available which claim to do this, but they’requite expensive, and

really you can achieve the same results by asking a nutritionist to help you plan a

diet, and it will definitely be tastier.

Presenter : I see, but what about foods like potato chips and snacks that are probably bad for

you, but are so hard to resist!

Dr. Cross : The thing to do there is to make sure that you eat that kind of snack in moderation,

and also to try and mix it with some healthy alternatives. For example, if you like

eating nuts, try to eat ones that are low in salt, and mix them with dried fruits like

raisins, which are high in fiber. Another thing to think about is the lifestyle attached

to snacking-most poeple end up snacking when they’rewatching television, which

means that as well as eating something that’s not too healthy, they’redoing no

exercise at all. Try and do exercise that’s not necessarily hard, but which is still

good for you : instead of sitting down to watch TV after dinner, why not take the whole family for a

walk in the park? And leave the car at home! Try walking to school or work, because

as well as being healthy, it means your mind will be more active when you arrive.

กิจกรรมหลังฟัง

4.2 การออกเสียง

การจำแนกเสียงสระ (vowel) ที่แตกต่างกัน

(1) นักเรียนศึกษาคำสั่งและจับคู่ ทำแบบฝึกหัดที่ 6 Pronunciation ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 106

แล้วตรวจคำตอบที่ถูกต้องกับเทปที่ครูเปิดให้

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 6 A

1. heart 2. size 3. walk 4. good 5. body

(2) นักเรียนฝึกออกเสียงตามเทป เพื่อสามารถจำแนกเสียงที่แตกต่างหรือเหมือนกันได้

(3) นักเรียนทำงานเป็นคู่ เขียนคำที่ออกเสียงสระเหมือนกับคำตอบในข้อ A ข้อละ 3 คำ (นักเรียน

อาจจะใช้พจนานุกรมช่วย)

(4) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียนและเขียนคำแต่ละข้อบนกระดาน เพื่อให้นักเรียนออกเสียงตาม

4.3 การพัฒนาคำศัพท์

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ Food มีจำนวนมาก ดังนั้นการทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ใน

หนังสือเรียน หน้า 107 จะช่วยนักเรียนพัฒนาคำศัพท์ในด้านนี้

(1) นักเรียนทำงานเป็นคู่ ทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ A และข้อ B นักเรียนอาจ

จะใช้พจนานุกรมช่วยหาคำศัพท์ได้

(2) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียน แล้วเขียนบนกระดาน

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

A และ B

Suggestions for B are in italics.

drinks fats fruit meat

coffee butter apple beef

juice margarine banana ham

milk vegetable oil kiwi pork

peach sausage

watermelon

tea olive oil plum lamb

wine lard orange venison

grape

poultry legumes vegetables

chicken beans broccoli

turkey lentils carrot

rice eggplant

potato

tomato

duck chickpeas cauliflower

goose corn

(3) นักเรียนคู่เดิมทำแบบฝึกหัดที่ 7 Vocabulary Activator ข้อ C และ ข้อ D ในหนังสือเรียนหน้า 107

(4) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียน เพื่อตรวจคำตอบพร้อมกันทั้งชั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 7

C 1. h 2. g 3. j 4. a 5. e

6. i 7. b 8. c 9. d 10. f

D Suggested answers :

1. baked potato, peppers 6. frozen yogurt, pizza

2. boiled carrots, rice 7. grilled salmon, chicken

3. canned peaches, peas 8. poached egg, salmon

4. deep-fried mushrooms, chicken 9. roast beef, potatoes

5. fried steak, sausages 10. steamed broccoli, cod

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 106-107

5.2 Workbook 6 หน้า 75-76

5.3 เทปบันทึกเสียงบทสัมภาษณ์

5.4 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจคำตอบการจดโน๊ตตามหัวข้อในแบบฝึกหัดที่ 5 B

หน้า 106 (ต 1.1.1, ต 1.1.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ F - ข้อ I ใน Workbook หน้า 75-76 ดูเฉลยหน้า 230

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเขียนคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพตามภาพที่กำหนดให้

8.2 การจดโน๊ตย่อตามหัวข้อที่กำหนด

8.3 การทำแบบฝึกหัดเพื่อพัฒนาคำศัพท์เกี่ยวกับอาหาร

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สุขศึกษาและพลศึกษา; วิทยาศาสตร์; สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 39

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Food and Beverage ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยการเรียนรู้ที่ 12 How Healthy Are you?

แผนการเรียนรู้เรื่อง Working Your Way To Health เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การสร้างจินตนาการตามเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่อ่านช่วยให้เข้าใจเรื่องได้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะเรื่องราว

หรือเหตุการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นเทคนิคในการอ่านที่นักเรียนควรฝึกฝน

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจ วิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความที่อ่าน (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจคำศัพท์และสำนวนในบทอ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 ใช้กลยุทธ์ในการอ่านที่เหมาะสม (ต 1.1.2)

2.1.3 บอกรายละเอียดของเรื่องราวที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นในการประชุมกลุ่มตามสถานการณ์ที่กำหนดได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์ สำนวน และไวยากรณ์ได้เหมาะสมกับเรื่องราวที่ต้องการสื่อ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้ภาษาอังกฤษเพื่อขอและให้ข้อมูลและอธิบายในเหตุการณ์ปัจจุบันได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนเรียงความ (Essay) ตามสถานการณ์ที่กำหนดให้ (ต 1.2.3 ; ต 1.2.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้คำศัพท์ สำนวน และไวยากรณ์ได้เหมาะสมกับเรื่องที่ต้องการสื่อได้ (ต 2.1.1 ; ต 2.2.1)

2.3.2 เรียงลำดับข้อมูลที่ต้องการนำเสนอตามลักษณะของเรียงความได้ (ต 1.3.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘Working Your Way To Health. และแบบฝึกหัดประกอบ ในหนังสือเรียน หน้า108-109

3.2 หน้าที่ภาษา

- Talking about health

3.3 คำศัพท์และสำนวน

a matter of minutes - only a few minutes

subsidize v. - to pay part of the cost of something so that the buyer can pay less for it

dues n. - (plural) regular payments you make to an organization of which you are

a member

foster v. - to help a skill, feeling, idea etc develop over a period of time

ส่งเสริม, สนับสนุน, ปลูกฝัง

identity n. - the qualities and attitudes you have that make you feel you have your

own character and are different from other people

เอกลักษณ์

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- Defining and non-defining clauses

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขอรับเงินสนับสนุนจากบริษัทจำหน่ายเครื่องดื่มของโรงเรียนใน

สหรัฐอเมริกา

One controversial practice in the United States at the moment is sponsorship of school sports

activities by soft drinks and candy manufacturers. Schools receive money from the companies to pay

for sports equipment for their school, which is obviously very welcome, but in return they have to

allow the companies to install machines in their schools that sell fizzy drinks and candy, most

of which contains a high level of sugar. Supporters of the system say that it helps schools give students

a better sports education, but critics say that it encourages children to consume too much sugary

food, and is therefore actually worse for their physical health. How would students react

if such an arrangement was introduced in their school?

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน พิจารณาตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ A

ข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 108 โดยครูให้นักเรียนใช้ข้อมูลจากบทสัมภาษณ์Dr. Rebecca Cross

จากกิจกรรมการฟังก่อนหน้านี้เป็นแนวในการพิจารณาว่าแต่ละอาชีพมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์

ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง โดยครูซักถาม ให้นักเรียนระดมสมองและใช้ Teacher เป็นตัวอย่าง เช่น

- Does a teacher have physical exercise while teaching?

- Does a teacher know about nutrients the body need?

- Does a teacher have time to relax?

(2) ให้นักเรียนส่งตัวแทนของกลุ่มนำเสนอพร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบ แล้วสรุปว่าอาชีพใดตาม

ความคิดของนักเรียนมีอันตรายต่อสุขภาพมากที่สุดและน้อยที่สุด

(3) ให้นักเรียนกลุ่มเดิมพิจารณาตอบคำถามข้อ 2 ในแบบฝึกหัดที่ 8 Reading ข้อ A ในหนังสือเรียน

หน้า 108 ครูแนะนำให้นักเรียนใช้ข้อมูลจากบทอ่านและบทสัมภาษณ์ที่ผ่านมาประกอบการ

ตอบคำถาม เช่น walking to work, use less car, etc.

(4) ครูแจ้งจุดประสงค์ของการอ่านในครั้งนี้ คือ เพื่อสร้างภาพหรือเรื่องราวตามสิ่งที่อ่านโดยการ

เติมข้อความที่กำหนดให้ในเนื้อเรื่อง (Forming a metal picture)

(5) นักเรียนอ่านข้อความที่จะต้องเติมจากแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ A ใน

หนังสือเรียน หน้า 109 ขณะที่ครูเขียนคำศัพท์หรือสำนวนที่นักเรียนอาจไม่รู้บนกระดาน ได้แก่

คำว่า a matter of minutes, subsidize, foster และ dues

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านบทอ่านแล้วเลือกข้อความจากแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ข้อ A ในหนังสือ

เรียน หน้า 109 มาเติม โดยพิจารณาความต.อเนื่องและความสัมพันธ์ของคำในข้อความกับเนื้อเรื่อง

(2) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน

(3) ก่อนที่ครูจะซักถามคำตอบจากนักเรียน ครูให้นักเรียนตอบคำถามปากเปล่าเพื่อเป็นการ

ประเมินความเข้าใจเนื้อเรื่อง ดังต่อไปนี้

1. What happened to Thomas Watt five years ago? (He had a heart attack.)

2. How much do workers get paid for walking up the stairs? (100 dollars/month)

3. How many teams are there in the company? (4)

4. How much money was raised for charity last year? (340,000 dollars)

5. How much has Watt spent on the fitness program? (over two million dollars)

(4) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียนพร้อมกันทั้งชั้น แล้วเปิดเทปให้นักเรียนตรวจคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

A 1. b 2. f

3. d 4. c

5. h 6. g

7. a 8. e

(5) ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับ Advantages และ Disadvantages ของ Watt’s scheme ในการ

ส่งเสริมให้พนักงานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แล้วเขียนบนกระดาน เช่น

Advantages : His employees are healthy and can work well.

Disadvantages : He has to spend a lot of money in doing that.

(6) นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4-6 คน อภิปรายและตอบคำถามในแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After

reading) ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 109 โดยทำงานระบบกลุ่ม จดรายงานและคัดเลือก

ตัวแทนเพื่อนำเสนอหน้าชั้น

(7) ให้นักเรียนนำเสนอคำตอบหน้าชั้น อาจจะให้กลุ่มที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันนำเสนอ เพื่อจะ

ได้เห็นความคิดที่หลากหลายของนักเรียน

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) นักเรียนศึกษาคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 9 Language Activator ในหนังสือเรียน หน้า 109 แล้ว

ทำงานระบบกลุ่มๆ ละ 4 คน พิจารณาเลือกกิจกรรม 3 อย่างที่คิดว่าน่าจะได้ผลดีและสามารถ

ปฏิบัติได้จริงในโรงเรียน ครูควรกำหนดเวลาทำงานของนักเรียน เช่น 10-15 นาที เพื่อให้

นักเรียนได้ฝึกการทำงานร่วมกันอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

(2) นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอคำตอบ ให้นักเรียนอาสาสมัครนับจำนวนกิจกรรมที่นักเรียนเลือก

เพื่อจัดลำดับกิจกรรมที่นักเรียนคิดว่าจะประสบความสำเร็จที่สุด 3 ลำดับ

4.3 การเขียน

(1) นักเรียนอ่านคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 10 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 109 ให้นักเรียนคิดพิจารณา

เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับหัวข้อที่โจทย์กำหนด คือ ‘There is nothing as valuable as your

health’ แล้วหาข้อมูลหรือเหตุผลมาสนับสนุนความเชื่อของตนเอง

(2) ครูอาจจะให้แนวในการพิจารณาโดยใช้คำถามถามนักเรียนทั้งห้อง เช่น

- Is it important to have good health?

- Is a good health important for enjoying or doing other activities or living a long life?

- Is money or health more important?

- Are there any things that might be viewed as being as important as health, or even

are so? (such as family, friendship, living in a safe environment, etc.)

(3) ให้นักเรียนที่มีความเห็นตรงกันทำงานด้วยกันเป็นคู่ เขียนเรียงความสั้นๆ โดยครูกำหนดความ

ยาว เพื่อให้นักเรียนได้เขียนเฉพาะในเรื่องที่สำคัญ และเป็นเหตุผลที่จะสนับสนุนความคิดของตนเอง

(4) เมื่อนักเรียนทำงานเสร็จแล้ว ให้แลกเปลี่ยนกับคู่อื่นอ่านและช่วยบอกข้อผิด โดยไม่ต้องแก้ไข

หรืออาจจะเสนอแนะแล้วส่งคืนเจ้าของเดิม เพื่อนำมาพิจารณาปรับปรุงก่อนที่จะส่งครู

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 108-109

5.2 Workbook 6 หน้า 77-78

5.3 เทปบันทึกเสียงการอ่านบทความ เรื่อง ‘Working Your Way To Health.

5.4 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจการเติมข้อความในเนื้อเรื่องให้ถูกต้องใน

แบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) หน้า 109 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการประเมินการนำเสนอความคิดเห็นและการพูดสนทนา

ในกลุ่ม ในแบบฝึกหัดที่ 9 หน้า 109 (ต 1.2.3)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการตรวจการเขียน Essay ตามหัวข้อที่กำหนดให้ ใน

แบบฝึกหัดที่ 10 หน้า 109 (ต 1.2.3 ; ต 1.2.4)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 เพื่อให้นักเรียนได้นำภาษาอังกฤษมาใช้ในชีวิตจริง มิใช้สถานการณ์สมมติ ครูให้นักเรียนทำงานเป็น

กลุ่มๆ ละ 4-5 คน ส่งเสริมการมีสุขภาพดีของนักเรียนในโรงเรียนโดยการจัดกิจกรรมชื่อ ‘Healthy

Living Week. โดยนำความรู้จากบทอ่านหรือบทสัมภาษณ์มาใช้ (ต 2.2.4 ; ต 2.2.5 ; ต 4.1.1 ;ต 4.2.4)

ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มดำเนินงานเป็นขั้นตอน ดังนี้

- ระดมสมอง คิดกิจกรรมที่จะนำเสนอในสัปดาห์

- สถานที่ที่จะจัดงาน

- การประชาสัมพันธ์

- งบประมาณ

- แบ่งหน้าที่/ความรับผิดชอบ

- ประชุม พบปะกันเสมอ เพื่อประเมินความก้าวหน้าของการทำงานในแต่ละขั้นตอน

- เมื่อพร้อมแล้วจึงดำเนินการ

7.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ J - ข้อ L ใน Workbook หน้า 77-78 ดูเฉลยหน้า 230

7.3 หัวข้อสำหรับการเขียน Journal writing

- Ways I can make my lifestyle healthier

- My favorite meal

- The problem with keeping fit

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเติมข้อความในเนื้อเรื่องที่อ่าน

8.2 การพูดเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวจากบทอ่านในกลุ่ม

8.3 การพูดอภิปรายในกลุ่มเพื่อคัดเลือกกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี

8.4 การเขียน Essay เพื่อแสดงความคิดเห็นตามหัวข้อที่กำหนดให้

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สุขศึกษาและพลศึกษา; วิทยาศาสตร์; ศิลปะ; การงานอาชีพและเทคโนโลยี

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Expansion 4

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 40

เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Sports ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

Expansion 4

แผนการเรียนรู้เรื่อง 30,000 Heroes เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสำคัญ

การทบทวนสิ่งที่ได้เรียนมาอย่างสม่ำเสมอในรูปแบบของทักษะต่างๆ ช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาความรู้

และนำไปใช้อย่างมั่นใจ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ปลายทาง

2.1 เข้าใจ วิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นในบทความที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์นำทาง

2.1.1 เข้าใจความหมายของคำศัพท์ สำนวน และไวยากรณ์ ในบทความที่อ่านได้ (ต 2.2.1)

2.1.2 เรียงลำดับเหตุการณ์ในบทความที่อ่านได้ (ต 1.1.4)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.2 พูดแสดงความคิดเห็นในเหตุการณ์ปัจจุบันได้ (ต 1.2.2)

จุดประสงค์นำทาง

2.2.1 ใช้คำศัพท์ สำนวน เพื่อขอและให้ข้อมูลได้เหมาะสมกับเรื่องที่ต้องการสื่อได้ (ต 2.2.1)

2.2.2 ใช้ภาษาอังกฤษค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้ (ต 3.1.2)

จุดประสงค์ปลายทาง

2.3 เขียนบรรยายเกี่ยวกับกีฬาที่สำคัญได้ (ต 1.2.3)

จุดประสงค์นำทาง

2.3.1 ใช้คำศัพท์ สำนวน และไวยากรณ์ได้เหมาะสมกับเรื่องที่ต้องการนำเสนอได้ (ต 2.2.1)

2.3.2 ใช้ภาษาอังกฤษค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้ (ต 3.1.2)

3. เนื้อหาสาระ

3.1 บทอ่านเรื่อง ‘30,000 Heroes’ และทำแบบฝึกหัด ในหนังสือเรียน หน้า 110-111

3.2 หน้าที่ภาษา

- Talking about a sporting event

3.3 คำศัพท์และสำนวน

convey v. - to express what you are thinking or feeling without stating it directly

embark on sth phr. v. - to start something, especially something new and difficult that will

take a long time

hydrated adj. - having enough water to remain healthy

gospel music n. - a style of Christian music usually performed by Black singers in

which religious songs are sung strongly and loudly : a gospel choir

stretch n. - an area of land or water, especially one that is long and narrow

borough n. - a town or part of a large city, that is responsible for managing its

own schools, hospitals, roads, etc : The New York borough of Queens

bicentennial n. - the day or year exactly 200 years after an important event

ingrained adj. - ingrained attitudes or behaviour are firmly established and

therefore difficult to change

ethnic n. - someone who belongs to a different race from the main group

living in a particular country

venue n. - a place where something such as a concert or a meeting is

arranged to take place

lap n. - one journey around or along a running track, race course, etc.

endeavor n. - an attempt or effort, especially to do something new or difficult

3.4 ไวยากรณ์/โครงสร้างประโยค

- ทบทวนไวยากรณ์ใน Unit 10-12

3.5 ภาษาและวัฒนธรรม

3.5.1 ประวัติการแข.งขันวิ่งมาราธอน

The marathon gets its name from the story of Pheidippides, a Greek soldier who ran

approximately 35 kilometers from the battlefield of Marathon to Athens in order to deliver news of a

Greek victory (or the destruction of the Greek city of Eritrea in other versions) over the Persians in490

BC. Pheidippides fell dead as soon as he.d delivered his news, which no doubt helped to create the

impression that the marathon is the hardest sporting challenge an individual can undertake.

The marathon race was first included in the Olympic Games in Athens in 1896, but the distance

varied until it was standardized in 1924. However, the distance of 26.2 miles was first run in London

when the 26 miles that had originally been planned for the Olympic Games marathon race were

extended slightly so that the race would finish in front of the box where the King of England was sitting!

Runners in the 2004 Olympic Games in Athens will retrace the route of Pheidippides.

4. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้

4.1 การอ่าน

กิจกรรมก่อนอ่าน

(1) ครูซักถามความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ ‘marathon race’ เช่น

- How many kilometres/miles are in a marathon race? (42 kms. หรือ 26.2 miles)

ถ้านักเรียนไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ ครูอธิบายเพิ่มเติม (ใช้ข้อมูลใน 3.5 ภาษาและวัฒนธรรม)

(2) ให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน พิจารณาตอบคำถามข้อ 2 และข้อ 3 ในแบบฝึกหัดที่ 1

Reading ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 110 แล้วให้บางกลุ่มนำเสนอคำตอบ ครูอาจจะเพิ่มเติม

ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเป็นนักวิ่งมาราธอน ซึ่งใช้เวลาในการฝึกความพร้อม 21 สัปดาห์

โดยเพิ่มจำนวนระยะทางเท่าๆ กันในแต่ละสัปดาห์ และวิ่งในระยะยาวที่เพิ่มขึ้นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

โดยจะพักในวันที่เหลือเพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักและฟื้นตัว

(3) ครูให้นักเรียนอ่านคำถามข้อที่ 4 ในแบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 110

พร้อมทั้งชื่อเรื่องของบทอ่าน แล้วทำงานเป็นกลุ่ม อภิปรายหัวข้อต่อไปนี้

1. If every participant of the marathon is a hero, not only the winners, do you agree or

disagree with this analysis?

2. Do you feel that something that is essentially a way of keeping fit deserves to be

described as ‘heroic.?

(4) ครูสุ่มให้นักเรียนบางกลุ่มตอบคำถามข้อที่ 4 หลังจากการอภิปราย

กิจกรรมระหว่างอ่าน

(1) นักเรียนอ่านบทอ่านแบบกวาดสายตาและรวบรวมคำศัพท์ที่ไม่รู้ แล้วให้ขึ้นมาเขียนบนกระดาน

(2) ครูแบ่งให้นักเรียนค้นหาความหมายของคำศัพท์เหล่านั้นคนละ 1 คำจากพจนานุกรม แล้วขึ้น

มาเขียนบนกระดาน โดยครูตรวจดูให้มีความหมายที่ตรงกับเนื้อเรื่อง

(3) ครูชี้แจงจุดประสงค์ของการอ่าน คือ เพื่อจับใจความและเรียงลำดับย่อหน้าที่อ่านใหม่ซึ่งนักเรียน

ต้องหาความต่อเนื่องในแต่ละย่อหน้า

(4) นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อนและอภิปรายทั้งคำตอบในแบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ A

และการเรียงลำดับย่อหน้าใหม่ในแบบฝึกหัดที่ 1 Reading ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 110

(5) ครูซักถามคำตอบจากนักเรียน แล้วเปิดเทปให้นักเรียนตรวจคำตอบ

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 1 B

1 7 4 3 6 5 2 8

กิจกรรมเสนอแนะ

(1) ครูอาจจะเพิ่มเติมการอ่านเพื่อจับใจความ โดยให้นักเรียนอ่านบทอ่านอีก 1 ครั้ง และ ตอบคำถาม

1. How many people come to watch the race? (2 million)

2. How many people finished the first marathon? (55)

3. When did the race first go through the boroughs? (1976)

4. How many people live on Staten Island? (440,000)

5. Why is Brooklyn becoming famous? (because it is artistic community)

6. Why are people said to have run fastest through the Bronx? (because there is a lot of crime)

(2) ให้นักเรียนทำกิจกรรมต่อไปนี้

Find the words/phrases in the article with the following meanings (คำตอบอยู่ในวงเล็บ)

1. set off on (embark on) 5. arrived at an event/place (showed up)

2. having enough water to remain healthy (hydrated) 6. where something takes place (venue)

3. no more than (mere) 7. a new start (renaissance)

4. undistinguished (humble) 8. section of a street (stretch)

กิจกรรมหลังอ่าน

4.2 การพูด

(1) นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน สนทนาและอภิปรายเพื่อตอบคำถามในแบบฝึกหัดที่ 2 Talk About

It ในหนังสือเรียน หน้า 111 ครูให้แนวในการตอบคำถามโดยให้นักเรียนพิจารณา benefits และ

drawbacks (ข้อเสียเปรียบ) ของการจัดการแข่งขันสำคัญๆ ทั้งระดับกลุ่มประเทศ, ทวีป หรือ โลก เช่น

Sea Games, Asian Games, Olympic Games, Soccer World Cup, etc. ใน

การทำกิจกรรมนี้ ครูอาจมอบหมายให้นักเรียนไปค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เช่น

วารสารทางกีฬา, Internet เป็นต้น แล้วให้นำเสนอในชั่วโมงต่อมา

4.3 การเขียน

(1) นักเรียนอ่านคำสั่งในแบบฝึกหัดที่ 3 Writing ในหนังสือเรียน หน้า 111 แล้วพิจารณาเลือกเขียน1 หัวข้อ

- นักเรียนที่เลือกหัวข้อที่ 1 สามารถกลับไปศึกษา guideline ในการเขียนรายงาน (Writing a

Report) ใน Unit 11

- นักเรียนที่เลือกหัวข้อที่ 2 สามารถใช้บทความ เรื่อง ‘New York Marathon’ เป็นตัวอย่างในการเขียน

ซึ่งไม่เน้นการบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นบนถนนแต่จะแนะนำสถานที่ต่างๆและจุดเด่นของมหานคร New York

ที่นักกีฬาวิ่งผ่านมากกว่ากิจกรรมของนักกีฬา ซึ่งทำให้ผู้เขียนมีความภูมิใจในบ้านเมืองของตนเอง

(2) นักเรียนที่เลือกหัวข้อเดียวกันนั้นให้แลกเปลี่ยนกันอ่าน และบอกข้อผิดพลาดด้านไวยากรณ์,

ตัวสะกด หรือเสนอแนะเพิ่มเติมแก่เจ้าของ แล้วส่งคืนเจ้าของเพื่อแก้ไขต่อไป

(3) ครูให้นักเรียนติดผลงานไว้บนบอร์ด แล้วให้เพื่อนอ่านและคัดเลือกข้อเขียนที่ดี 3 ลำดับ

4.4 การเล่นเกม

การเล่นเกมเป็นการนำภาษาอังกฤษที่เรียนแล้วมาทำกิจกรรมที่สนุกสนาน

(1) ให้นักเรียนอ่านวิธีการเล่นเกม ในแบบฝึกหัดที่ 4 Activities ข้อ B ในหนังสือเรียน หน้า 113

ครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจในการเล่นอย่างถูกต้อง

(2) นักเรียนเข้ากลุ่มๆละ 4 คน เพื่อฝึกเล่นเกม ซึ่งนักเรียนสามารถนำไปเล่นเพิ่มเติมในชั่วโมง

กิจกรรมหรือนอกเวลาเรียนได้

5. สื่อการเรียนรู้

5.1 หนังสือเรียน SuperGoal 6 หน้า 110-113

5.2 Workbook 6 หน้า 79-80

5.3 เทปบันทึกเสียงการอ่านบทความเรื่อง ‘30,000 Heroes.

5.4 เครื่องเล่นเทป

6. การวัดผลและประเมินผล

6.1 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.1 จากการตรวจการเรียงลำดับย่อหน้า ในแบบฝึกหัดที่ 1 B หน้า

110 (ต 1.1.4)

6.2 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.2 จากการพูดแสดงความคิดเห็น ในแบบฝึกหัดที่ 2 หน้า 111

(ต 1.2.2)

6.3 ประเมินผลจุดประสงค์ปลายทางที่ 2.3 จากการเขียนเรียงความ ในแบบฝึกหัดที่ 3 Writing หน้า 111

(ต 1.2.3)

7. กิจกรรมเสนอแนะ

7.1 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading) ในหนังสือเรียน หน้า 111 เป็นการบ้าน

คำตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทอ่าน (After reading)

1. has grown; attracts 2. was run 3. are; needs/ought to spend

4. hasn’t been won 5. has been training; ran

7.2 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 4 Activities ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า 112 เป็นการบ้าน โดยแนะนำ

ให้นักเรียนอ่านบทอ่าน 1-2 ครั้ง เพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่องโดยตลอด แล้วจึงพิจารณาเลือกตัวเลือกที่

เหมาะสม และในการตรวจคำตอบอาจให้นักเรียนบอกเหตุผลในการเลือกคำตอบนั้น

คำตอบของแบบฝึกหัดที่ 4 A

1. C 2. B 3. D 4. D 5. C 6. B 7. A 8. A 9. B 10. D 11. A 12. B 13. C 14. C 15. C

7.3 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมข้อ A - ข้อ F ใน Workbook หน้า 79-80 เพื่อเป็นการทบทวน

สิ่งที่เรียนมาแล้ว ใน Unit 10-12 ดูเฉลยหน้า 230-231

8. ผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียน

8.1 การเรียงลำดับย่อหน้าให้เหมาะสมตามเนื้อเรื่อง

8.2 การพูดเพื่อตอบคำถาม

8.3 การเขียนเรียงความ

9. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

สุขศึกษาและพลศึกษา

10. บันทึกผลหลังการสอน

10.1 ผลการเรียนรู้

10.2 ปัญหาอุปสรรค

10.3 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

Writing and Speaking Skills Answer Key

WRITING SKILLS 1

A

Have students go over the checklist and then compare the DVD reviews on Student Book pages 16 and 17

to see which features are mentioned.

B

EXPAND

Give students phrases with multiple adjectives for them to choose the correct order. Some possibilities

are: (answers in bold)

|a small, thin, American lady |a thin, small, American lady |an American, small, thin lady |

|a carving, steel, new knife |a steel, carving, new knife |a new, steel, carving knife |

|a blue, sailing, beautiful boat |a beautiful, blue, sailing boat |a sailing, blue, beautiful boat |

|a plastic, big, red hat |a big, red, plastic hat |a red, big, plastic hat |

C

1. charming, young, American 3. long, flowing, white 5. longest, hottest

2. biggest, most challenging 4. small, antique, gold

WRITING SKILLS 2

A

Answers will vary. Possible answers:

1. Older consumers are mostly concerned with quality, while younger consumers are often more

concerned with the brand name.

2. Most people recognize famous brand names, yet not too many people realize the connections

between many products.

3. Too much exposure to sunlight can cause skin cancer, although some exposure is helpful to

maintaining healthy skin.

4. The British spend millions of pounds a year on their credit cards, while the French rarely use credit

cards.

5. Many people like to work in complete silence, but others say they cannot concentrate without some

background noise.

B

Answers will vary.

EXPAND

When comparing and contrasting two ideas, things, arguments, etc., writers often use a variety of

techniques. These include: first compare the two items, then contrast them; explore one item entirely,

and then the other; write about only the comparable and contrastable ideas; and only compare or only

contrast. Have students expand on the ideas in B and write a mini-essay.

WRITING SKILLS 3

A

Answers will vary.

B

happy laugh look say/speak unhappy walk

delighted giggle glance cry glum limp

overjoyed chuckle stare whisper inconsolable shuffle

cheerful chat down stride

shout depressed wander

C

Answers will vary. Possible answers:

1. giggling 3. overjoyed 5. cried

2. staring 4. wandering 6. down

WRITING SKILLS 4

A

Answers will vary.

EXPAND

Collect samples of various letters of complaint published in newspapers, online, etc. Have students

analyze the effectiveness of each complaint letter, then each student should choose one letter to reply to.

WRITING SKILLS 5

A

Answers will vary.

B

1. sharply 3. raised

2. slightly 4. negative

WRITING SKILLS 6

A

1. Incorrect. My father was/has been a journalist for seven years.

2. Incorrect. My parents were born in 1947 and got married in 1968.

3. Incorrect. I like Ron and Carol, but I really can’t stand their kids.

4. Incorrect. I don’t like politics because everybody seems to have the same ideas.

5. Incorrect. The doorbell rang when Mindy was talking to her friend on the phone.

6. Incorrect. I had a terrible day at work yesterday. The computer crashed and I lost all my work.

7. Incorrect. I think pop stars should set a better example for young people/adolescents/youth.

8. Incorrect. Although the Internet has changed our lives forever, not everybody likes using computers.

B

1. Mike turned to Suzy and asked, ‘Will you marry me?.

2. Suddenly the children ran to the door. Their father was home from his business trip.

3. What do you think people should do to help stop poverty in Africa?

4. Sam doesn’t like school very much, but he does enjoy his French classes.

5. Fran asked if he wanted time to think about it before he made his decision.

6. In a recent survey, most people admitted that they.d asked God for help on more than one occasion.

7. My favorite book of all time is Far from the Madding Crowd by Thomas Hardy.

8. In spite of all the commercialism, Christmas is still my favorite time of year.

WRITING SKILLS 7

A

1. b. I’ve never got along well with 5. b. is unpopular at night

2. b. will be tested 6. b. a lengthy wait

3. b. was brought some flowers by 7. b. had never been skiing before

4. b. have revolutionized 8. b. is considered

B

stepped, roses, the ocean, strolled, rang, noticed, peered, grin, greeted, silent, portrait

WRITING SKILLS 8

A

Answers will vary. Possible answers:

1. e-mail, informal 6. e-mail or letter, formal

2. e-mail or letter, formal 7. e-mail or letter, formal

3. e-mail or letter, formal 8. e-mail or letter, formal

4. e-mail, informal 9. e-mail, informal

5. e-mail, informal 10. e-mail or letter, formal

B

a. 5 f. 1

b. 8 g. 2

c. 4 h. 3

d. 10 i. 9

e. 7 j. 6

C

Answers will vary.

D

EXPAND

Encourage pairs to reply to each other’s letters/e-mails while at the same time, peer-correcting each

other’s work.

SPEAKING SKILLS 1

A

Answers will vary.

EXPAND

Ask each student to bring two pictures from home to compare and contrast. In pairs, encourage them to

talk about each other’s pictures using the same criteria as in the table.

SPEAKING SKILLS 2

A

Answers will vary.

EXPAND

Explain to students that when in a debate situation, they must be able to argue both sides of the issue.

Have students make a list of arguments for and against each of the issues listed in A.

SPEAKING SKILLS 3

A

Answers will vary. Possible answers:

Okay, You know, well, Oh, yes, uhmm, Really, You know, What do you think, Uh-huh, you know

B

Answers will vary.

EXPAND

Have students work in pairs to write out a dialogue using one of the topics in B. Encourage them to use

the language presented in the table and then present their dialogues to the class, being as natural as

possible!

SPEAKING SKILLS 4

A

Answers will vary.

EXPAND

Ask students to think of an uncomfortable situation they encountered in the past when they had to refuse

someone’s offer to help or they offered to help and were declined. Invite them to tell the class about

their experience and how they handled the situation and, if applicable, how they would change their reaction.

PLACEMENT TESTS

Choose the correct option to complete each sentence.

1. Mike and Suzy _________ in Melbourne since Christmas.

a. lived b. live c. are living d. have been living

2. My friends ________ to dinner this evening, but my fridge has just broken!

a. come b. are coming c. will come d. will have come

3. By the end of 2005, ___________ married.

a. I’m going to get b. I’ll get c. I’m getting d. I’ll have got

4. My grandma _________ always fall asleep in her chair after meals.

a. used to b. would c. is d. was

5. Jessica and Matt both wish they ________ last night.

a. argued b. didn’t argue c. hadn’t argued d. would argue

6. I.ve decided _________ travel abroad next year.

a. I b. I’ll c. I’d d. I’m going to

7. Helen _________ dishes when she broke her mother’s favorite cup.

a. washed b. has washed c. had washed d. was washing

8. I wish _________ a holiday soon. I really need a break.

a. I have b. I had c. I’d have d. I’d had

9. Danni and Nikki _________ nine games of tennis so far, and the score is 5-4.

a. play b. played c. have played d. have been playing

10. Why are you so wet? Because _________ in the rain.

a. I walk b. I’m walking c. I walked d. I’ve been walking

11. My father’s plane _________ at 12:50, so I’ve really got to go now or l’ll be late.

a. arrives b. is arriving c. will arrive d. is going to arrive

12. Einstein is probably ___________ person ever.

a. the intelligent b. more intelligent c. the most intelligent d. the more intelligent

13. Maybe there will never be another painter as __________ Picasso.

a. better b. good than c. good as d. good like

14. I wish my father ___________ smoking. It really worries me.

a. stops b. stopped c. would stop d. to stop

15. This time tomorrow _________ dinner at the best restaurant in town.

a. we’ll eat b. we eat c. we’re eating d. we’ll be eating

16. __________ before I went to Los Angeles in summer.

a. I’ve never flown b. I’d never flown c. I’d never been flying d. I never fly

17. If Jim had caught the bus on time, he ________ his job.

a. would lose b. wouldn’t have lost c. will lose d. had lost

18. Students _______ talk in the library.

a. must b. mustn’t c. don’t have to d. have to

19. We stayed in a hotel near ____________ Hudson River.

a. a b. an c. the d. no article

20. ________ you as soon as I get to the hotel.

a. I call b. I called c. I’d call d. I’ll call

REVIEW TESTS

Units 1 to 3

A

Read each question in Column 1 and match it with the correct response in Column 2. Write the letter of

the response in the blank.

(3 points for each correct answer-36 points)

1 2

_______ 1. When did they first meet? a. About once every two weeks.

_______ 2. What was Mr. Smith doing at the b. He was talking to his daughter on his

time of the accident? cell phone.

_______ 3. What did you use to do in c. I’d refuse to pay.

_______ summer when you were a child? d. I’m working on a novel in my spare time.

_______ 4. How often do you see your e. We used to ride our bikes in the forest.

father? f. They got to know each other at a

_______ 5. What are you doing tonight? conference in 1998.

_______ 6. Has Tom worked there a long time? g. No, I’d never seen him before.

_______ 7. Where’s Mike? h. To have made a million dollars by the

_______ 8. What are you doing these days? time I’m twenty-five.

_______ 9. What’s your ambition? i. Yes, he’s been at the company for

_______ 10. What were you doing there at that seventeen years.

time of night? j. He’s gone to the store for some soda.

_______ 11. Did you know the person who attacked k. I was waiting for a friend to pick me up

you? and take me to a party.

_______ 12. What would you do if you were me? I. I am going to the movies with some

friends. Do you want to come?

B

Complete each sentence using a modal verb and the verbs in brackets.

(3 points for each correct answer-18 points)

1. What do you do/are you doing? I’m an engineer.

2. I walked/was walking the dog when I heard the explosion.

3. We.ve been watching/watched seven movies so far today-I love vacations.

4. John had never taken/never took the subway before he visited New York.

5. My father bought/used to buy a new car every year when we were younger.

6. Sam has had/has been having his dog since childhood.

C

Complete the text with an appropriate form of the verbs in parentheses.

(3 points for each correct answer-36 points)

Wendy Darling 1.___________________(be) married for two years now, and 2.________________ just ________________________ (have) her first child, Molly, but her fans will be pleased to hear that she 3. _______________________ already _______________________ (plan) her comeback.

Wendy says, ‘Of course, I absolutely 4. ___________________ (love) marriage and just adore Molly, but there’s a big part of me that 5. ________________________ (want) to get back in the studio and record some new music. You know, I 6. _________________ (start) playing guitar when I was five years old, so that means I 7. _________________ (play) for twenty-one years, so it’s really like a habit and I get very frustrated if I can’t play on a regular basis. Added to that, a lot of things 8. _____________ (change) in my life in the past few years: my songs 9. ____________ (be) about feeling unhappy and not having a boyfriend, but now I’m very happy and I 10. ____________ (feel) like I ought to tell my fans about how great it is..

Well, I don’t know about you, but I 11. ______________________ certainly_______________________ (look

forward to) hearing Wendy’s new songs. But we’ll have to wait a little longer because Wendy 12. ___________ only just ____________ (start) writing again.

D

Complete each sentence with the correct word from the box. (1 point for each correct answer-10 points)

box office classifieds critic headlines jackpot reviews

paparazzi peace talks plot premiere

1. The movie got very bad ___________ in all sections of the media.

2. My aunt’s a movie ____________. All she does all day is watching movies and writing about them.

3. The new Spielberg movie has a very complicated ________________.

4. Terry bought a bike he saw in the _______________.

5. Many people still blame the ____________ for Princess Diana’s death.

6. I couldn’t believe it when we got tickets to the movie _______________.

7. Unfortunately, the ___________ failed to solve the crisis.

8. One lucky winner received a _____________ of seventy-two million dollars.

9. The new movie broke _____________ records for the first weekend.

10. Have you seen the ______________ ? The president’s resigned!

REVIEW TESTS

Units 4 to 6

A

Read each question in Column 1 and match it with the correct response in Column 2. Write the letter of the

response in the blank.

(3 points for each correct answer-36 points)

1 2

_______ 1. What time are you setting off? a. We both like the name Robin.

_______ 2. What are you going to call him? b. Yes, I wish my father wouldn’t smoke.

_______ 3. How long have you lived here? c. I think the blue one’s the best.

_______ 4. Who do you think will win the d. Our plane leaves at 12:40.

Oscar for the best actor? e. I’m staying home to watch TV.

_______ 5. What are you doing tonight? f. Come summer, we’ll have been in this

_______ 6. What are you so excited about? house for eight years.

_______ 7. Which do you prefer? g. I wish I’d worked harder at college.

_______ 8. That’s great. Who came up with that? h. I think they’reall just as good as one another.

_______ 9. What are your plans? i. Well, this time next week I’ll be flying to

_______ 10. What do you regret the most? New York, but after that, I don’t know.

_______ 11. Is there anything that irritates you? j. We’regoing on a surprise holiday to the Bahamas!

_______ 12. Who do you think’s the best? k. I think it’s going to be Brad Pitt this year.

l. Jess had the original idea, but then we all

helped develop it.

B

Choose an adjective from the box and complete each of the sentences using an appropriate form.

(3 points for each correct answer-18 points)

difficult good hard large luxurious skillful

1. China has ____________ population on Earth.

2. The marathon is one of ________________ sporting achievements in the world.

3. Fresh vegetables are _____________ for you than canned ones.

4. The Rolls-Royce is ______________ car ever made.

5. People say there will never be a soccer player as ______________ as Pele.

6. That’s _____________ I.ve ever worked in my life.

C

Complete the sentences with an appropriate form of the verbs in parentheses.

(3 points for each correct answer-36 points)

1. I ___________ (go) to the movies with Pete. See you!

2. I wish I ____________ (learn) to play an instrument when I was younger.

3. I wish my daughter _______________ (not play) her music so loud.

4. I’m saving money because I ___________ (buy) a car next year.

5. If only I ____________ (have) enough money to go on holiday.

6. Look at those clouds. It ____________ (rain).

7. Mrs. Adams ___________ (travel) over ten thousand miles by the end of her trip.

8. Rachel wishes she _____________ (not oversleep) this morning.

9. Tara: Oh no! My jacket’s got a stain on it!

Mom: Don’t worry. I ____________ (wash) it for you now.

10. The train from Washington ______________ (arrive) at 15:32.

11. The UN has confirmed that talks _____________ (begin) next week.

12. This time next week I ____________ (listen) to Elton John play live.

D

Complete each sentence with the correct word from the box.

(1 point for each correct answer - 10 points)

cosmopolitan delicious exhausted ascinated manipulative obstinate

pay off pick up pollution talk to

1. Can you __________ the dry cleaning on your way home?

2. Please try and __________ her. She won’t listen to me.

3. Have you got a credit card debt you want to ____________ ?

4. Do you have to be so _____________ ? You’renot always right, you know.

5. He’s very ____________ and is always trying to control people.

6. There’s a big problem with air ____________ in this town.

7. New York has to be the most ___________ city in the world.

8. Did you see the Elvis documentary last night? I was absolutely _______________.

9. What an awful day! I’m absolutely ________________.

10. Have you ever tried snails? They’rereally _____________!

REVIEW TESTS

Units 7 to 9

A

Match the first part of the sentences in Column 1 with their endings in Column 2.

(3 points for each correct answer-36 points)

1 2

________ 1. What would you do ............... a. I would have applied for the job in Paris.

________ 2. If my parents hadn’t liked the same b. if you don’t pass your exams?

music, ............... c. if you got lost in a forest at night?

________ 3. Wait until the January sales ............... d. you should see a doctor.

________ 4. If you want to become a doctor, ............... e. as soon as I hear anything.

________ 5. If I could speak French, ............... f. I’d have stayed at home.

________ 6. If George hadn’t apologized to Sam, .............. g. they wouldn’t have met at the concert.

________ 7. I’ll give you a call ............... h. you have problems seeing things in the

________ 8. If you feel worried about your health, .............. distance.

________ 9. What will you do ............... i. if you want to get the best bargains.

________ 10. When you see Roy, ............... j. you have to study very hard.

________ 11. If I’d known she was going to the party, ......... k. they wouldn’t be friends now.

________ 12. If you’reshort-sighted, ............... l. please say hello to him from me.

B

Complete each sentence using a modal verb and the verbs in brackets.

(3 points for each correct answer-18 points)

1. Almost everyone __________ (make) difficult decisions at some point in their life.

2. Students ____________ (forget) to bring their money for the excursion by Tuesday at the latest.

3. Thanks for bringing the cake, but really you ___________ (bring) anything.

4. I think the government _______________ (ban) all advertising for tobacco and alcohol.

5. I _______________ (remember) to e-mail Will and tell him I can’t come to the party.

6. When I was younger, I ____________ (go) to bed at eight o.clock, but now I can stay up as late

as I want.

C

Complete the sentences with a, an, the or no article (ø).

(2 points for each correct answer-36 points)

1. Did you see __________ final last night? ____________ Barcelona won 3-2.

2. Sally is one of _____________ most intelligent girls I.ve ever met.

3. __________ president said that more work needed to be done to help ____________ poor.

4. We flew to ___________ Europe on _____________ jumbo jet.

5. I like _____________ simple meals. For example, ____________ apple and some cheese is great

for _____________ light lunch.

6. I want to work in __________ USA, but I can’t get ___________ visa.

7. Hilary screamed when she found ____________ massive spider in ____________ bathroom.

8. Most people surveyed said __________________ quality they most admired was __________________

intelligence.

9. We stayed at _____________ hotel on 42nd Street.

10. Paris is very romantic. Lots of people take boat trips on ____________ Seine River.

D

Complete each sentence with the correct word from the box.

(1 point for each correct answer-10 points)

degree flat graduate lift cell pavement

recess scholarship suspended underground

1. Students enjoy a morning _____________ of fifteen minutes at 10:30.

2. Xavier won a____________ to Yale because of his musical abilities.

3. David was _____________ for two weeks after teachers caught him playing truant.

4. Fran went to university and majored in English for her _______________.

5. After finishing university, I want to go to _____________ school.

6. Can you give me a call on my ____________, please?

7. The quickest way to get around London is on the ______________.

8. I shared a ___________ with two other students when I spent a year in Edinburgh.

9. In British hotels, you take the _____________ between floors.

10. British people walk on the _____________, but they have to ride bikes on the road.

REVIEW TESTS

Units 10 to 12

A

Choose the grammatically correct sentence.

(3 points for each correct answer-36 points)

1. a. Anyone can play the guitar. It’s easy!

b. Someone can play the guitar. It’s easy!

2. a. Jim must be stuck in traffic. He’s not normally late.

b. Jim can’t be stuck in traffic. He’s not normally late.

3. a. A million new cars was sold last month.

b. A million new cars were sold last month.

4. a. It might rain later. Make sure you take an umbrella.

b. It might have rained later. Make sure you take an umbrella.

5. a. Students might only be absent from school with their parents. permission.

b. Students may only be absent from school with their parents. permission.

6. a. There are too many news on TV these days. It’s so boring.

b. There is too much news on TV these days. It’s so boring.

7. a. People that don’t smoke usually live longer.

b. People, that don’t smoke, usually live longer.

8. a. Many products have to be slightly adapted for foreign markets.

b. Many products have to be slightly adapting for foreign markets.

9. a. My brother, which has run several marathons, has given up exercise.

b. My brother, who has run several marathons, has given up exercise.

10. a. I’d like to know how many people own a computer?

b. I’d like to know how many people own a computer.

11. a. Can you tell me if there’s a train to Philadelphia in the next hour, please?

b. Can you tell me is there a train to Philadelphia in the next hour, please?

12. a. Stephen Spielberg must has a very vivid imagination.

b. Stephen Spielberg must have a very vivid imagination.

B

Rewrite each phrase using the prompt given.

(3 points for each correct answer-18 points)

1. Where’s the best place to buy a new computer?

I wonder _______________________________________________________________________________.

2. Does the subway take me to Brooklyn?

Can you tell me ________________________________________________________________________ ?

3. JK Rowling began the Harry Potter stories while working as a teacher.

The Harry Potter stories __________________________________________________________________.

4. There’s no way that Johnny did all that work himself.

Johnny can’t ____________________________________________________________________________.

5. It’s possible that the strange lights in the sky were a natural phenomenon.

The strange lights in the sky may __________________________________________________________.

6. Police reported a rise in cell phone theft for the fifth month in succession.

A rise __________________________________________________________________________________.

C

Complete each of the sentences with an appropriate form of the verb in brackets (including modals, passive voice, etc.) (3 points for each correct answer-36 points)

1. A spokesman said the company ___________ (announce) its new president tomorrow morning.

2. Card games ___________ (enjoy) throughout the world.

3. Detectives think they ___________ (find) the killer, but they need to question the suspect further

to be absolutely sure.

4. I don’t know where I ___________ (want) to go on holiday this year.

5. I think it ___________ (be) tiring to be famous and never have any privacy.

6. It ___________ (say) by many that the world is facing a population crisis.

7. Kate Moss, the supermodel, ___________ (appear) in fashion shows all over the world for many

years now.

8. People ___________ (go) to bed earlier when there was no electricity.

9. Shares ___________ (sell) on the New York Stock Exchange for over a hundred years.

10. The new BMW ___________ (reveal) to the press last night.

11. The test ___________ (not be) very difficult-everybody got at least ninety percent.

12. You ___________ (not see) Tim-he was with me all the time!

D

Complete each sentence with the correct word from the box.

(1 point for each correct answer-10 points)

do frozen kick make picked up poached

psychic spell vampire werewolves

1. Doctors think smoking is one of the hardest habits to ____________.

2. One of my favorite dishes is ____________ salmon.

3. Dracula is the most famous ____________ ever to have been created.

4. I love children, but they always ____________ such a mess!

5. We’revery excited about the opportunity to ____________ business with Microsoft.

6. I’m afraid it’ll have to be ____________ pizza for dinner tonight.

7. I was pleased when Mr. Prynne ____________ the check because I was broke.

8. The wizard cast a ____________ that turned the young prince into a frog.

9. The police used a ____________ to help them find the missing money.

10. According to legend, ____________ appear whenever there is a full moon.

SuperGoal 6 Answer Key

P

lacement Tests

1. d 5. c 9. c 13. c 17. b

2. b 6. d 10. d 14 c 18. b

3. d 7. d 11. a 15. d 19. c

4. b 8. b 12. c 16. b 20. d

Review Tests

UNITS 1 TO 3

A

1. f 4. a 7. j 10. k

2. b 5. I 8. d 11. g

3. e 6. i 9. h 12. c

B

1. do you do 4. never taken

2. was walking 5. used to buy

3. watching 6. has had

C

1. has been 7. have/.ve been playing

2. has just had 8. have changed

3. is already planning 9. used to be/were

4. love 10. feel

5. wants 11. am/’m certainly

6. started looking forward to

12. has only just started

D

1. reviews 6. premiere

2. critic 7. peace talks

3. plot 8. jackpot

4. classifieds 9. box office

5. paparazzi 10. headlines

UNITS 4 TO 6

A

1. d 4. k 7. c 10. g

2. a 5. e 8. l 11. b

3. f 6. j 9. i 12. h

B

1. the largest 4. the most luxurious

2. the most difficult 5. skillful

3. better 6. the hardest

C

1. am/’m going 7. will have traveled

2. had/.d learned 8. hadn’t/had not overslept

3. wouldn’t/didn’t play 9. will/’ll wash

4. am/’m going to buy 10. arrives

5. had 11. will begin

6. ‘s going to rain 12. will/’ll be listening

D

1. pick up 6. pollution

2. talk to 7. cosmopolitan

3. pay off 8. fascinated

4. obstinate 9. exhausted

5. manipulative 10. delicious

UNITS 7 TO 9

A

1. c 4. j 7. e 10. l

2. g 5. a 8. d 11. f

3. i 6. k 9. b 12. h

B

1. has to make 4. should ban

2. mustn’t forget 5. must remember

3. didn’t need to bring 6. had to go

C

1. the, Ø 5. Ø, an, a 8. the, Ø

2.the 6. the, a 9. a

3.The, the 7. a, the 10. the

4. Ø, a

D

1. recess 6. cell

2. scholarship 7. underground

3. suspended 8. flat

4. degree 9. lift

5. graduate 10. pavement

UNITS 10 TO 12

A

1. a 4. a 7. a 10. b

2. a 5. b 8. a 11. a

3. b 6. b 9. b 12. b

B

1. where the best place to buy a new computer is.

2. if the subway takes me to Brooklyn

3. were begun while JK Rowling was working as a teacher.

4. have done all that work himself.

5. have been a natural phenomenon.

6. in cell phone theft has been reported for the fifth month in succession.

C

1. will announce 7. has appeared

2. are enjoyed 8. must have gone

3. may/might/could 9. have been sold

have found 10. was revealed

4. want 11. can’t/couldn’t have

5. must be been

6. is said 12. can’t/couldn’t have seen

D

1. kick 6. frozen

2. poached 7. picked up

3. vampire 8. spell

4. make 9. psychic

5. do 10. werewolves

Answer Key for SUPERGOAL Workbook 6

UNIT 1 (PAGES 1-6)

A

1. has

2. was/had been, became

3. worked/had been working, is

4. rehearse

5. has just moved, had been living

6. will have already left

7. spoke, was going, arrived

8. haven’t seen, have you been

9. will have been married

10. has been working

B

1. c 2. h 3. b 4. f

5. g 6. e 7. d 8. a

C

1. see, will tell 4. hadn’t gone, wouldn’t have seen

2. had, would 5. calls, tell

3. is raining, will

D

1. Sue doesn’t/does not like to go skating in her free time.

2. I hadn’t/had not realized John was telling the truth.

3. Jenny hasn’t/has not gone to the movies.

4. His family doesn’t/does not live just across the street from me.

5. I won’t/will not be working a lot less next year.

6. My sisters hadn’t/had not seen the movie yet.

7. Joe didn’t/did not go there to sell the house a few days ago.

8. I really don’t/do not need a break.

E

Possible answers:

1. If Patsy saw an attorney, she wouldn’t/would

not be stressed.

2. If Max had lots of free time, he would read

more.

3. If Miriam practiced, she would sing better.

4. If Joe weren’t / were not married, he would

travel more.

5. If Derek hadn’t/had not become a teacher,

he would earn more money.

F

1.a 2.c 3.a 4.b

5. c 6. a 7. c

G

1. As soon as Mary graduates, she will travel around Europe for six months.

2. If I had studied harder, I would have a better job now.

3. I would not have woken up if you hadn’t called me.

4. Life would be so different if we didn’t have

television.

5. I won’t/will not go unless you pay for my

expenses.

6. When you arrive at class, I will have already

been working for three hours.

7. Unless you study calculus, you will have difficulty doing those complex physics problems.

H

1. policy 2. mayor

3. actually 4. r้sum้

5. realized 6. commits

7. costume 8. enroll

9. anticipate 10. intends

I

1. b 2. a 3. b 4. a

5. b 6. b 7. b 8. b, a

J

1. ahead of their time 2. unfortunately

3. The first reported 4. According to

5. imagined the need 6. There is also

K

Answers will vary.

UNIT 2 (PAGES 7-12)

A

comes, thinks, are, has married, is, wants, has, lives, falls in love, thinks, has finally met, wants, is, is, sets, has done/did, doesn’t/ does not speak, keeps, is always running away, thinks, makes

B

1. has been rehearsing

2. has been

3. have been shooting

4. have seen

5. has wanted

6. has just signed

7. has worked/has been working

8. have always been

9. have starred

10. have been designing

C

1. a 2. b 3. b 4. b

5. a 6. b 7. a 8. b

D

1. c 2. g 3. h 4. f 5. b

6. d 7. j 8. a 9. i 10. e

E

1. The director finished the movie last week.

2. The shooting has been delayed because the main actors have been arguing ever since they went on location.

3. The female lead has been complaining all morning that her trailer is not luxurious enough.

4. The star of the movie has just quit.

5. Everyone has known the plot of the new movie since last April.

F

1. director, was, received, reviews

2. loved, critics slammed

3. don’t like, special effect, low-budget

4. cast, was

5. disliked, spent, set, trailers

6. read, stunt, broke

7. box office, have seen

8. Blockbuster, have, action

9. read, script, role

10. agent, told

G

1. a 2. h 3. c 4. f

5.b 6.e 7.d 8.g

H

Answers are provided at the bottom of page 10 of the Workbook.

I

1. Before 2. age 3. influence

4. allowed 5. initially 6. cut

7. becoming

J

1. suitable 2. viewed 3. crude

4. pragmatic 5. depicted

K

Answers will vary.

UNIT 3 (PAGES 13-18)

A

began, had become, was not, was launched, turned, bought, set up, reached, met, signaled, had, employed, had, was watched, was, admitted, had obtained, turned, had become, sold, had forever changed

B

5, 8, 1, 2, 4, 3, 6, 7

C

Possible answers:

1. The witness had seen the stealing suspects from the elderly woman.

2. The small village was completely destroyed by the tornado.

3. The thief had robbed another victim before moving on to a different town.

4. Strong winds had been forecasted for the south part of the island.

5. The coach was selecting players for the new soccer team.

6. Many international donations were made to the war victims.

7. After the drought there was an increase in unemployment.

8. Carrie used to work twelve hours a day, but when she had a baby all that changed.

9. My brother had been working as an extra in a soap opera for years when he finally won the starring role.

10. The couple first met in 1977 and broke up five years later.

D

1. keeper 2. rise

3. leg 4. line

5. age 6. book

7. concert 8. plate

9. letter 10. book

E

Possible answers:

1. The bank robber had escaped before the police arrived.

2. The troops had already attacked when the general gave the order.

3. The bank had record losses last quarter.

4. The strikers had been waiting for weeks before the employers finally agreed to meet up.

5. CNN was small before it became an empire.

6. By 1990, the network had become a success.

7.The official announcement had been leaked in the news.

8. The victim was sleeping when the robbers broke in.

9. He had worked in the project for many years when he died.

10. The suspect had originally pleaded guilty but changed his plea to innocent.

F

1. a 2. b 3. a

4. a 5. a 6. a

G

Weather: East Coast on Storm Alert; Flood Forecast for Southern Region

Obituaries : Passing of Carl Z. Mendes; Peter Sanders Survived by Wife and 4 Children

World News : Question of War or Peace Up to Iraq; Incident Aboard El AI Flight to Turkey Was Act of Terror; Suspects Arrested at Border

Business : New Openings at Local Companies; Companies Limit Recharging Devices

Education : Many Books Go Unread; Physical Education Teacher Honored at Local School

Law : Court Gives Refugee Verdict

Sports : Eskimos Beat Rangers in Playoff; Stewart’s Troubled Season Ends with Winston Cup Triumph

Entertainment : Broadway Hit Sold Out Until 2005; New Spielberg Movie Takes $60 M in First Week

Jobs : Excess of Legal Professionals on Market

H

1. F 2. F 3. T 4. F 5. T 6. F

I

Answers will vary.

REVIEW FOR UNITS 1-3 (PAGES 19-20)

A

1. a 2. b 3. b 4. a 5. b 6. b

B

was, thought, ‘s/is, did you go, went, have always wanted, have had, had already gone, enjoyed, spent, camped, tell, have things been, have been working, left, haven’t finished, were waiting

C

1. c 2. b 3. b 4. a 5. a 6. b

D

1. e 2. c 3. b 4. f 5. a 6. d

E

Possible answers:

1. If you don’t come home by midnight, you’ll be grounded for a month.

2. If I had studied more, I would have a better job.

3. If you changed your image, you could get a date.

4. If I get a good grade in the test, my parents will give me a new bike.

UNIT 4 (PAGES 21-26)

A

1. is

2. will have been

3. are being

4. are going to be

5. will be

B

1. a 2. a, b 3. b 4. a 5. b, a

6. b 7. b 8. a 9. b 10. a

C

1. c 2. f 3. b 4. e 5. d 6. a

D

Possible answers:

1. Mary will have been a secretary in this firm for ten years by the end of the year.

2. John will be leaving by the time you get there.

3. The plane does not leave for another half an hour.

4. Don’t call me at midnight because I will have gone to bed already.

5. Engineers will have invented a flying car by 2040.

6. Palm readers only say what you want to hear.

7. There will be humans living on the moon by then.

8. I’m going to take a break and go to the movies tonight.

9. Are you doing anything special on the weekend?

10. People will be more interested in alternative therapies in the future.

E

Possible answers:

Negative Traits : manipulative, indecisive, self-entered, secretive, possessive, ruthless, self-indulgent, unpredictable, selfish, stubborn, lazy, unfaithful

Positive Traits : persistent, sympathetic, selfless, loving, conscientious, spiritual, rustworthy, affectionate, neat, loyal, witty

Positive/Negative Traits : ambitious, talkative, obstinate, naÏve, clever, passionate, moody, shy, assertive

F

1. self-centered 2. moody

3. reckless 4. sympathetic

5. witty/clever 6. passionate

7. secretive 8. assertive

9. possessive 10. stubborn

G

1. shy 2. reckless 3. lazy 4. loyal

5. neat 6. talkative 7. secretive

8. selfish 9. ruthless 10. naÏve

H

horizontal : naÏve, assertive, persistent, spiritual, shy, trustworthy.

vertical : witty, passionate, self-indulgent, sympathetic, selfish

diagonal : neat

I

J

1. F 2. T 3. T 4. T 5. F

6. T 7. T 8. F 9. F 10. F

K

Answers will vary.

UNIT 5 (PAGES 27-32)

A

most fantastic, most incredible, most expensive, not more expensive than, as good as, best, better, coolest, greatest, more sympathetic, stingiest, more helpful

B

1. a 2. a 3. b 4. b

5. a 6. a 7. a 8. a

C

Answers will vary.

D

1. astonished, filthy, immaculate

2. huge, tiny

3. gorgeous, fascinated

4. starving

5. horrible, perfect

6. disastrous, sparkling

7. fantastic, amazed, marvelous

E

Mistakes are indicated in parentheses at the end of each sentence.

1. The slogan for the new product was perfect. (very)

2. Those new pants make you look thinner than you have ever looked before. (the)

3. The new facial cream made me look wonderful. (very)

4. This is the hardest I have ever tried to lose weight. (harder)

5. The product was the least successful in the company’s history. (less)

6. That slogan is the worst I have heard in years. (worse)

7. The new shaving cream promises to leave your skin as smooth as a baby’s. (as)

8. Advertising companies in the United States make a huge amount of profit every year. (very)

9. Starring in a TV commercial was one of the most exciting things I have ever done. (the)

10. Consumers remember a product’s name better if it has a catchy jingle. (much)

F

1. b 2. a 3. f 4. i 5. c

6. e 7. h 8. g 9. d

G

1. get rid of 2. get on with

3. take up 4. fell out with

5. run out of 6. came up with

7. get across 8. pick up

9. found out 10. take on

H

1. good 2. bad 3. amazing 4. lazy 5 sarcastic

I

1. F 2. T 3. F 4. T 5. T

J

1. memories, feelings, expectations, etc. that are connected to or triggered by a particular place, event, word, etc.

2. warnings or statements that tell you that something bad, annoying or dangerous might happen

3. be the person or thing that people often make jokes about.

K

Answers will vary.

UNIT 6 (PAGES 33-38)

A

1. had

2. didn’t get married

3. could go

4. would look

5. hadn’t gone, had stayed, wouldn’t have met

6. wouldn’t give

7. hadn’t moved

8. had studied

9. would go out

10. would come

B

1. i 2. e 3. j 4. b 5. a

6. c 7. f 8. d 9. g 10. h

C

Answers will vary.

D

1. b 2. a 3. b 4. a 5. b 6. a

E

If only I could, I’d, If I had, I’d dare, I’d spend, I’d do, I’d give, If I could live, I’d smile, would accept

F

Answers will vary.

G

1. Nowadays everyone wishes they had more money.

2. If only I had listened to my parents about studying.

3. I wish you would not speak so loudly.

4. You should not have been so rude with your boss.

5. My mother wishes she had not gotten married so young.

H

Possible answers:

security check, security guard

traffic light, traffic jam, traffic circle

urban crime, urban population

peace talks, peace corps

night shift, night table

noisy, noisily, noiseless, noiselessly

employer, employee, employment

gardener, gardening

peaceful, peacefully

industrial, industrious

I

Possible answers:

1. filthy 2. unusual/unexpected

3. strange/angry 4. costly

5. hire 6. difficult/unkind

J

Possible answers:

1. boring 2. safe 3. rural

4. clean 5. empty 6. chaotic

K

1. dangerous 2. gardening

3. peaceful 4. industrial

5. noisy 6. unemployment

7. crowded 8. friendly

9. endangered 10. industriousness

L

Amy

1. I wish I had a dog.

2. I wish to meet the president.

3. I wish I would go to Italy.

Pete

1. I wish to visit Florida.

2. I wish I had a giant TV.

3. I wish to have more friends.

Bobby

1.I wish I had the best computer system in the world.

2.I wish I had all the latest computer games.

3.I wish I had a little brother.

M

Answers will vary.

N

Answers will vary.

REVIEW FOR UNITS 4-6 (PAGES 39-40)

A

1. hurtful 2. selfish 3. moody

4. witty 5. sympathetic 6. reckless

Sentences will vary.

B

1. d 2. e 3. b 4. c 5. f 6. a

C

1. talkative 2. selfish 3. spiritual

4. neat 5. selfless 6. ruthless

D

1. better than 2. The craziest 3. worse than

4. the most expensive 5. The farthest

E

1. if I am 2. If she eats 3. if I had been

4. If I were 5. If she had eaten

F

1. I wish I hadn’t eaten so much.

2. I wish I had more money.

3. I wish I were thinner.

4. I wish I hadn’t bought it.

5. I wish I had been nicer to him.

G

1. will have closed 2. will be sleeping

3. will have been working 4. will have gone

5. will have lost 6. will be lying

7. will not allow 8. have

9. will meet 10. will snow

UNIT 7 (PAGES 41-46)

A

1. a 2. b 3. a 4. b 5. b

B

1. b 2. g 3. h

4. i 5. f 6. e

7. c 8. d 9. a

C

Possible answers:

1. If you heat water to 100 degrees centigrade, it boils.

2. If you place ice cubes in a glass of water, they float.

3. If you exercise, you’ll be healthier.

4. When there’s an oil crisis, oil prices rise.

D

Possible answers:

1. If I hadn’t lied, he wouldn’t be so angry with me.

2. If you lend me the money, I will promise to pay you back as soon as possible.

3. If you studied more, you wouldn’t worry so much about your grades.

4. If you wait for me, I will get dressed really fast.

5. If she wears that dress, she will be the center of attention at the party.

E

Possible answers:

1. If Bob hadn’t stayed by the pool so long yesterday, he wouldn’t have sunburn.

2. If plants have sunlight and water, they won’t die.

3. If an apple hadn’t fallen on Newton’s head, he wouldn’t have discovered gravity.

4. If I had money, I’d go to the beach.

5. If I finish this report by 5 o.clock, I will go home.

6. If I don’t know how to use the computer, I won’t get that job.

7. If I had more time, I would play sports.

8. If you ask stupid questions, you will get stupid answers.

9. If Mr. Sanders hadn’t been speeding, he wouldn’t have got a ticket.

10. If Alexander Fleming hadn’t discovered penicillin, many diseases wouldn’t be curable.

F

Possible answers:

2. If I had listened to my mother, I wouldn’t have

gotten married so young.

3. If I had chosen number 9145722, I would

have won the lottery.

4. If I hadn’t robbed that store, I wouldn’t be

in jail.

5. If the apple hadn’t fallen, I would have never

discovered gravity.

6. If I hadn’t crossed in front of that car, I

wouldn’t have a broken leg.

G

Possible answers:

1. you should study hard.

2. you must be crazy.

3. you could have called.

4. you must work harder.

5. you think I’m going to lend you money.

6. they had invited you.

7. you wanted to get accepted to that college.

H

1. The students are really excited about going on

the field trip.

2. You have to be good at using a computer to

be a secretary.

3. I am afraid of flying in bad weather.

4. My friend is obsessed with the idea of losing weight.

5. The teacher got angry about the mess in the classroom.

6. I am interested in finding out more about Egypt.

7. Mary’s parents argued with her for hours about her bad grades.

8. I don’t like to borrow money from people for several reasons.

I

1. laugh at 4. forget to

2. wait for 5. worried about

3. have ... with 6. talked to/talk about

J

Answers will vary.

K

1. F 2.T 3. T 4. T 5. F

6. F 7.F 8. F 9. F 10. T

L

Answers will vary.

UNIT 8 (PAGES 47-52)

A

1. an 2.an 3. a

4. a 5.an 6. a

B

Mistakes are indicated in parentheses at the

end of each sentence.

1. Kids have to go to school. (the)

2. I hate making the bed in the morning. (a)

3. We had lunch in an expensive restaurant. (the)

4. I’m traveling to the United Kingdom today.

5. I’m going to the movies tonight.

6. The president has a lot of responsibility.

7. My father traveled to Ireland and to the United

States. (the)

8. I usually don’t eat hamburgers, but I like the

hamburgers in this cafe. (the)

C

1. a 2. b 3. a 4. a 5. b, a

D

Missing articles are in bold type.

Hi Mom and Dad,

Sorry I didn’t get in touch with you before but I had a hard time finding an Internet café here. I finally found a very good one near the hotel where I am staying. So, how are the two of you? Do you miss not having me around the house? I miss being there. Everything here is fine. The course is really good and the teachers are really helpful. I like my classmates, too. I guess I just need more time to get used to the hectic lifestyle of New York. There is always a siren wailing-day and night. I.ve managed to do some sightseeing over the weekend. I went to the Empire State Building, took a walk around Central Park, and had lunch near the skating rink at Rockefeller Center. Everything is so big and busy here, so different from home. I.ve been learning a lot and having a great time. I’ll try to write to you again on Friday.

I can’t wait to get home.

Love,

Patricia

E

horizontal : trousers, chips, soft drink, flat, pavement, dustbin

vertical : braces, sweets, lift

F

|American English |British English |

|1. coffee shop |cafe |

|2. apartment |flat |

|3. ride |drive |

|4. subway |underground |

|5. gas |petrol |

|6. call |ring |

|7. cell phone |mobile phone |

|8. train station |railway station |

|9. sidewalk |pavement |

|10. check |bill |

G

Answers will vary. Possible answers:

|American English |British English |

|1. area code |dialling code |

|2. backpack |rucksack |

|3. attorney |lawyer |

|4. bathroom |toilet |

|5. automatic teller machine |cash point |

|(ATM) | |

|6. bathrobe |dressing gown |

|7. brown bag lunch |packed lunch |

|8. busy signal |engaged tone |

|9. cafeteria |canteen |

|10. collect call |reverse charge call |

H

1. train station 2. basement 3. check

4. sidewalk, trunk 5. post code 6. bill

I

1. There are at least

2. it is also spoken

3. despite the fact that

4. there has been

5. many oppose

6. but also

7. any computer professional

8. in other words

J

Answers will vary.

UNIT 9 (PAGES 53-58)

A

Answers will vary. Possible answers:

Things you should do: Practice what you have learned as much as you can; Keep a list of all the new words you learn; Listen to music and watch movies in the language you are learning; Speak the language whenever you can.

Things you shouldn’t do: Use an electronic translator to write your texts; Memorize dialogues; Only speak when you are sure that what you are going to say is correct; When reading, translate every word into your own language.

B

1. a 2. b 3. a 4. b

5. b 6. a 7. b

C

1. d 2. c 3. a 4. g

5. f 6. b 7. e

D

Possible answers:

1. You must look both ways before you cross

the street.

2. You should do your homework if you want to

pass the test.

3. You need to wash your hands before you cook.

4. You don’t have to go to the bank. You can pay

over the Internet.

5. You should fix the brakes before you go on

vacation.

6. You should go on a healthy diet and do some

exercise.

E

1. needs to be 5. doesn’t allow

2. shouldn’t 6. needs to be ready

3. don’t have to 7. needn’t have

4. had to 8. shouldn’t have

F

1. needs to be handed in

2. need to understand

3. need to be repainted

4. need to get

5. need to have

6. need to be made

7. needs to know

8. needs to be made clear

G

1. recess 2. graduation

3. student 4. classroom

5. schedule 6. janitor

7. graduate 8. college

H

1. c 2. b 3. e 4. g 5. f

6. d 7. h 8. j 9. a 10. i

I

Answers will vary.

J

1. failed 2. story 3. detention 4. scholarship

K

relatively uncommon, learn better, The difference between, loose and flexible, up to them, an alternative, allow children, much happier, real-life work, schooling system

L

Possible answers:

1. allows freedom

2. improves family relationships

3. helps in cases of depression or learning disabilities

4. makes children happier and more positive

M

Answers will vary.

REVIEW FOR UNITS 7-9 (PAGES 59-60)

A

Corrections are in bold type.

The best place to take a vacation is a place where you can relax and forget about your daily routine. Forget about bills, schedules, and responsibilities. You need a place where you can just spend the day lying on the beach and soaking up the sun. The Coconut Resort is that place. Come on... all you have to do is pick up the phone and make a reservation and start enjoying the best time of your life. Our staff is waiting to pamper you day and night, with the most fabulous service you’ll never forget.

1. the 2. a 3. the

4. the 5. the 6. the

B

1. shouldn’t 2. must

3. should have 4. must have

5. had to 6. don’t have to

7. had to 8. should

9. shouldn’t 10. must

C

Most models are obsessed with losing weight. Mothers are always worried about their children’s future.

Jeans are unsuitable for formal dinners.

The workers were angry about the cut in their salary.

The school kids are excited about their field day.

Mail carriers are often afraid of barking dogs.

You have to be good at typing to be a secretary.

I am sick and tired of doing the same thing every day.

D

1. The police wouldn’t have stopped you if you hadn’t been speeding.

2. If you blow too much air into a balloon, it will pop.

3. Prices will go up if inflation is not controlled.

4. I wouldn’t have enrolled in this course if I had known it would be so hard.

5. She told us not to come in unless she called us.

E

Possible answers:

1. If I hadn’t eaten so much last night, I wouldn’t feel sick now.

2. If I had bought more food, we wouldn’t have run out of food on the camping trip.

3. If I hadn’t gone to the party last night, I would have finished the project.

4. If the little boy hadn’t been running around the table, he wouldn’t have broken the glass.

5. If she hadn’t seen an old friend from high school in the elevator, she wouldn’t have been late for the appointment.

UNIT 10 (PAGES 61-66)

A

1. a 2. b 3. a 4. b 5. a

6. b 7. a 8. b 9. a 10. b

B

Ability: 5, 6

Permission: 1, 8

Deduction: 3, 4, 7, 9

Obligation: 2, 10

C

must have been, may have been, must have spent, must have been, can’t exist, couldn’t/could not have dreamed, could smell, could touch, must have suggested, may/could have created, mustn’t/must not believe, may/could be, shouldn’t/should not get, may/could have been

D

1. It must have been really exciting to live in the sixties.

2. You may be right, but I’m not sure.

3. Space exploration is important because there may be life on other planets.

4. UFOs may have been coming to Earth in search of food.

5. The FBI agents may have been following the wrong lead.

6. People who see ghosts may/might/could be hallucinating.

E

1. c 2. a 3. d 4. e 5. b

F

1. d 2. i 3. f 4. e 5. h

6. j 7. a 8. c 9. b 10. g

G

Answers will vary.

H

1. vampire 2. werewolf 3. wizard

4. ghost 5. witch 6. zombie

7. spell 8. sorcerer

horizontal: witch, werewolf, spell, wizard

vertical: sorcerer, ghost, vampire

diagonal: zombie

I

1. Vampires 2. full moon 3. Supernatural 4. Déjà vu 5. potions 6. Telepathy

7. premonition 8. telekinesis 9. paranormal 10. black magic

J

1. spell 2. telepathy 3. psychic

4. wizard 5. witch 6. poltergeist

7. ghost

K

1. ‘Spell. doesn’t belong because it is the only one that doesn’t refer to a person.

2. ‘Telepathy. doesn’t refer to magic abilities or tools.

3. ‘Psychic. doesn’t refer to people with magical powers.

4. ‘Wizard. doesn’t refer to people who turn into something else.

5. ‘Witch. refers to a person and not to special paranormal abilities or powers.

6. ‘Poltergeist. doesn’t refer to a person already endowed with powers.

7. ‘Ghost. doesn’t refer to feelings related to paranormal experiences.

L

1. Some experts believe deja vu to be the expression of a simple fantasy or the desire to fulfill a wish.

2. Others have offered a more scientific explanation and claim it is a mismatch of the brain that causes it to mistake the present for the past.

3. Parapsychologists attribute it to reincarnation, and believe it is related to experiences in past lives.

M

1. a feeling of being relaxed and comfortable because you are in a place or with people you know well

2. something that happens or exists, especially something that is studied because it is not understood.

3. an idea or belief that is based only on imagination, not on real facts.

4. an illness which prevents part of your body from working properly.

N

Answers will vary.

UNIT 11 (PAGES 67-72)

A

Answers will vary. Possible answers:

1. Oranges are hand-picked in the field.

2. Oranges are loaded into trailers and taken to the processing plant.

3. Oranges are washed.

4. Oranges are cut and transported via conveyors to juicing machines.

5. Oranges are squeezed by these machines.

6. Orange juice is processed and bottled in special machines.

7. Labels are glued to the bottles.

8. Orange juice bottles are packed in cartons.

9. Boxes of orange juice bottles are loaded onto trucks.

10. Boxes of orange juice bottles are delivered to supermarkets.

B

was based, was founded, made, enabled, developed, were worn, flourished, survived, was started, were brought, were, exceeded, introduced, was made, are sold, are

C

1. Steven Spielberg directed Jurassic Park.

2. France gave the Statue of Liberty to the United States.

3. Joseph William Foster founded the Reebok® company.

4. James Cameron directed Titanic.

5. Adi Dassler created the Adidas® brand.

6. Kids create many computer games these days.

7. The studio always approves scripts.

8. Talent agents usually discover supermodels.

D

1. c 2. f 3. d 4. e

5. h 6. b 7. a 8. g

E

1. Do you know when penicillin was discovered?

2. Could you tell me who the first president of the United States was?

3. Do you want me to tell you when man first walked on the moon?

4. Do you have any idea how ice cream is made?

5. Would you like to know how to make kites?/ how kites are made?

6. Does anyone know if/whether it is very hard

to get into that academy?

7. I wonder how long it takes to become a vet./

whether it takes very long to become a vet.

8. Do you know when the Dassler company

was founded?

9. Could you tell me what shoes the athletes

wore in the Berlin Olympics?

10. I wish I knew when the tickets for the concert

are going on sale.

F

make: the bed, a cake

run: a race, a company

take: a photograph, a book

climb: a ladder, a mountain

do: your hair, housework

G

1. watch television

2. draw the curtains

3. take a shower

4. take a break

5. pick up the check

6. make a mess

H

1. hold a contest

2. run a company

3. pick up a language

4. call a meeting

5. make the bed

6. take a picture

7. throw a party

8. run a marathon

9. do business

10. kick the habit

I

1. D 2. B 3. G

4. A 5. C 6. F

E is not used

J

Answers will vary.

UNIT 12 (PAGES 73-78)

A

1. b 2. f 3. h 4. i 5. d

6. j 7. a 8. c 9. e 10. g

B

1. My doctor, who is very concerned about my health, prescribed me some vitamins.

2. People who floss have healthier teeth.

3. Jogging, which is a strenuous exercise, can harm your knees.

4. Fruits which are orange in color have a lot of vitamin C.

5. People who are more sedentary tend to be fatter.

6. Gyms where you can go swimming are more expensive.

7. Water, which is essential to your health, is best drunk at room temperature.

8. Candy, which kids love, is bad for your teeth.

C

1. who 2. where

3. when 4. that 5. which

D

1. People who exercise regularly live longer and healthier lives.

2. Running on surfaces that are not even can hurt your knees.

3. You should find a gym where weight lifting equipment is available.

4. The best time to lose weight is when you are really committed.

5. The running shoes which I got for Christmas hurt my feet.

E

1. I have been eating too much rice.

2. The doctor has just a few hours to see his patients.

3. There is a little time to finish the task.

4. He doesn’t do any exercise.

5. I haven’t been to any health clubs in my life.

6. There are a lot of recipe books for low-fat diets.

7. There are some better ways to lose weight.

8. I don’t have many hours to play sports.

F

1. I need to get some bread and some milk at the store.

2. You have to do something about your weight problem.

3. Too much high-fat food is harmful to your heart.

4. My doctor says I can eat any food I like as long as I exercise.

5. Coca-Colaฎ is a drink you can find anywhere in the world.

6. I need to go to the grocery store to get some milk.

G

1. b 2. a 3. b 4. a 5. b

6. a 7. c 8. c 9. c 10. a

H

Possible answers:

1. meat: chicken / turkey / steak

2. vegetables: eggplant / lettuce / broccoli

3. fruit: peach / apple / pear

4. drinks: coffee / water / juice

5. fats: butter / margarine / lard

6. legumes: lentils / peas / beans

I

1. eggs 2. bread 3. beans 4. lettuce

5. rice 6. rice 7. kiwi 8. eggs

9. apples 10. pasta

J

1. G 2. F 3. B

4. C 5. D 6. A 7. E

K

Fill the blanks: anorexia / bulimia / anorexia / bulimia / bulimia

L

Answers will vary.

REVIEW FOR UNITS 10-12 (PAGES 79-80)

A

1. can’t 2. mustn’t 3. must

4. may 5. should

B

1. Two suspects were arrested last night.

2. The suspects are being questioned later on today.

3. The murder weapon has been found at the crime scene.

4. More people are believed to be involved in the crime.

5. The general public was asked to come forward with information.

C

1. are being made

2. were hired

3. will play

4. will not be sold

5. will be

6. will be punished

7. are sold

8. will be cancelled

D

1. ...where I left my watch?

2. ...how long it has been since we saw that movie?

3. ...when the next plane leaves?

4 ...what the teacher is going to ask on the test?

5. ...how many cars are produced in Brazil each year.

E

1. R

2. R

3. R

4. NR Cars, which are American’s most loved possession, cause a lot of pollution.

5. R

6. NR Ex-convicts, who are discriminated against in so many ways, have a hard time finding jobs.

F

1. b 2. a 3. b 4. a 5. b

-----------------------

[pic]

................
................